ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับพ่อแม่ที่ฉลาดจะมีลูกอัจฉริยะ
หากแต่นอกจากจะฉลาดแล้ว โม่จื่อเฉินยังมีพฤติกรรมแปลกๆ เล็กน้อยด้วย…
“หลังจากคุณกลับจีน เราจะพาเขาไปทดสอบด้วยกันครับ”
“โอเคค่ะ” ถังหนิงพยักหน้า นอกจากเรื่องในวงการบันเทิง ตอนนี้ลูกทั้งสามคนถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม การที่ลูกสาวของพวกเขานับวันยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นถือเป็นการทรมานโม่ถิง ในฐานะผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าทั้งโหดเหี้ยมและเย็นชา ทุกครั้งที่เขามองลูกสาวตัวเองก็มักอยากจะโผเข้าไปใกล้ๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องตามใจเด็กคนนี้อย่างหน้ามืดตามัวเป็นแน่
…
ถังหนิงอยู่ต่อที่อเมริกา ในขณะที่เอสเอเจดูท่าจะมีความคืบหน้า พวกเขาได้รับโอกาสทำกิจกรรมมากขึ้น และฝีมือแต่ละคนก็สมบูรณ์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม หลงเจี่ยไม่ได้รีบร้อนพาวงขึ้นแสดงในหลายๆ เวทีเพราะเธอใส่ใจเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ การปล่อยของต้องทำให้ถูกเวลา
อีกทั้งเธอยังได้เรียนรู้จากถังหนิงที่จะไม่หลงไปตามกระแส อย่างไรเสียผู้คนก็มักตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่แตกต่างออกไปไม่ใช่หรือ
ระหว่างที่หลงเจี่ยจดจ่อกับการรักษากระแสฮือฮา หันซิวเช่อเฝ้าจับตามองเธอทุกฝีก้าว ทว่าเขาเองก็ใจเย็นเหลือเกิน เขายังช่วยหลงเจี่ยวางแผนด้วยซ้ำ ทำให้ทั้งหลินเฉี่ยนและลัวอิงหงค่อยๆ คลายความระแวงลง หากชายคนนี้มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ เขาจะต้องทนมานานหลายเดือนขนาดนี้โดยที่ไม่ลงมืออะไรด้วยหรือ
หากแต่หันซิวเช่อเพียงแค่ระวังตัวมากเป็นพิเศษเท่านั้น ความจริงแล้วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้นัดพบกับหม่าเวยเวยอยู่หลายครั้ง
ตั้งแต่เรื่องที่งานคัดตัวนักแสดง หม่าเวยเวยคิดทบทวนสิ่งที่เธอเคยทำมาและแอบฝึกฝนทักษะการแสดงอย่างเงียบๆ
แม้ว่าด้วยชื่อเสียงของเธอในตอนนี้มันจะไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมีทักษะการแสดง หากแต่เธอยังรู้สึกว่าเธอควรวางแผนไว้สำหรับอนาคต หลังจากที่จดจำความน่าอัปยศอดสูที่ทำให้เธอทุกข์ทรมานใจจากชาวอเมริกัน การแสดงเป็นทักษะที่เธอจะต้องมีแม้จะสักเล็กน้อยก็ยังดี
ทั้งสองสมรู้ร่วมคิดกัน และหันซิวเช่อมั่นใจว่าเธอรู้ความเคลื่อนไหวของหลงเจี่ยทุกฝีก้าว
เมื่อได้ยินว่าหลงเจี่ยทุ่มเทในการฝึกฝนเอสเอเจ หม่าเวยเวยอดที่จะถอนหายใจออกมา “ถ้าฉันเซ็นสัญญากับจู้ซิงมีเดียตั้งแต่ทีแรกแทนที่จะไปทำศัลยกรรม ชีวิตของฉันคงไม่ต้องเจ็บปวดอย่างนี้…คงจะไม่ถูกเปรียบเทียบกับถังหนิงตลอดเวลา และไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเธอ
“บางทีฉันก็แอบรู้สึกอิจฉาวงที่หลงเจี่ยกำลังฝึกอยู่เหมือนกัน”
“น่าเสียดายที่คุณจะต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามกับถังหนิงตลอดไปซะแล้วล่ะ” หันซิวเช่อเอ่ยย้ำ “ตอนนี้ถัง
หนิงแต่กำลังซ่อนตัวไม่ยอมออกมาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกา”
“หาโอกาสลงมือซะ ฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว” หม่าเวยเวยว่ากับหันซิวเช่อ “ฉันไม่อยากจะอยู่ใต้เงาของเธอต่อไปอีกแล้ว”
“คุณแค่นั่งรอดูการแสดงเด็ดๆ ก็พอครับ”
หม่าเวยเวยสงสัยเต็มทีว่าเขาจะใช้วิธีไหน
อย่างไรหลงเจี่ยเองก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ เขาจะแย่งจู้ซิงมีเดียมาจากเธอได้อย่างไรกัน
“ถ้างั้นฉันจะรอ!”
หันซิวเช่อมองหม่าเวยเวยเดินจากไปพลางเอนหลังด้วยท่าทีสบายอารมณ์
เหตุผลหนึ่งเดียวที่เขามั่นใจนักหนาเพราะเขามีสมาชิกหน้าใหม่ทั้งสี่คนอยู่ในกำมือ ว่ากันตามจริงแม้แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าเขามีหลักฐานว่าพวกเขาเสพโคเคน เขารู้เรื่องนี้ในสมัยที่พวกเขายังเรียนอยู่และจงใจแนะนำพวกเขาให้กับหลงเจี่ยเพราะรู้ว่าความทุ่มเทของเธอจะเสียเปล่าทันทีที่ความลับของพวกเขาถูกเปิดโปงออกมา ที่แย่ที่สุดคือจู้ซิงมีเดียคงจะต้องเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน
นี่คือแผนของหันซิวเช่อ
ดูเหมือนว่าสมาชิกทั้งสี่คนจะรู้ว่าการทำตามหลงเจี่ยเป็นเส้นทางที่ง่ายดาย พวกเขาจึงพยายามเลิกเสพยา ทว่าน่าเสียดายที่บางอย่างไม่อาจหวนคืนกลับมาได้
และเหตุผลเดียวที่หลงเจี่ยไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อยเพราะพวกเขาปิดบังให้กันและกันไว้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยเก็บความลับนี้เอาไว้ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่
ไม่นานเอสเอเจก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมรายการโทรทัศน์ชื่อดังในต่างประเทศ ที่ที่พวกเขาจะได้มีโอกาสหายใจหายคอบ้าง…
อย่างไรก็ตามการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจกำลังจะเริ่มขึ้น!
…
ในขณะเดียวกันถังหนิงอยู่ที่อเมริกาพร้อมทีมงานตัดต่อหลังถ่ายทำของเธอ ค่อยๆ ขัดเกลาทักษะและทุ่มเทสุดตัวให้กับมดราชินี ถึงแม้ว่าเทคนิคพิเศษของพวกเขาจะยังเทียบกับอเมริกาไม่ได้ แต่ถังหนิงก็พึงพอใจมากแล้ว
การรู้ข้อจำกัดของตัวเองในตอนนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาต่อไป
“คุณถังครับ จากที่เราปรับการทำงานกันล่าสุด ทีมงานจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนนะครับ” ผู้จัดการทีมงานตัดต่อหลังถ่ายทำเอ่ย
“อย่าให้หลุดนะคะ อย่าปล่อยผ่านไปง่ายๆ เพราะว่าต้องการย่นเวลา”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมเห็นแผนงานของผู้กำกับเฉียวเซินแล้ว ผมเองก็หวังว่าจะสร้างผลงานให้ออกมาดีเหมือนกันครับ คุณต้องเชื่อมั่นว่าตลอดเวลามานี้เราได้เรียนรู้จากทางอเมริกามาเยอะ”
ถังหนิงรู้ว่าภรรยาของผู้จัดการกำลังจะคลอด
ในฐานะคุณแม่ลูกสาม ถังหนิงเข้าใจถึงความหดหู่ที่ไม่มีสามีอยู่ข้างกายระหว่างที่อุ้มท้อง เธอจึงส่งยิ้มให้ก่อนพยักหน้า “ถ้าคุณมั่นใจพอแล้ว เราก็ย้ายทีมงานกลับไปที่ปักกิ่งเถอะค่ะ ฉันเองก็เริ่มรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วเหมือนกัน”
“โอเคครับ คุณถัง”
เดิมทีพวกเขาคาดการณ์ไว้ว่าคงต้องใช้เวลาราวๆ หกเดือนในการทำให้เสร็จสิ้น แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันคงไม่จำเป็นแล้ว
คืนนั้นถังหนิงโทรหาหลงเจี่ยเพื่อบอกข่าวดีกับเธอ “อีกไม่นานฉันจะกลับไปปักกิ่งแล้วนะ เธออยากจะมารับฉันไหมล่ะ”
“ช่วงนี้ฉันเป็นผู้หญิงที่ยุ่งสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ!” หลงเจี่ยพูดแหย่
“ฉันได้ยินว่าเธอไปได้สวยกับวงใหม่ของเธอเลยนี่” ถังหนิงหัวเราะคิกคัก “อย่างนั้นก็ได้ ถ้าเธอยุ่งมาก ฉันว่าฉันคงต้องไปหาเธอแทนเองแล้วล่ะ…”
“คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ ฉันจะให้ลูกศิษย์ของกูรูใหญ่วงการไซไฟมาหาฉันด้วยตัวเองได้ยังไงกันคะ คุณจะบินกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ”
“จองตั๋วเครื่องบินเมื่อไหร่ฉันจะบอกแล้วกันนะ”
“โอเคค่ะ แต่ฉันจะบอกว่าฉันกำลังจะบินไปต่างประเทศในไม่กี่วันนี้นะคะ ศิลปินวงใหม่ของฉันกำลังจะเข้าร่วมการถ่ายทำที่ต่างประเทศน่ะค่ะ ฉันต้องคอยจับตาดูเอาไว้” หลงเจี่ยบอก “การจัดการวงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉันจะทำพลาดไม่ได้ค่ะ”
ตอนนี้ถังหนิงกำลังจะกลับบ้าน ใครจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดกันล่ะ แน่นอนว่าต้องเป็นหลงเจี่ยและหลินเฉี่ยน
ถังหนิงคิดถึงพวกเธอมากเช่นกัน อีกทั้งยังไม่ได้เจอเฉินซิงเหยียนและฮั่วจิงจิงมานานแล้วเช่นกัน
“ว่าแต่มดราชินีเสร็จแล้วเหรอคะ”
“เราผ่านขั้นตอนที่ยากที่สุดมาแล้วล่ะ อีกไม่นานคงเรียบร้อยดี…” ถังหนิงตอบ
“ดีเลยค่ะ ถึงคุณจะต้องลำบากมามากแต่สุดท้ายคุณก็มีสิ่งใหม่ๆ มาอวด ผู้กำกับถัง ฉันรอให้คุณทำให้ทุกคนตกตะลึงอยู่นะ พอคุณกลับมาอย่าปล่อยให้คนอื่นรังแกคุณอีกล่ะ…แล้วก็อย่าไปไหนอีกด้วยนะคะ!”
ถังหนิงเข้าใจคำบอกใบ้ของหลงเจี่ย ถึงเวลาที่ต้องทำให้หม่าเวยเวยถึงจุดจบโดยไร้ความปรานีแล้ว
อีกทั้งเธอเองก็ไม่ควรถอนตัวจากวงการอีกครั้งเพราะความคิดเห็นของคนภายนอก
เมื่อก่อนเธอยอมถอยเพราะเธอกำลังท้องอยู่และต้องการพัฒนาตัวเอง หากแต่ตอนนี้เธอแข็งแกร่งมากพอแล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เธอเข้าใจฉันดีไม่ใช่เหรอ”
ถังหนิงเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่เสมอ!
ทว่าหลงเจี่ยอาจทนไม่ไหวจนถึงตอนที่ถังหนิงกลับมา…