ตอนที่ 25:การบรรยายที่ไร้ที่ติ

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

Chapter 25:การบรรยายที่ไร้ที่ติ

 

“เสี่ยวหลัวนายหมายถึงอะไรนายจะมีปัญหากับผู้ดูแลงั้นเหรอ?”

 

“ถ้านายไม่มีความสุขที่ รั่วหราน เป็นผู้ดูแลในชั้นเรียน นายสามารถส่งข้อเสนอแนะต่อที่ปรึกษาหรือไม่นายกเสนอตัวเองให้เป็นผู้ดูแลได้ แต่ทุกคนจะลงคะแนนให้นายเป็นผู้ดูแลหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

 

“ถูกต้อง อย่าคิดเพียงว่านายเป็นผู้ชายที่เป็นสมบัติของชาติแล้วนายจะทําตัวไร้ระเบียบและไร้กฏได้”

 

ผู้หญิงสี่ถึงห้าลุกขึ้นยืนและพูดปกป้องรั่วหราน

 

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไครู้สึกปวดหัว สําหรับฮวาง รั่วหราน เธอคือผู้ดูแลแน่นอนว่าเธอมีผู้สนับสนุนหลาย คนในชั้นเรียนผู้ที่ยืนขึ้นและตําหนิเสี่ยวหลัวนั้นเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประจําชั้นหรือผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ฮวาง รั่วหราน เสี่ยวหลัวเป็นเพียงผู้มาใหม่ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีพักพวกที่คอยสนับสนุนเขา

 

เสี่ยวหลัวประกายรอยยิ้มที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็สงสัยว่า เขาไม่มีความสุขที่จะทําตามคําสั่งที่ไร้เหตุผลของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากเธอไม่เข้ามายุ่งตั้งแต่แรก

 

ในตอนนั้น ฮวางรั่วหราน ก็พูดกับเด็กผู้หญิงที่ยืนขึ้นว่า “ถึงเวลาเรียนแล้วพวกเธอกําลังทําอะไรอยู่พวกเธอไม่มีวินัยในชั้นเรียนแล้วใช่ไหม นั่งลงเถอะและฟังอาจารย์จ้ง อย่าลดระดับตัวเองลงไปเถียงกับคนอื่นเลย”

 

เซียวหลัวรู้สึกรําคาญใจอย่างมาก ฮวางรั่วหราน กําลังดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัดคําว่า “ลดระดับ” นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้หมายถึงคนอื่นมันหมายถึงเขาอย่างชัดเจน

 

“อะแฮ่ม … “

 

อาจารย์ จ้งเหม่ยลี่ ไออกมาสองสามครั้งและพูดอย่างเคร่งขรึมว่าเอาหละ พวกเรามาทิ้งความไม่พึงพอใจเอาไว้ข้างหลังแล้วอย่าไปคิดเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากนี้เสียวหลัวก็ยอมรับความผิดของเขาแล้ว เขาเพิ่งมาเรียนใรคลาสเรียนของเราครั้งแรก และเขาก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อปรับตัวเข้ากับพวกเธอทุกคน มาเรียนกันต่อเถอะในตอนนี้ เสี่ยวลั่วนั่งลงได้แล้ว”

 

เธอพูดให้เสี่ยวหลัวเพราะเห็นว่าระดับการพูดภาษาอังกฤษของเสี่ยวหลัวนั้นค่อนข้างสูงไม่งั้นเธอคงจะช่วยพูดให้ ฮวางรั่วหราน สักสองสามประโยคไปแล้ว

 

เสียวหลัว ปฏิบัติตามคําพูดของเธอและนั่งลง แต่ใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าเขาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเป็นเวลากว่าสามปีจะมาโกรธผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าสหรือห้าปีแบบนี้ได้

 

“พี่หลัว ทําไมพี่ถึงต้องเป็นศัตรูกับผู้ดูแลในชั้นเรียนของเรา”

 

จูเสียวเฟย กล่าวแนะนําด้วยความจริงจ้งเป็นอย่างมาก พี่หลัวในเอกอังกฤษของเรา มีเพียงแค่พวกเราที่เป็นผู้ชายสามคน ถึงแม้ว่าพี่จะถูกระบุว่าเป็นสมบัติของชาติ” ก็ตาม แต่ถ้าพวกเธอร่วมมือกัน พวกเราตายหยังเขียดแน่ๆ”

 

“ใช่แล้วพวกเรามีเพียงแค่ผู้ชายสามคนเท่านั้น พวกเราไม่สามารถเอาชนะพวกเธอที่มีจํานวนมากขนาดนั้นได้” เติ้งไคกล่าวเห็นด้วย

 

เสี่ยวหลัวหัวเราะ”ฉันไม่ชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพวกผู้หญิง และพวกนายก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันไม่สนใจเธอแล้ว”

 

จูเสี่ยวเฟยและเพิ่งไคมองหน้ากันพวกเขาไม่เชื่อคําพูดของเสี่ยวหลัวเลย หนึ่งคือต้องรู้ว่าเมื่อเสี่ยวหลัวถูกเยาะเย้ยโดยทีมฝ่ายตรงข้ามในระหว่างเกมเมื่อวานนี้ เขาใช้Tryndamereของเขาในการสั่งสอนบทเรียนให้กับ อีกฝ่ายหนึ่งและนั้นมันทําให้พวกเขาไม่มีวันที่จะลืมไปสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปได้ พวกเขามั่นใจมากว่าเสี่ยวหลัวนั้นไม่ ใช่คนที่จะตอบแทนด้วยความเมตตา แต่เขาตอบแทนด้วยต่อตาฟันต่อฟัน ตอนนี้เขายังเงียบสงบราวกับผิวน้ำนิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาเปิดเผยเขี้ยวเล็บของเขาออกมา คนอื่นๆก็ไม่มีเวลาที่จะตอบสนองเลยได้ทัน

 

หลังจากความวุ่นวายเล็กน้อย อาจารย์ จ้งเหม่ยลี ก็สอนต่อ

 

เนื้อหาที่เธอนําเสนอในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสกุลเงินของประเทศต่างๆทั่วโลก แน่นอนว่าเธอสอนเป็นภาษาอังกฤษ ท้ายที่สุดเพราะทุกคนคือนักศึกษาของเอกอังกฤษ หากเธอสอนเป็นภาษาจีนแน่นอนว่ามันคงจะไม่เหมาะสม

 

“ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเรามีคําพูดเสมอว่า” เงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด ดังนั้นเงินคือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมดใช่หรือไม่ นักศึกษาพวกเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้” จ้ง เหม่ยลี่ โยนหัวข้อคําถามไปให้กับพวกนักศึกษา

 

“เงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด อาชญากรรมทุกชนิดเกิดขึ้นเพราะเงิน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตเพราะต้องการความมั่งคั่ง” อันหวนยืนขึ้นและแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ

 

คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยกับค่าพูดนี้ ท้ายที่สุดมีคําพูดในรัฐจีนที่เป็นเช่นนี้ “มนุษย์ตายเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งและ นกตายเพื่อแสวงหาอาหาร” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงสถานะของบาปที่มีเงินครอบงําอยู่

 

“นี่คือความเห็นของพวกเธอทั้งหมดใช่ไหมถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเธอล่ะคิดเห็นอย่างไร?” จ้ง เหมยลี่ มองไปที่ ฮวาง รั่วหราน

 

ฮวาง รัวหราน ยืนขึ้นและตอบเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วว่าเรื่องราวของ” สวรรค์ที่หายไป” จากพระคัมภีร์และคําสอนของ เม่งจื้อบรรพบุรุษชาวจีนที่โดดเด่นของเราทั้งสองอธิบายว่าไม่ใช่ธรรมชาติที่มนุษย์ เป็นผู้ชั่วร้ายมันคือสิ่งล่อใจภายนอกที่ทําให้ผู้คนสูญเสียมโนธรรมของพวกเขา

 

(เม่งจื้อ คือ นักปราชญ์จีน)

 

“ฉันคิดว่าเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด”

 

“ประการแรกคือเงินมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างแท้จริงและสามารถแลกเปลี่ยนที่เทียบเท่ากับสินค้าใดๆก็ได้ มันมีประสิทธิภาพไม่ที่จํากัด และดังนั้นมันจึงสามารถกระตุ้นความโลภไม่สิ้นสุดของมนุษย์ได้”

 

“ประการที่สอง ไม่เพียงแต่เงินจะสามารถควบคุมด้านสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังสามารถทําให้สินค้าที่ไม่ใช่สินค้าเป็นสินค้าได้อีกด้วย มันไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งทางวัตถุ แต่ยังกลายเป็น “ชิป” ที่ใช้ในการต่อรองสําหรับคุณค่าทางจิตวิญญาณอื่นๆ อํานาจและสถานะสามารถซื้อได้ด้วยเงินความบริสุทธิ์และเกียรติ สามารถวางขายในที่สาธารณะได้ มนุษยชาติและศักดิ์ศรีสิ่งของสิ่งต่างๆสามารถขายให้กับผู้ประมูลสูงสุดได้ และมโนธรรมจะถูกปนเปื้อนด้วยเงิน”

 

“ประการที่สามการเคารพเงินของผู้คนมันทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเงินนั้นแปลกแยกในความเป็นจริงเงินถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าที่ผู้คนเคารพบูชา เพราะเงินมันท่าให้ผู้คนต่างหลงไหลในโลกแห่งวัตถุที่แปลกประหลาด เพราะเงินมันทําให้ผู้คนสูญเสียมโนธรรมภายในจิตใจโดยไม่รู้ตัว”

 

“เช็คสเปียร์ได้เปิดเผยเมื่อนานมาแล้วว่า เงินสามารถเปลี่ยนจากความมืดไปเป็นแสงสว่าง จากน่าเกลียดไป เป็นสวยงามจากผิดเป็นถูกและจากต่กลายเป็นความสูงส่ง มันเป็นเพราะเงินมีอํานาจอย่างไร้ขอบเขตที่จะทําให้ผู้คนสับสนในความถูกต้องและทําให้จักรวาลกลับหัวกลับกลายเป็นว่ามันเป็นรากเหง้าที่ใหญ่ที่สุดของอาชญากรและการแพร่กระจายของความชั่วร้าย ดังนั้นฉันจึงเชื่อว่าเงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักศึกษาในวิชาเอกภาษาอังกฤษ แต่ความสามารถด้านภาษาอังกฤษของทุกคนก็ยังไม่ถึงระดับที่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจได้เพียงแค่ครึ่งเดียวในสิ่งที่ได้ยิน แต่ ฮวางรัวหราน ก็ได้กล่าวถึงมุม มองของเธอเป็นภาษาจีนอีกครั้งหลังจากพูดจบ แล้วทั้งคลาสเรียนก็มีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งจากวาทกรรมที่มี เหตุผลและมีหลักฐานที่ดีของเธอ

 

“มันถูกต้องแล้ว เธอสมควรที่จะเป็นผู้ดูแลชั้นเรียน เพราะว่าคําพูดของเธอมันดีเกินไป”

 

“ผู้ดูแลชั้นเรียนกล่าวถูกต้องแล้ว เพราะเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด”

“อืม มนุษย์เป็นสิ่งที่ดีงามโดยธรรมชาติ มีเพียงสาเหตุและปัจจัยภายนอกเท่านั้นที่ทําให้ผู้คนตกอยู่ในความผิดและเงินก็เป็นสาเหตุ”

 

“รั่วหราน มีคารมคมคายจริงๆ!” ชูเยว่กล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

 

“ใช่แล้ว มิฉะนั้นนายหญิงชู ของเราคงจะไม่ยอมให้เธอมีตําแหน่งเป็นผู้ดูแลชั้นเรียน” ไปหลิง พยักหน้าเห็นด้วย

 

ชูเยว่เงยหน้ามองเธอ เธอพูดมากเกินไปแล้ว”

 

ไปหลิง เงียบปากของเธอลง

 

จเสี่ยวเฟยและเทิ้งไค จ้องไปที่เสี่ยวหลัว โดยไม่กระพริบตา พวกเขารู้สึกเสมอว่าเสียวหลัวคงจะลุกขึ้นยืนเพื่อลบล้างคําพูดของฮวางรั่วหราน พวกเขาไม่เชื่อว่าเสียวหลัวสามารถกลืนความโกรธที่เขารู้สึกได้ในตอนนี้

 

แต่ทั้งคู่รู้สึกว่าการเล่าเรื่องของ ฮวางรั่วหราน นั้นไร้ที่ติมันสมบูรณ์แบบ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าของ ฮวางรั่วหราน แม้พวกเขาที่คิดว่าเงินเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็รู้สึกราวกับพวกเขาถูกล้างสมอง ในตอนนี้พวกเขาตก ลงอย่างตั้งมั่นแล้วว่าเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมดไม่มีทางที่เสียวหลัวจะเอาชนะ ฮวาง รัวหราน ได้ พวกเขากลัวว่าเสียวหลัวจะทําเรื่องตลกและขายหน้า ถ้าเขาลุกขึ้นยืนเพื่อลบล้างเธอนี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้อง การจะเห็นแต่…