ตอนที่ 308 เถาวัลย์ปีศาจล้อมสังหาร

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เมื่อครู่นี้เจ้าลงมือได้ถึงอกถึงใจจริง ๆ” มู่เฉียนซีกล่าว จากนั้นนางแค่นเสียง ปล่อยกระบวนท่าออกมา

“เหยียนหลงพิฆาต!”

เมื่อพลังแห่งการทำลายล้างและความกระหายเลือดพุ่งเข้ามา ใบหน้าหลางเทียนพลันเปลี่ยนไป

กระบวนท่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้เขาสูญเสียพลังทั้งหมดไป และยาฟื้นฟูพลังวิญญาณที่นำติดตัวมาก็ใช้ไปจนหมดในตอนที่เขาไล่ตามมู่เฉียนซี

เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ท่วมท้นของมู่เฉียนซีเช่นนี้ หลางเทียนไม่มีใจคิดที่จะสังหารมู่เฉียนซีแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือการหนีอย่างเดียวเท่านั้น

หลางเทียนในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับหมาป่า เขากระโจนหนีเข้าไปในป่าลึกอย่างสุดชีวิต

ในเมื่อเขาวิ่งหนีได้ มู่เฉียนซีมีหรือจะวิ่งตามไม่ได้ ?

หากไม่ตาย นางจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด  แน่นอนว่ามู่เฉียนซีคงไม่ปล่อยให้หลางเทียนมีชีวิตรอดไปได้ ดังนั้นนางจึงรีบไล่ตามเขาไปอย่างเร็วรี่

เดิมทีนางเป็นผู้ล่า ทว่าเวลานี้กลับกลายเป็นเหยื่อถูกล่าเองเสียแล้ว อีกทั้งยังเป็นเหยื่อที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความตายด้วย

ในตอนที่มู่เฉียนซีเป็นเหยื่อที่ถูกล่า นางใช้กลยุทธ์ปั่นหัวหลางเทียนจนเขาจนมุม  แต่เวลานี้หลางเทียนคิดแต่จะหนีเอาชีวิตรอด เขาไม่มีความคิดที่เหนือชั้นอย่างมู่เฉียนซีเลย

บนตัวเขาในตอนนี้ไม่มียาฟื้นฟูพลังวิญญาณหลงเหลืออยู่อีกแล้ว อีกทั้งเขาก็ไม่มีทักษะทางร่างกายระดับสูงอย่างมู่เฉียนซี ดังนั้นระยะห่างของทั้งสองจึงเริ่มแคบลง  มันยิ่งใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลางเทียนวิ่งหนีไป หยดเหงื่อที่เย็นเยือกก็ซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง  เขาตะโกนไปทางด้านหลังด้วยความโกรธขึ้ง “มู่ซี เจ้าสังหารคนของข้าไปมากมายเช่นนั้นยังไม่พอใจเจ้าอีกรึ ? ต้องการฆ่าให้หมดเลยหรืออย่างไรกัน ?!”

“คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสหายรักของเจ้า  พวกเขาตายไปก็โดดเดี่ยวมิใช่รึ ? เจ้าไม่คิดจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาสักหน่อยเลยหรือไร” มู่เฉียนซีกล่าววาจาขี้เล่น

หลางเทียนสาปแช่งอยู่ในใจ ผู้ใดเล่าจะคิดเช่นนั้น ? คนโง่งมถึงจะคิดเช่นนั้นได้

หลางเทียนรู้สึกหวาดกลัวความตายเป็นหมื่นเท่าพันเท่า เขาวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมาย ในที่สุดเขาก็พบกับเส้นทางแห่งความตายจนได้

สาเหตุที่เรียกว่าเป็นเส้นทางแห่งความตายนั้นก็เป็นเพราะว่าบริเวณนี้ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ที่มีหนามหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านซ้าย ด้านขวา หรือด้านหน้าก็ล้วนถูกปิดกั้นไปด้วยเถาวัลย์หนามนี้

เวลานี้หลางเทียนรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก เขาไม่สามารถถอยหนีได้  คงมีแต่จะต้องตัดเถาวัลย์เหล่านี้ออกด้วยกำลังที่โหดร้าย

— ตูม! —

ทว่าสิ่งที่ไม่น่าเชื่อนั่นก็คือ… เถาวัลย์เหล่านี้แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าเขาจะพยายามตัดมันมากเพียงใดก็ไม่อาจทำลายเถาวัลย์นี้ได้เลย  เขาพยายามตัดอยู่นานจนมู่เฉียนซีไล่ตามมาทันแล้ว

มู่เฉียนซีแค่นเสียงกล่าวขึ้น “เหอะ! ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าจะไร้ทางหนีแล้ว”

“ในเมื่อไร้ทางหนี ข้าก็จะขอสู้กับเจ้าจนตัวตาย!” หลางทียนตะเบ็งเสียงสู้ ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนกลายเป็นดุร้ายขึ้นและพุ่งเข้าตะครุบมู่เฉียนซีในทันที

มู่เฉียนซี “หลางเทียน ถึงเวลายุติการไล่จับกันในครั้งนี้แล้ว เจ้าเตรียมตัวตายซะ! …มังกรวารีพิฆาต!”

หลางเทียนผู้ที่ใช้พลังวิญญาณจนหมดและไม่ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาแม้แต่น้อย ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของมังกรวารีนี้  เขาต้องถึงแก่ความตายเป็นแน่แท้!

— ตึง! —

ร่างของเขากระเด็นลอยไปกระแทกกับหนามเถาวัลย์และติดอยู่ด้านบน

“อ๊าก!”

บนร่างกายของเขาเกิดรูนับไม่ถ้วนและมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขากรีดร้องดังลั่นอย่างน่าสังเวช

ทว่ากระบี่มังกรเพลิงไม่ปล่อยให้เขากรีดร้อง มันพุ่งออกไปเพื่อทำให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์นี้

— วิ๊ง! —

ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงเห็นท่าไม่ดี จึงได้เตือนภัยอันตรายนี้กับมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีรวบรวมสติในทันใด นางจับกระบี่มังกรเพลิงหมายใจจะพุ่งพรวดออกไป แต่ก่อนที่นางจะออกไปนั้น เถาวัลย์เหล่านั้นเลื้อยเข้ามาปิดล้อมนางเอาไว้ทุกด้านเสียแล้ว

มู่เฉียนซีโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พยายามที่จะใช้ด้านบนเป็นทางออก ทว่าด้านบนนั้นกลับถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์หนามเป็นชั้น ๆ

สภาพแวดล้อมโดยรอบมืดมนราวกับยามรัตติกาลก็มิปาน ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาได้เลย  สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันแปรเปลี่ยนไป  นางรู้ดีว่านางกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งใด…

มันคือ ‘เถาวัลย์หนามปีศาจ’ นางได้เจอกับเถาวัลย์หนามปีศาจที่มาเล่นงานนางเข้าให้แล้ว

นักผจญภัยอิสระในเมืองฉู่บอกกับนางว่า เถาวัลย์หนามปีศาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวอย่างมากในเทือกเขาชีชง  มันไม่ใช่สัตว์วิญญาณ แต่มันมีจิตวิญญาณและมันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการดูดเลือด  หากตกเป็นเป้าของมันแล้ว แม้แต่จักรพรรดิระดับต่ำก็อาจตายได้

ซ้ำร้าย เถาวัลย์เหล่านี้เหนียวอย่างยิ่ง  มีดก็มิอาจตัดขาดได้ ไฟก็มิอาจแผดเผาได้  มันเป็นหนึ่งในมือสังหารที่น่ากลัวที่สุดในเทือกเขาชีชงแห่งนี้

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ  หลางเทียนผู้นี้ก็ช่างหาที่ตายดีจริง ๆ ที่อื่นมีมากมายถมไปกลับเลือกจะมาตายยังสถานที่บัดซบนี่

ทันใดนั้นเอง กระบี่มังกรเพลิงส่องแสงประกาย  มู่เฉียนซีได้เห็นร่างของหลางเทียนกลายเป็นศพไปอย่างรวดเร็ว

วิญญาณถูกเหยียนหลงกลืนกิน ส่วนเลือดก็ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจดูดเอาไป การตายของหลางเทียนนั้นช่างน่าสังเวชใจอย่างที่ใครก็มิอาจเทียบได้เลย

เวลานี้เถาวัลย์หนามปีศาจยังไม่ได้ลงมือกับนางแต่อย่างใด เพียงแค่ขังนางเอาไว้เท่านั้น คาดว่ารอให้มันจัดการกับอาหารมื้อใหญ่นั่นก่อน มันถึงจะลงมือกับนาง  มันคงคิดว่าเลือดของราชาแห่งภูตจะอร่อยกว่าเลือดของปรมาจารย์ภูตไม่น้อย

— ตูม! —

มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงโจมตีเพื่อจะเปิดทางออกไปจากในนี้

ทว่า…

ถึงแม้ว่าคมกระบี่จะไม่อาจทำอะไรเถาวัลย์หนามปีศาจได้ แต่นางก็ยังคงหวังว่าความพิเศษของกระบี่มังกรเพลิงจะสามารถตัดมันและเปิดทางออกให้นางได้บ้าง ดังนั้นนางจึงลองลงมือดู จากนั้นนางก็พบว่าตัวนางคิดไปเอง

เหยียนหลงก็ทำอะไรมันไม่ได้!

เหยียนหลงประหนึ่งว่าแสดงท่าทางไร้ซึ่งหนทางออกมาให้นางรับรู้  มันเองก็ไม่สามารถช่วยเหลือนายท่านได้

— ตุบ! —

กายหยาบของหลางเทียนที่กลายเป็นศพอยู่ในเวลานี้ ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจโยนทิ้งลงมาแล้ว  ร่างนั้นดูเหี่ยวฟีบช่างน่าขยะแขยงนัก!

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

ต่อมาเถาวัลย์หนามปีศาจนับไม่ถ้วนเริ่มโจมตีมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีรีบตะโกน “เสี่ยวหงอู๋ตี้ ออกมา!”

ในตอนที่เผชิญหน้ากับหลางเทียน เป็นเพราะนางต้องการฝึกฝนจึงไม่ได้ให้อู๋ตี้กับเสี่ยวหงออกมา แต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเถาวัลย์หนามปีศาจที่นางไม่สามารถรับมือต่อสู้ได้ นางจึงให้เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ออกมาแสดงฝีมือ

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว!  เจ้าตัวประหลาด อย่าคิดแม้แต่จะทำร้ายนายท่านของข้า” ทันทีที่อู๋ตี้ลั่นคำกล่าวประจำกายของมันออกมา ร่างของมันก็ชนกับเถาวัลย์หนามปีศาจเพื่อปกป้องนายท่านของมันอยู่ด้านหลัง

“เมี๊ยว!” แต่ผลที่ได้คือ… มันร้องครวญครางออกมาดังลั่น

“เมี๊ยว เจ็บแท้ ๆ! มันอะไรกันเมี๊ยว!”

ความคมของเถาวัลย์หนามปีศาจสามารถเทียบกับกรงเล็บอันแหลมคมของอู๋ตี้ได้  มู่เฉียนซีแม้จะตกใจมาก แต่นางก็รู้ดีว่าสิ่งนี้แข็งแกร่งและน่ากลัวปานใด

“เจ้าโง่! เจ้ามันโง๊โง่อย่างแท้จริงเจ้าอู๋ตี้!” เมื่อเห็นอู๋ตี้ปล่อยไก่เช่นนี้ เสี่ยวหงก็ถากถางอย่างไม่เกรงใจ “ลองดูเปลวไฟของข้าเสียก่อนเถอะ”

“เพลิงคลั่งเผาสวรรค์!”

เปลวไฟสีแดงเข้มแผ่ซ่านออกไป

— พรวด! —

— ฟุ่บ! ฟุ่บ! —

เปลวไฟเหล่านี้แผดเผาหนามเถาวัลย์นั้น ทำให้มันล่าถอยออกไป

เสี่ยวหงยิ้ม รีบกล่าวอย่างตื่นเต้น “นายท่าน เปลวไฟของข้าได้ผลจริง ๆ  ข้าผู้นี้จะทำลายมันเพื่อเปิดทางหนีให้นายท่านเอง!”

เปลวไฟธรรมดาไม่อาจแผดเผาเถาวัลย์หนามปีศาจได้ แต่เสี่ยวหงนั้นไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาทั่วไป เปลวไฟของมันแข็งแกร่งอย่างยากจะหาผู้ใดเทียบ

— ฟึ่บ! —

เสี่ยวหงระดมกำลังของมันเพื่อที่จะเปิดทางออกให้กับมู่เฉียนซี แต่ทุกครั้งที่มันปล่อยเปลวไฟเผาทำลายเถาวัลย์  หนามปีศาจนั้นก็เกิดขึ้นใหม่ทีละชั้น ๆ

— ขวับ! —

ในขณะเดียวกันนั้น มีเถาวัลย์ลอบโจมตีมู่เฉียนซี สีหน้าของอู๋ตี้พลันเปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าหมูทึ่ม เจ้าตาบอดไปแล้วรึ ลืมปกป้องนายท่านไปแล้วรึ ?!”

ร่างเล็ก ๆ ของอู๋ตี้นั้นไม่อาจปิดกั้นหนามเหล่านั้นได้ ดังนั้นมันจึงแปลงร่างให้ตนเองใหญ่ขึ้น เพียงแต่ว่า…

“เมี๊ยว!” อู๋ตี้ร้องเสียงดังพลางคิดในใจ ‘เจ็บ!  เจ็บ!  เจ็บบบ!  อ๊าก! ข้าเกลียดสิ่งประหลาดบ้านี่จริง ๆ’

เสี่ยวหง “เหอะ ๆ เป็นอย่างไรล่ะ ? เจ้าก็ดีแต่จะว่าข้า เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไหร่นักหรอก”

เถาวัลย์หนามปีศาจสมกับคำร่ำลือจริงแท้  มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงแน่น  นางต้องลองโจมตีด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนางเสียแล้ว

“เหยียนหลงพิฆาต!”

สิ้นเสียงนาง มังกรเพลิงพุ่งออกมาอย่างรุนแรง

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

เกิดเสียงดังสนั่น  ในที่สุดนางก็สามารถเปิดทางได้ มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาภายในพื้นที่ที่มืดมนนี้

.