“ฮ่า ๆ ๆ รอข้ารึ ?” หลางเทียนหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องน่าขัน
“เจ้ากําลังรนหาที่ตาย!” หลางเทียนกําหมัดแน่น ไม่รอช้าพุ่งตรงเข้าหามู่เฉียนซีราวกับลูกธนูยักษ์
“หากเจ้าคิดว่าข้าแข็งแกร่งพอ ๆ กับเจ้าพวกนั้น เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้ว”
พลังของหลางเทียนนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก หลังจากรู้ถึงอุบายของมู่เฉียนซีแล้ว เขาก็ไม่ได้ประมาท รีบลงมือกับมู่เฉียนซีอย่างโหดเหี้ยม
“เจ้าพล่ามมากเกินไปแล้ว!” ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงพุ่งผ่านออกไปอย่างกระหายเลือด มู่เฉียนซีไม่อยู่เฉย นางรีบลงมืออย่างรวดเร็ว
“มังกรเพลิงสังหาร!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมังกรเพลิง หลางเทียนรีบหลบหลีกในทันที เขาจ้องกระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีอย่างเอาเป็นเอาตาย มือก็กำหมัดแน่น “เด็กหนุ่มผู้นี้รับมือได้ดีจริง ๆ กระบวนท่ากระบี่เล่มนี้มีพลังมากถึงเพียงนี้เลยรึ ? หึ! รอก่อนเถอะ อีกไม่นานมันก็จะต้องเป็นของข้าแล้ว”
รูปลักษณ์ภายนอกของกระบี่มังกรเพลิงนั้นไม่ดีนัก ทั้งเล่มเป็นสนิม มีเพียงสีแดงสดที่ปลายของกระบี่เท่านั้น
แต่กระบี่คืออาวุธ ขอเพียงพลังการต่อสู้แข็งแกร่ง ไม่ว่าภายนอกจะดูแย่เพียงใดก็ยังมีคนต้องการแย่งชิงมัน
— ปัง! —
หลางเทียนดูออกว่ากระบี่เล่มนี้แทบจะดูดพลังปรมาจารย์ภูตของมู่เฉียนซีไปจนหมด แน่นอนว่าเขาใช้โอกาสนี้ลงมือกับมู่เฉียนซี
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
พลังวิญญาณจะฟื้นฟูได้ก็ต้องใช้เวลา แต่พิษบนร่างของมู่เฉียนซีจะไม่มีทางขาดแคลนอย่างแน่นอน นางส่งเข็มยาพิษพุ่งออกไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพิษอันตรายเช่นนั้น หลางเทียนรีบพุ่งหลบหลีกการโจมตีและโจมตีกลับใส่พวกมันให้กระเด็นออกไป เขาหวงแหนชีวิตน้อย ๆ ของเขามาก เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นแน่
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ฟื้นคืนพลังวิญญาณขึ้นมาได้บ้าง ธาตุวารีของนางรวมตัวกัน นางตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า… “มังกรวารีพิฆาต!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
มู่เฉียนซีใช้อีกกระบวนท่าหนึ่งก่อนจะวิ่งหนีไป
หลางเทียนรับมือได้ยากกว่าลูกศิษย์กระจอกงอกง่อยเหล่านั้นของเขามาก พลังของพวกเขาแต่ละคนแตกต่างกันอย่างชัดเจน หากดันทุรังสู้กับหลางเทียนต่อไป นางคงเป็นปรมาจารย์ภูตระดับสองที่โง่งมทําร้ายตนเอง
การจะสังหารหลางเทียนต้องให้ความสําคัญกับกลยุทธ์ที่ดี
หลางเทียนป้องกันกระบวนท่านี้ของมู่เฉียนซีและพบว่ามู่เฉียนซีหนีไปแล้ว เขาโกรธมากจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ ทว่าก็เร่งฝีเท้าไล่ตามไป “เจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไร อย่าหนีนะ!”
มู่เฉียนซีไม่สนใจจะหยุดฝีเท้าลง นางหันไปกล่าวหยอกล้อ “เจ้าโง่! บอกข้าว่าอย่าหนี เจ้าก็อย่าไล่ตามมาซี่”
ระหว่างที่ถูกหลางเทียนไล่ล่า มู่เฉียนซีเริ่มเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทีแรก นางได้ทักษะนี้มาจากดินแดนลึกลับ นางเพียงแค่ฝึกฝนอย่างลวก ๆ เพื่อให้ความเร็วของนางพัฒนามากยิ่งขึ้น
ทว่าในตอนนี้ ภายใต้แรงกดดันที่ถูกกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนไล่ล่าชนิดที่ว่าพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางก็พัฒนาขึ้นโดยธรรมชาติ
“เจ้าเด็กสารเลว เจ้ากล้าใช้ทักษะการไล่ล่าของข้าในการฝึกฝนรึ ?!”
ในเมื่อหลางเทียนสามารถเป็นผู้นำกลุ่มนักผจญภัยได้ แน่นอนว่าเขาย่อมมิใช่คนโง่ เพียงไม่นานเขาก็มองแววตานั่นของเจ้าหนุ่มมู่ซีออกและกรุ่นโกรธแทบกระอักเลือด
มู่เฉียนซียิ่งวิ่งหนียิ่งเร็วขึ้น เขาทําได้เพียงใช้พลังวิญญาณเพื่อไล่ตามอย่างต่อเนื่อง การใช้พลังวิญญาณไปตลอดทางนั้นน่ากลัวมาก แม้ว่าจะมียาเม็ดคอยช่วย แต่ก็ยากที่จะประคับประคองไว้ได้
เมื่อพลังโจมตีของศัตรูอ่อนแอที่สุด มันเป็นโอกาสดีสําหรับมู่เฉียนซีที่จะโจมตี
และเวลานี้ กระบี่มังกรเพลิงรอจนทนรอไม่ไหวแล้ว แสงสีแดงเข้มพุ่งออกมา
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! ตูม! ตูม! — คลื่นเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวกวาดออกไป แม้ว่าหลางเทียนจะหลบได้อย่างรวดเร็ว แต่เส้นผมของเขาก็ถูกเผาจนน่าสังเวชใจ
“อ๊าก!”
ผมของเขาถูกเผาไปมากกว่าครึ่ง ไม่นานก็เปลี่ยนกลายเป็นศีรษะล้านเลี่ยน เขาจ้องมองมู่เฉียนซีอย่างโกรธเกรี้ยว
“อ๊าก! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“คิดว่าง่ายนักรึ ? มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม นางจัดการให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติของจักรพรรดิน้ำแข็งสองสวรรค์
หลังจากที่หลางเทียนได้รับความเจ็บปวดทรมาน มู่เฉียนซีก็วิ่งหนีต่อไป นางทราบดีว่าตอนนี้พลังของหลางเทียนกำลังบ้าคลั่ง หากไม่หนีต่อไป เกรงว่าคงได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง
“บัดซบ! เจ้าหนีไปอีกแล้ว”
แต่ไม่ว่าหลางเทียนจะคํารามอย่างไร มู่เฉียนซีก็ไม่สนใจ หนีก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน
นางเริ่มหนีห่างออกมาจากหลางเทียนได้ไกลขึ้นเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีมีเวลาพอที่จะจัดวางกับดักได้ เมื่อพวกเขาปะทะกันอีกครั้ง หลางเทียนคิดว่า ‘มู่ซี’ จะนำวิธีเดิมมาใช้ แต่ ‘มู่ซี’ กลับใช้กระบวนท่า ‘มังกรวารีพิฆาต!’ ในการโจมตีเขา
เมื่อมังกรวารีที่แผ่กลิ่นอายเย็นเยือกมาถึง กระบี่มังกรเพลิงก็โจมตีอีกครั้ง “มังกรเพลิงสังหาร!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามังกรเพลิงเริ่มใจร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่ามันต้องการจะกลืนกินหลางเทียนให้เร็วขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “จะรีบไปใยเล่า ? นายท่านของเจ้ายังเป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดว่าการสังหารระดับราชาสักคนเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับการกินอาหารของเจ้ารึ ?”
เจ้า… มันช่างกระหายที่จะกลืนกินเสียจริง
หลังจากที่มังกรเพลิงกลืนกินเสร็จแล้ว มันก็สงบลง เชื่อฟังคําสั่งของมู่เฉียนซีและเริ่มต่อสู้!
— ตูม! —
หลางเทียนรีบกล่าวขึ้น “บัดซบ! เจ้าเป็นเพียงปรมาจารย์ภูต เกรงว่าคงจะมีเพียงแค่สองกระบวนท่าเท่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุด”
“เจ้าคิดผิดแล้ว!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
มู่เฉียนซียกมือขึ้น ทันใดนั้นพิษที่ถูกฝังอยู่รอบ ๆ ระเบิดออกในทันที
“พิษของข้าไม่ได้ถูกจํากัดโดยระดับการฝึกฝนของข้า และวิธีการใหม่ ๆ ของข้าก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าเลิกพล่ามเถอะ ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรกประเดี๋ยวนี้”
“เหอะ! จะส่งข้าไปลงนรกรึ ? ฝันไปเถอะ!”
หลางเทียนพุ่งเข้าไป เมื่อเขากําลังจะเข้าไปใกล้และออกกระบวนท่า ทันใดนั้นเขาพบว่าพลังวิญญาณของเขานั้นเหลือไม่มากแล้ว
ระดับหก พลังเขาอยู่เพียงแค่ปรมาจารย์ภูตระดับหกเท่านั้น! แต่จะมามัวตกใจไม่ได้ เขาต้องโจมตี
— ตูม! —
มู่เฉียนซีหลบหลีกการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเขาไม่ยอมแพ้ ต่อให้เขาเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหก เขาก็ต้องฆ่าเจ้าหนุ่มมู่ซีผู้นี้ให้ได้ การโจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้มู่เฉียนซีวางแผนที่จะจัดการเขาอย่างหนัก นางเองก็ใช่ว่าจะยอมแพ้พ่าย นางตะโกนขึ้น “โล่วิญญาณวารี!”
โล่วิญญาณวารีป้องกันการโจมตีนี้ จากนั้นมังกรวารีก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ ขณะที่มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาอีกครั้ง “วารีสะท้านสวรรค์!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
— ปัง! —
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นพสุธา ทําให้สัตว์วิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้แม้แต่ตัวเดียว
“ไปตายซะ!” หลางเทียนกระโจนเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ร่างทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง
“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีลงมือซ้ำ
ทว่าหลางเทียนเคยถูกโจมตีเช่นนี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีจัดการกับมัน
— ปัง! —
กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีกวัดแกว่งไปมาอย่างน่าเกรงขาม หลางเทียนสามารถรู้ได้ว่าภัยคุกคามของกระบี่เล่มนั้นน่ากลัวมาก เขาจึงหลบหลีกอย่างรีบเร่ง
“เจ้าหนู เจ้าอย่าได้อวดดีเกินไปนัก หากเจ้าลดพลังของข้าลงกว่านี้ บางทีเจ้าอาจจะมีโอกาสรอด!”
บนร่างของหลางเทียนมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากแผ่ออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ทักษะอะไรบางอย่าง
“มังกรวายุสวรรค์พิฆาต!” เขาตะโกน จากนั้นพลังอันบ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีรีบหลบแต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้
“โล่วิญญาณวารี!” นางระเบิดพลังเพื่อสู้
— ปัง! —
โล่วิญญาณวารีเป็นเพียงน้ำน้อยที่แพ้ไฟเท่านั้น และมันได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อนางจะถูกสังหาร แหวนมังกรเทพวารีก็ระเบิดพลังออกมา ดวงตาของมู่เฉียนซีก็ส่องประกายวาววับในทันใด
“โล่วิญญาณวารีสองชั้น!”
การปรากฏตัวของม่านน้ำสองระดับนี้ปิดกั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นของอีกฝ่าย และร่างมู่เฉียนซีก็กระเด็นลอยออกไป
— ตึง! —
นางชนเข้ากับต้นไม้ ร่างพลิกไปมา และล้มลงกับพื้นอย่างแน่นิ่ง แต่ถึงกระนั้น แม้ว่ามู่เฉียนซีจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่พลังของนางกลับแข็งแกร่งขึ้น …เป็นไปได้อย่างไร ?
หลางเทียนมองนางด้วยความประหลาดใจ ปากก็กล่าวว่า “ปรมาจารย์ภูตระดับสาม เจ้าเลื่อนขั้นแล้ว”
.