“เมื่อครู่นี้เจ้าลงมือได้ถึงอกถึงใจจริง ๆ” มู่เฉียนซีกล่าว จากนั้นนางแค่นเสียง ปล่อยกระบวนท่าออกมา
“เหยียนหลงพิฆาต!”
เมื่อพลังแห่งการทำลายล้างและความกระหายเลือดพุ่งเข้ามา ใบหน้าหลางเทียนพลันเปลี่ยนไป
กระบวนท่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้เขาสูญเสียพลังทั้งหมดไป และยาฟื้นฟูพลังวิญญาณที่นำติดตัวมาก็ใช้ไปจนหมดในตอนที่เขาไล่ตามมู่เฉียนซี
เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ท่วมท้นของมู่เฉียนซีเช่นนี้ หลางเทียนไม่มีใจคิดที่จะสังหารมู่เฉียนซีแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือการหนีอย่างเดียวเท่านั้น
หลางเทียนในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับหมาป่า เขากระโจนหนีเข้าไปในป่าลึกอย่างสุดชีวิต
ในเมื่อเขาวิ่งหนีได้ มู่เฉียนซีมีหรือจะวิ่งตามไม่ได้ ?
หากไม่ตาย นางจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด แน่นอนว่ามู่เฉียนซีคงไม่ปล่อยให้หลางเทียนมีชีวิตรอดไปได้ ดังนั้นนางจึงรีบไล่ตามเขาไปอย่างเร็วรี่
เดิมทีนางเป็นผู้ล่า ทว่าเวลานี้กลับกลายเป็นเหยื่อถูกล่าเองเสียแล้ว อีกทั้งยังเป็นเหยื่อที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความตายด้วย
ในตอนที่มู่เฉียนซีเป็นเหยื่อที่ถูกล่า นางใช้กลยุทธ์ปั่นหัวหลางเทียนจนเขาจนมุม แต่เวลานี้หลางเทียนคิดแต่จะหนีเอาชีวิตรอด เขาไม่มีความคิดที่เหนือชั้นอย่างมู่เฉียนซีเลย
บนตัวเขาในตอนนี้ไม่มียาฟื้นฟูพลังวิญญาณหลงเหลืออยู่อีกแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่มีทักษะทางร่างกายระดับสูงอย่างมู่เฉียนซี ดังนั้นระยะห่างของทั้งสองจึงเริ่มแคบลง มันยิ่งใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลางเทียนวิ่งหนีไป หยดเหงื่อที่เย็นเยือกก็ซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาตะโกนไปทางด้านหลังด้วยความโกรธขึ้ง “มู่ซี เจ้าสังหารคนของข้าไปมากมายเช่นนั้นยังไม่พอใจเจ้าอีกรึ ? ต้องการฆ่าให้หมดเลยหรืออย่างไรกัน ?!”
“คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสหายรักของเจ้า พวกเขาตายไปก็โดดเดี่ยวมิใช่รึ ? เจ้าไม่คิดจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาสักหน่อยเลยหรือไร” มู่เฉียนซีกล่าววาจาขี้เล่น
หลางเทียนสาปแช่งอยู่ในใจ ผู้ใดเล่าจะคิดเช่นนั้น ? คนโง่งมถึงจะคิดเช่นนั้นได้
หลางเทียนรู้สึกหวาดกลัวความตายเป็นหมื่นเท่าพันเท่า เขาวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมาย ในที่สุดเขาก็พบกับเส้นทางแห่งความตายจนได้
สาเหตุที่เรียกว่าเป็นเส้นทางแห่งความตายนั้นก็เป็นเพราะว่าบริเวณนี้ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านซ้าย ด้านขวา หรือด้านหน้าก็ล้วนถูกปิดกั้นไปด้วยเถาวัลย์หนามนี้
เวลานี้หลางเทียนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก เขาไม่สามารถถอยหนีได้ คงมีแต่จะต้องตัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกด้วยกำลังที่โหดร้าย
— ตูม! —
ทว่าสิ่งที่ไม่น่าเชื่อนั่นก็คือ… เถาวัลย์เหล่านี้แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าเขาจะพยายามตัดมันมากเพียงใดก็ไม่อาจทำลายเถาวัลย์นี้ได้เลย เขาพยายามตัดอยู่นานจนมู่เฉียนซีไล่ตามมาทันแล้ว
มู่เฉียนซีแค่นเสียงกล่าวขึ้น “เหอะ! ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะไร้ทางหนีแล้ว”
“ในเมื่อไร้ทางหนี ข้าก็จะขอสู้กับเจ้าจนตัวตาย!” หลางทียนตะเบ็งเสียงสู้ ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนกลายเป็นดุร้ายขึ้นและพุ่งเข้าตะครุบมู่เฉียนซีในทันที
มู่เฉียนซี “หลางเทียน ถึงเวลายุติการไล่จับกันในครั้งนี้แล้ว เจ้าเตรียมตัวตายซะ! …มังกรวารีพิฆาต!”
หลางเทียนผู้ที่ใช้พลังวิญญาณจนหมดและไม่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาแม้แต่น้อย ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมังกรวารีนี้ เขาต้องถึงแก่ความตายเป็นแน่แท้!
— ตึง! —
ร่างของเขากระเด็นลอยไปกระแทกกับหนามเถาวัลย์และติดอยู่ด้านบน
“อ๊าก!”
บนร่างกายของเขาเกิดรูนับไม่ถ้วนและมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขากรีดร้องดังลั่นอย่างน่าสังเวช
ทว่ากระบี่มังกรเพลิงไม่ปล่อยให้เขากรีดร้อง มันพุ่งออกไปเพื่อทำให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์นี้
— วิ๊ง! —
ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงเห็นท่าไม่ดี จึงได้เตือนภัยอันตรายนี้กับมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีรวบรวมสติในทันใด นางจับกระบี่มังกรเพลิงหมายใจจะพุ่งพรวดออกไป แต่ก่อนที่นางจะออกไปนั้น เถาวัลย์เหล่านั้นเลื้อยเข้ามาปิดล้อมนางเอาไว้ทุกด้านเสียแล้ว
มู่เฉียนซีโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พยายามที่จะใช้ด้านบนเป็นทางออก ทว่าด้านบนนั้นกลับถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนามเป็นชั้น ๆ
สภาพแวดล้อมโดยรอบมืดมนราวกับยามรัตติกาลก็มิปาน ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาได้เลย สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันแปรเปลี่ยนไป นางรู้ดีว่านางกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใด…
มันคือ ‘เถาวัลย์หนามปีศาจ’ นางได้เจอกับเถาวัลย์หนามปีศาจที่มาเล่นงานนางเข้าให้แล้ว
นักผจญภัยอิสระในเมืองฉู่บอกกับนางว่า เถาวัลย์หนามปีศาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากในเทือกเขาชีชง มันไม่ใช่สัตว์วิญญาณ แต่มันมีจิตวิญญาณและมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดเลือด หากตกเป็นเป้าของมันแล้ว แม้แต่จักรพรรดิระดับต่ำก็อาจตายได้
ซ้ำร้าย เถาวัลย์เหล่านี้เหนียวอย่างยิ่ง มีดก็มิอาจตัดขาดได้ ไฟก็มิอาจแผดเผาได้ มันเป็นหนึ่งในมือสังหารที่น่ากลัวที่สุดในเทือกเขาชีชงแห่งนี้
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หลางเทียนผู้นี้ก็ช่างหาที่ตายดีจริง ๆ ที่อื่นมีมากมายถมไปกลับเลือกจะมาตายยังสถานที่บัดซบนี่
ทันใดนั้นเอง กระบี่มังกรเพลิงส่องแสงประกาย มู่เฉียนซีได้เห็นร่างของหลางเทียนกลายเป็นศพไปอย่างรวดเร็ว
วิญญาณถูกเหยียนหลงกลืนกิน ส่วนเลือดก็ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจดูดเอาไป การตายของหลางเทียนนั้นช่างน่าสังเวชใจอย่างที่ใครก็มิอาจเทียบได้เลย
เวลานี้เถาวัลย์หนามปีศาจยังไม่ได้ลงมือกับนางแต่อย่างใด เพียงแค่ขังนางเอาไว้เท่านั้น คาดว่ารอให้มันจัดการกับอาหารมื้อใหญ่นั่นก่อน มันถึงจะลงมือกับนาง มันคงคิดว่าเลือดของราชาแห่งภูตจะอร่อยกว่าเลือดของปรมาจารย์ภูตไม่น้อย
— ตูม! —
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงโจมตีเพื่อจะเปิดทางออกไปจากในนี้
ทว่า…
ถึงแม้ว่าคมกระบี่จะไม่อาจทำอะไรเถาวัลย์หนามปีศาจได้ แต่นางก็ยังคงหวังว่าความพิเศษของกระบี่มังกรเพลิงจะสามารถตัดมันและเปิดทางออกให้นางได้บ้าง ดังนั้นนางจึงลองลงมือดู จากนั้นนางก็พบว่าตัวนางคิดไปเอง
เหยียนหลงก็ทำอะไรมันไม่ได้!
เหยียนหลงประหนึ่งว่าแสดงท่าทางไร้ซึ่งหนทางออกมาให้นางรับรู้ มันเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือนายท่านได้
— ตุบ! —
กายหยาบของหลางเทียนที่กลายเป็นศพอยู่ในเวลานี้ ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจโยนทิ้งลงมาแล้ว ร่างนั้นดูเหี่ยวฟีบช่างน่าขยะแขยงนัก!
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ต่อมาเถาวัลย์หนามปีศาจนับไม่ถ้วนเริ่มโจมตีมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีรีบตะโกน “เสี่ยวหงอู๋ตี้ ออกมา!”
ในตอนที่เผชิญหน้ากับหลางเทียน เป็นเพราะนางต้องการฝึกฝนจึงไม่ได้ให้อู๋ตี้กับเสี่ยวหงออกมา แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเถาวัลย์หนามปีศาจที่นางไม่สามารถรับมือต่อสู้ได้ นางจึงให้เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ออกมาแสดงฝีมือ
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว! เจ้าตัวประหลาด อย่าคิดแม้แต่จะทำร้ายนายท่านของข้า” ทันทีที่อู๋ตี้ลั่นคำกล่าวประจำกายของมันออกมา ร่างของมันก็ชนกับเถาวัลย์หนามปีศาจเพื่อปกป้องนายท่านของมันอยู่ด้านหลัง
“เมี๊ยว!” แต่ผลที่ได้คือ… มันร้องครวญครางออกมาดังลั่น
“เมี๊ยว เจ็บแท้ ๆ! มันอะไรกันเมี๊ยว!”
ความคมของเถาวัลย์หนามปีศาจสามารถเทียบกับกรงเล็บอันแหลมคมของอู๋ตี้ได้ มู่เฉียนซีแม้จะตกใจมาก แต่นางก็รู้ดีว่าสิ่งนี้แข็งแกร่งและน่ากลัวปานใด
“เจ้าโง่! เจ้ามันโง๊โง่อย่างแท้จริงเจ้าอู๋ตี้!” เมื่อเห็นอู๋ตี้ปล่อยไก่เช่นนี้ เสี่ยวหงก็ถากถางอย่างไม่เกรงใจ “ลองดูเปลวไฟของข้าเสียก่อนเถอะ”
“เพลิงคลั่งเผาสวรรค์!”
เปลวไฟสีแดงเข้มแผ่ซ่านออกไป
— พรวด! —
— ฟุ่บ! ฟุ่บ! —
เปลวไฟเหล่านี้แผดเผาหนามเถาวัลย์นั้น ทำให้มันล่าถอยออกไป
เสี่ยวหงยิ้ม รีบกล่าวอย่างตื่นเต้น “นายท่าน เปลวไฟของข้าได้ผลจริง ๆ ข้าผู้นี้จะทำลายมันเพื่อเปิดทางหนีให้นายท่านเอง!”
เปลวไฟธรรมดาไม่อาจแผดเผาเถาวัลย์หนามปีศาจได้ แต่เสี่ยวหงนั้นไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทั่วไป เปลวไฟของมันแข็งแกร่งอย่างยากจะหาผู้ใดเทียบ
— ฟึ่บ! —
เสี่ยวหงระดมกำลังของมันเพื่อที่จะเปิดทางออกให้กับมู่เฉียนซี แต่ทุกครั้งที่มันปล่อยเปลวไฟเผาทำลายเถาวัลย์ หนามปีศาจนั้นก็เกิดขึ้นใหม่ทีละชั้น ๆ
— ขวับ! —
ในขณะเดียวกันนั้น มีเถาวัลย์ลอบโจมตีมู่เฉียนซี สีหน้าของอู๋ตี้พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าหมูทึ่ม เจ้าตาบอดไปแล้วรึ ลืมปกป้องนายท่านไปแล้วรึ ?!”
ร่างเล็ก ๆ ของอู๋ตี้นั้นไม่อาจปิดกั้นหนามเหล่านั้นได้ ดังนั้นมันจึงแปลงร่างให้ตนเองใหญ่ขึ้น เพียงแต่ว่า…
“เมี๊ยว!” อู๋ตี้ร้องเสียงดังพลางคิดในใจ ‘เจ็บ! เจ็บ! เจ็บบบ! อ๊าก! ข้าเกลียดสิ่งประหลาดบ้านี่จริง ๆ’
เสี่ยวหง “เหอะ ๆ เป็นอย่างไรล่ะ ? เจ้าก็ดีแต่จะว่าข้า เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไหร่นักหรอก”
เถาวัลย์หนามปีศาจสมกับคำร่ำลือจริงแท้ มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น นางต้องลองโจมตีด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนางเสียแล้ว
“เหยียนหลงพิฆาต!”
สิ้นเสียงนาง มังกรเพลิงพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
— ตูม! ตูม! ตูม! —
เกิดเสียงดังสนั่น ในที่สุดนางก็สามารถเปิดทางได้ มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาภายในพื้นที่ที่มืดมนนี้
.