[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 414: ความโด่งดังของหลิงหยุน!

หลิงหยุนและเสี่ยวเม่ยหนิงเดินตรงไปที่รถแลนด์โรเวอร์ซึ่งจอดอยู่ตรงลานจอดรถภายนอกอาคารที่ใหญ่โตหรูหรา

ใบหน้าที่สวยงามของหนิงหลิงยู่บ่งบบอกว่าอารมณ์ของเธอกำลังขุ่นมัว สาเหตุมาจากผู้หญิงไร้ยางอายสองคนที่เธอไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน

หนิงหลิงยู่จ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของหลิงหยุน พร้อมกับบคิดในใจว่า หากพี่ชายของเธอน้ำหนักไม่ลด และยังคงอ้วนท้วนเหมือนสมัยก่อนก็คงจะดี เพราะหากเป็นเช่นนั้น คงจะไม่มีผู้หญิงสวยๆมากมายมาชื่นชอบ และอยากจะครอบครองเขาเหมือนอย่างทุกวันนี้ อีกทั้งคงไม่มีใครอยากจะมาแย่งหลิงหยุนที่อ้วนเหมือนหมูไปจากเธออีก

แต่ตอนนี้หลิงหยุนได้กลายเป็นหนุ่มน้อยที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร หนักแปดสิบกว่ากิโลกรัม หากเทียบแล้วหลิงหยุนในเวลานี้ยังผอมกว่าถังเมิ่งเสียอีก แล้วก็สูงสง่ากว่าถังเมิ่งมาก โดยเฉพาะคิ้วรูปดาบที่ดูคมเข้ม และริมฝีปากที่คมชัดราวกับแกะสลัก

ไม่เพียงเท่านั้น.. แววตาที่นุ่มลึก และบุคลิกที่สงบเยือกเย็น และชวนขนลุกในบางครั้งของหลิงหยุน กลับยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งประกายตาระยิบบระยับคู่นั้น ยังสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ตั้งแต่แรกเห็น..

แต่ส่วนที่มีเสน่ห์และดึงดูดผู้หญิงได้มากที่สุด กลับเป็นลักยิ้มลึกข้างแก้มซ้ายที่ดูไม่มีพิษมีภัยของเขา ไม่ว่าจะเป็นเวลาพูดหรือยิ้ม ลักยิ้มนี้ก็จะเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัส และหญิงสาวบางคนอาจถึงกับรู้สึกอยากจะกระโดดเข้าไปหอม หรือกัดแก้มของเขาด้วยซ้ำ

นี่ยังไม่นับรวมถึงกลิ่นหอมที่แผ่กระจายออกจากร่างกายของหลิงหยุน ที่ไม่ว่าผู้หญิงคนใหนได้กลิ่น ก็อยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ และไม่อยากถอยห่างอีกเลย

อีกทั้งความสามารถ และพละกำลังของหลิงหยุน ก็แสดงออกถึงการเป็นชายชาตรีที่แข็งแกร่ง ความสงบเยือกเย็นที่ออกจากคำพูดและการกระทำของเขา ประกอบกับรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ ยิ่งทำให้หลิงหยุนกลายเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ จนยากที่ผู้หญิงคนใหนจะต้านทานได้!

หนิงหลิงยู่จ้องมองเหลิงหยุน และอดนึกถึงความฝันของเธอตั้งแต่วัยเพียงสิบสองไม่ได้ เธอใฝ่ฝันว่าจะได้เติบโตเคียงข้างพี่ชายร่างอ้วนของเธอคนนี้ แต่ที่สุดแล้วกลับนึกไม่ถึงว่า เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ทุกอย่างกลับกลายเป็นอย่างที่เห็น!

แต่จู่ๆ หนิงหลิงยู่ก็เอื้อมมือไปเกาะแขนของหลิงหยุนไว้แน่น ท่าทางของเธอดูตื่นตระหนก และดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขาอีกเลย

‘ผู้หญิงสองคนนั่นน่าจะช่วยงานได้..’

หลิงหยุนเองก็กำลังครุ่นคิดว่า หญิงสาวทั้งสองคนนั้น น่าจะเป็นประโยชน์ในการจัดการกับบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นได้บ้าง แต่เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักแขนของหนิงหลิงยู่ที่เกาะแน่น ทำให้เขาอดที่จะแปลกใจไม่ได้

“หลิงยู่.. เป็นอะไรรึเปล่า?!”

“พี่ใหญ่.. พี่.. พี่ชอบผู้หญิงสองคนเมื่อครู่ไม๊?” หนิงหลิงยู่ถามขึ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่ยิ้ม แล้วจ้องมองหนิงหลิงยู่อย่างอ่อนโยนพร้อมกับตอบไปว่า “หลิงยู่.. นี่คิดมากไปถึงใหนกันแล้ว? พี่จะชอบพวกเธอได้ยังไง..”

ในเวลานั้นถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และคนอื่นๆต่างก็เดินออกมาพอดี ถังเมิ่งร้องบอกหลิงหยุนทันทีที่เห็นหน้า

“พี่หยุน.. ฉันเพิ่งจะได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าใบขับขี่ของพี่เรียบร้อยแล้ว จะเข้าไปรับตอนนี้เลยไม๊?”

หลิงหยุนอุทานออกมาทันที “เยี่ยม.. เร็วกว่าที่คิดไว้มาก! เข้าไปเอาเลยดีกว่า”

กุญแจบบ้านทั้งสองหลังตอนนี้อยู่ที่ตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุนสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋ไปจัดการปั๊มเพิ่มอีกสักสองสามชุด จากนั้นก็ส่งกุญแจรถแลนด์โรเวอร์ให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ขับไปรับใบขับขี่

ตอนนี้หลิงหยุนเองก็ขับรถเป็นแล้ว ถ้ามีใบขับขี่ ต่อไปเขาคงจะไปใหนมาใหนได้สะดวกขึ้นมาก..

เมื่อได้ใบขับมาแล้ว หลิงหยุนก็สั่งให้ถังเมิ่งขับรถไปที่คลินิกสามัญชนของเขา เพื่อไปดูว่าเหยาลู่เป็นยังไงบ้าง หากทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ให้เขาแวะไปดูที่ร้านเสื้อผ้าต่อเลย

ตี้เสี่ยวอู๋จัดการส่งกุญแจบ้านให้หลิงหยุน หลังจากที่จัดการเก็บกุญแจบ้านไว้ในแหวนพื้นที่แล้วจึงขับรถพาหนิงหลิงยู่ออกไป

“พี่ใหญ่.. นี่เราจะไปใหนกันคะ?!”

หนิงหลิงยู่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ตอนนี้ในรถมีเพียงแค่เขากับหนิงหลิงยู่สองคน เธอจึงเริ่มรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หนิงหลิงยู่รู้ดีว่าหลิงหยุนมีธุระมากมายที่ต้องทำ และตอนนี้เธอก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรหลิงหยุนจึงต้องโดดเรียนอยู่บ่อยๆ

“หลิงยู่.. พี่เรื่องบางอย่างที่พี่จะต้องบอกเธอ!”

หลิงหยุนไม่ได้ขับรถเร็วมาก เขาจึงหันไปมองหนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ตอนนี้น้าหญิงอยู่ที่จิงฉูแล้ว!”

“ห๊ะ?! น้าหญิง.. น้าหญิงที่ใหนกันคะ?!”

หนิงหลิงยู่ถึงกับงุนงง และอึ้งไป.. เพราะตั้งแต่เติบโตมาจนถึงอายุสิบแปด เธอยังคิดว่าแม่ของเธอคงจะไม่มีญาติพี่น้องที่ใหน และนางฉินจิวยื่อเองก็ไม่เคยพูดถึงญาติคนใหนให้เธอฟังมาก่อนเลย

เธอไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าตัวเธอเองมีญาติ แต่เมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดถึงน้าหญิง หนิงหลิงยู่จึงถึงกับงุนงง!

และเมื่อได้เห็นสีหน้าตกใจปนประหลาดใจอย่างมากของหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนจึงหยุดรถไว้ข้างทาง และหันไปมองหน้าหนิงหลิงยู่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่จริงจัง

“ใช่แล้ว.. น้าหญิง น้องสาวของแม่ไง! ชื่อว่าฉินตงเฉี่วย..”

หนิงหลิงยู่ยังคงไม่เชื่อ เธอได้แต่พึมพำว่า “แต่.. แต่แม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับพวกเรามาก่อน..”

หลิงหยุนเอื้อมมืออกไปลูบหลังหนิงหลิงยู่เบาๆเพื่อปลอบบปะโลม “ตอนนี้น้าหญิงอยู่ที่บ้านแม่ พวกเราจะกลับไปรับน้าหญิงก่อน แล้วค่อยออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน!”

ฉินจิวยื่อและฉินตงเฉี่วยต่างก็เป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน หลิงหยุนยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับหนิงหลิงยู่ ตอนนี้ฉินจิวยื่อไปที่สำนักกระบี่เทวะ หลิงหยุนเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับหนิงหลิงยู่ยังไง เพราะเกี่ยวพันไปถึงพ่อแท้ๆของเธอ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและยิ่งใหญ่ แม้แต่ฉินตงเฉี่ยวยังกระอักกระอ่วนที่จะพูดถึง..

ดังนั้น เรื่องนี้หลิงหยุนจึงตั้งใจปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของฉินตงเฉี่วย

“หลิงยู่.. ไม่ต้องกังวลใจไป น้าหญิงเป็นคนช่างพูด แล้วอายุก็ไม่ห่างจากพวกเราสองคนมากนัก น่าจะเป็นเพื่อนกับเธอได้!”

หลิงหยุนปลอบโยนหนิงหลิงยู่เสร็จแล้ว จึงขับบรถมุ่งหน้าไปที่บ้านเลขที่-9 ที่อ่าวจิงฉู

……….

โรงเรียนมัธยมจิงฉู..

ในโรงเรียนมัธยมจิงฉูเวลานี้ หากจะถามหาคนที่โด่งดังมีชื่อเสียงและฮ็อทที่สุด ก็คงจะไม่พ้นหลิงหยุนอย่างแน่นอน!

ในยุคของโลกอินเทอร์เน็ตที่มีทั้ง Weibo และ WeChat อีกทั้งข้อมูลข่าวสารต่างๆยังหาได้ง่ายจากโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นข่าวลือเรื่องที่หลิงหยุนทุบสำนักงานรื้อถอนบนถนนหลินเจียง และบ้านอีกสองหลังในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทิ้ง รวมทั้งข่าวเรื่องที่หัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงถูกหลิงหยุนสร้างความอับอายให้อย่างมาก ก็ได้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว และยากที่จะควบคุมได้

นักเรียนทั้งโรงเรียนมัธยมจิงฉูไม่ว่าจะเป็นมัธยมต้น หรือมัธยมปลาย ต่างก็คลั่งไคล้หลิงหยุน นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนเอาแต่พูดถึงข่าวคราวของหลิงหยุน และตอนนี้หลิงหยุนก็ได้กลายมาเป็นดาวดวงเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมจจิงฉูแห่งนี้!

ตอนนี้นักเรียนทั่วทั้งโรงเรียนต่างก็พากันจับกุล่ม และถามไถ่กันว่าหลิงหยุนมาโรงเรียนหรือยัง? มีข่าวใหม่เกี่ยวกับหลิงหยุนอีกหรือไม่!?

‘หลิงหยุน..’ สองคำนี้กลายเป็นคำพูดที่ได้ยินมากกว่าคำว่า  ‘สวัสดี’ แล้วก็ ‘ขอบคุณ’ เสียอีก!

ที่ระเบียงของแต่ละห้องเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ระเบียงหน้าห้องเรียนของหลิงหยุนกลับเป็นที่ที่ผู้คนแออัดเบียดเสียดกันมากที่สุด พวกเขาต่างก็มามุงดูกันว่าหลิงหยุนมาโรงเรียนหรือยัง? บางคนก็มานั่งจับกลุ่มสอบถามจากเพื่อนนักเรียนในห้องของหลิงหยุนแทน!

แต่สถานการณ์ที่ร้อนแรงกลับเกิดขึ้นจำกัดเฉพาะภายในโรงเรียนมัธยมจิงฉูเท่านั้น แต่ในอินเทอร์เน็ตตอนนี้ ชื่อของหลิงหยุนได้ถูกบบล็อกไว้หมด

ตราบใดที่ข้อความในอินเทอร์เน็ตมีชื่อหลิงหยุนไปเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการโพส หรือแม้แต่คอมเม้นต์ ก็จะถูกลบบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ภายในห้องเรียนของหลิงหยุน..

ฉางหลิงเอาแต่นั่งใจลอย แม้แต่ครูหวู่ซึ่งสอนวิชาประวัติศาสตร์เองก็ตาม ระหว่างที่สอนอยู่นั้น หางตาของเขากลับคอยเหลือบมองไปที่เก้าอี้มุมห้องด้านหลังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของหลิงหยุน

วันนี้ฉางหลิงแต่งตัวสวยงามเพื่อรอหนุ่มน้อยที่เธอหลงรักโดยเฉพาะ แต่กลับบกลายเป็นว่าหลิงหยุนไม่ได้มาเรียน

ส่วนเกาเฉินเฉินก็ยังคงติดต่อไม่ได้ แต่ที่นั่งของเธอตอนนี้กลับมีหญิงสาวคนอื่นเข้าไปนั่งแทน

สาวน้อยสดใสรูปร่างสูงโปร่งคนนี้ ฉางหลิงเพิ่งพบกับเธอไปเมื่อวานนี้ เธอจึงจำได้ว่าเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวชื่อว่าหลงหวู่!

‘วิ่งตามหลิงหยุนมาถึงที่นี่ แล้วยังจะมานั่งที่เกาเฉินเฉินอีก..’ ฉางหลิงได้แต่คิดในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“ฉางหลิง.. อย่ามองไปข้างหลังบ่อยนัก เดี๋ยวเธอจะไม่พอใจเอา!”

ข้างๆโต๊ะคือเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่คอยสะกิด และเตือนฉางหลิงให้ระมัดระวัง

ฉางหลิงหวาดกลัวไม่กล้าหันไปมองอีก เมื่อเห็นว่าหลงหวู่กำลังมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ

ฉางหลิงหวาดกลัวจนต้องหลบสายตา และเมื่อเห็นว่าหลงหวู่เบือนสายตาไปที่อื่น เธอก็รีบกระซิบกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา  “น่ากลัวจัง..”