[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 415: เทพธิดาคู่!

เฉิงเมี่ยนนั่งอยู่ในห้องเรียน แต่จิตใจของเธอกลับล่องลอยไปหาหลิงหยุน แม้ความทรงจำของเธอเกี่ยวกับความน่ากลัวของหลิงหยุนเมื่อหลายคืนก่อนจะถูกลบทิ้งไปแล้ว แต่ความทรงจำของเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ยังคงชัดเจน และเฉิงเมี่ยเองก็จำได้อย่างแม่นยำ

เฉิงเมี่ยนไม่เคยพบเจอใครที่เหมือนกับหลิงหยุนมาก่อน เธอไม่เคยรู้สึกอยากครอบครองใครมากมายเหมือนที่รู้สึกกับหลิงหยุน ทุกครั้งที่นึกถึงเขา เลือดในกายของเธอก็จะสูบฉีดขึ้นมาทันที!

หากเปรียบกับหลิงหยุนแล้ว เสียเจิ้นเหยินเทียบเขาไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ! และหากเปรียบกับความหลงใหลที่เฉิงเมี่ยมีให้หลิงหยุนในเวลานี้ ความรักที่เธอเคยมีให้เสียเจิ้นเหยินที่ผ่านมานั้น กลับกลายเป็นเรื่องน่าขันไปทันที!

ตอนนี้เฉิงเมี่ยนคลั่งไคล้ในตัวหลิงหยุนมาก และอยากจะพบหน้าเขาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ต้องหาทางพบหน้าหลิงหยุนให้ได้!

เธอทำได้แม้กระทั่งยินดีคุกเข่าต่อหน้าหลิงหยุน หากเขาต้องการ! และไม่ว่าหลิงหยุนจะดุด่าเธออย่างไร เธอก็ยินยอม ขอเพียงอย่างเดียวว่า อย่าให้หลิงหยุนจากเธอไปโดยไม่พูดอะไร และไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง!

และเฉิงเมี่ยนก็ทำอย่างที่คิดไว้จริงๆ!

ตลอดสามคาบเรียนที่ผ่านมา เฉิงเมี่ยนเอาแต่ยืนอยู่ตรงทางเดินที่ตรงเข้าห้องเรียนของหลิงหยุน เธอตั้งหน้าตั้งตาคอยเขาอยู่อย่างนั้น อีกทั้งยังพยายามที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาจากเพื่อนๆ

เฉิงเมี่ยนลืมแม้กระทั่งว่าหลิงหยุนรักพี่สาวของเธอ – เฉิงเม่ยเฟิง ไม่ใช่เธอ!

เธอไม่แม้แต่จะคิดว่า หากหลิงหยุนกับเฉิงเม่ยเฟิงเป็นสามีภรรยากันแล้ว หลิงหยุนเองก็จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่เขยของเธอ – นี่ไม่เท่ากับว่าน้องเมียหลงรักพี่เขยตัวเองอย่างนั้นหรือ..

“หลิงหยุน.. ฉันต้องได้เธอ ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม..”

แววตาของเฉิงเมี่ยนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ และร้อนแรงยิ่งกว่าบรรยากาศภายในห้องเสียอีก

……

ที่บ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉู

ฉินตงเฉี่วยสวมเสื้อนอนตัวโคล่งสบายๆ นั่งอยู่บนเตียง และพยายามนั่งทำสมาธิ แต่ก็ไม่สามารถทำได้

“นี่ข้าเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? เจ้าเด็กบ้าหลิงหยุนั่น.. ข้าอยากจะฆ่าเจ้านัก!”

ฉินตงเฉี่วยคว้าหมอนที่อยู่บนเตียงขึ้นมากอดแน่น มือของนางลูบไล้อยู่ที่ริมฝีปากแดงพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความขุ่นเคืองใจ

แต่จู่ๆ ท้องของนางก็ร้องขึ้นด้วยความหิว เพราะถึงแม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกตน แต่นางก็ทำอาหารไม่เป็น เพราะเมื่ออยู่ในตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเฉินนั้น ชีวิตของนางก็สะดวกสบาย และแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย

“ข้าไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าเด็กดื้อด้วยสิ! แล้วนี่ข้าจะไปหาข้าวกินที่ใหนได้บ้าง?”

ฉินตงเฉี่วยได้แต่นั่งถอนหายใจและเหม่อลอย แม้แต่เสื้อนอนตัวโคล่งเปิดลึกจนเห็นเนินอกสีขาวราวหิมะ นางก็ยังไม่รู้สึกตัว!

แต่ไม่นาน ฉินตงเฉี่วยก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังห่างอยู่ไม่ไกลนัก และดูเหมือนเสียงนั่นจะค่อยๆมุ่งหน้ามาทางบ้านของนาง!

“เจ้าเด็กดื้อนั่นกลับมาแล้วเหรอ?!”

ฉินตงเฉี่วยทั้งดีใจและมีความสุขมาก ร่างสวยงามของนางพุ่งออกจากเตียง และวิ่งออกนอกห้องนอนไปทันที ถึงเวลานี้นางเพิ่งจะรู้ตัวว่า คอเสื้อตัวโคล่งได้ตกลงไปและเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียนของนางถึงครึ่งเต้า

ฉินตงเฉี่วยหน้าแดงก่ำและร้อนไปหมด นางรีบกลับเข้าไปในห้องนอน และจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลิงหยุนจอดรถแลนด์โรเวอร์ไว้ที่สนามหน้าบ้าน จากนั้นจึงลงจากรถไปเปิดประตูบ้านพร้อมกับร้องตะโกนว่า

“น้าหญิง.. ข้าหลิงหยุนเอง! ข้ากลับมาแล้ว..”

ความจริงหลิงหยุนรู้ดีอยู่แล้วว่า ด้วยความสามารถของฉินตงเฉี่วย เพียงแค่รถเข้ามาจอด นางก็ต้องรู้แล้ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร้องบอกก็ตาม

 “น้าหญิงสวยมากไม๊?”

หนิงหลิงยู่ที่เริ่มยอมรับความจริงได้แล้วว่ามีน้าหญิงอยู่ในบ้านของเธออีกคน และพวกเธอทั้งคู่ก็กำลังจะได้พบหน้ากันอยู่แล้ว แต่ก็อดรนทนไม่ได้จนต้องร้องถามหลิงหยุนออกไป

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับหันไปบอกหนิงหลิงยู่ว่า “เดี๋ยวคอยดูเองก็แล้วกัน!”

หลังจากที่รถจอด หลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ต่างก็เดินลงมาจากรถ และทั้งคู่ก็เห็นฉินตงเฉี่วยที่กำลังเดินออกมาจากบ้าน

หนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยต่างก็จ้องตากันด้วยความตกตะลึง!

“ไม่น่าเชื่อ.. หลิงยู่.. ทำไมหลานจึงได้งดงามเช่นนี้นะ?! งดงามกว่าที่ข้าเคยเห็นในรูปเสียอีก!”

“ว้าว.. น้าหญิงกับแม่หน้าตาเหมือนกันมากเลยค่ะ!”

ฉินตงเฉี่วยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เธอยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดไปยืนอยู่ตรงหน้าหนิงหลิงยู่ ดูเหมือนนางไม่คิดที่จะปิดบังวรยุทธของตนเอง!

“หลิงยู่.. หลานสาวของน้าช่างสวยงามนัก! น้าหญิงไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”

ฉินตงเฉี่วยยื่นมือออกไปดึงหนิงหลิงยู่เข้ามากอดอยู่นาน และดูเหมือนไม่ยอมปล่อยเสียที..

“น้าหญิงของหนูก็สวยมากเหมือนกันค่ะ..”

แววตาของหนิงหลิงยู่ดูอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นวิชาตัวเบาของฉินจิวยื่อ แต่ก็รีบกอดตอบนางกลับไปเช่นกัน หญิงสาวทั้งสองคนยังคืนยืนกอดกันแน่น และทั้งคู่ก็สามารถสนิทสนมและเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว นี่คืออานุภาพของความสัมพันธ์ทางสายเลือด!

“ข้างนอกอากาศร้อน เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า น้าหญิงจะได้ดูหน้าใช้ชัดๆกว่านี้!”

ฉินตงเฉี่วยคลายอ้อมแขนจากหนิงหลิงยู่ แล้วจูงเมือธอเข้าไปนั่งในบ้าน พร้อมกันนั้นก็ส่งกระแสจิตบอกหลิงหยุนว่า “เจ้าเด็กดื้อ.. ครั้งนี้เจ้าทำดีมาก!”

ฉินตงเฉี่วยดีใจตนลืมเรื่องหิวข้าวไปเสียสนิท..

“คิ้วแบบนี้ ดวงตาแบบนี้ ใบหน้าเล็กอ่อนโยนแบบนี้..”

ฉินตงเฉี่วยพาหนิงหลิงยู่ไปนั่งที่โซฟา นางจับหน้าหนิงหลิงยู่หมุนซ้ายทีขวาที แล้วก็ได้แต่พร่ำชมไม่หยุปาก

ฉินตงเฉี่วยได้เคยเห็นรูปของหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่จากฉินจิวยื่อมาก่อนแล้ว และค่อนข้างจะคุ้นหน้าพวกเขาอยู่บ้าง แต่วันนี้เมื่อได้เห็นตัวจริงของหนิงหลิงยู่ นางก็ได้แต่คิดในใจว่าหนิงหลิงยู่นั้นงดงามกว่าในรูปหลายเท่านัก!

จากการพบหน้ากันของคนทั้งคู่ ทำให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า คนในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกันนั้น ถึงอย่างไรก็แตกต่างจากคนในครอบครัวที่ไม่ใช่สายเลือด

หลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ล้วนเป็นเด็กที่ฉินจิวยื่อเลี้ยงดูมาด้วยตัวเองทั้งคู่ และฉินตงเฉี่วยก็เพิ่งได้พบกับพวกเขาทั้งสองคนเป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่ความรู้สึกของการได้พบกับคนทั้งสองกลับแตกต่างกัน..

นี่ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ความรู้สึก แต่มันเป็นเรื่องของความผูกพันทางสายเลือดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้!

หนิงหลิงยู่และฉินตงเฉี่วยต่างก็พูดคุยกันอย่างอบอุ่นอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วหนิงหลิงยู่ก็กระซิบถามขึ้นว่า

“น้าหญิงคะ.. ทำไม.. ทำไมตั้งนานถึงเพิ่งจะมาหาพวกเราคะ?”

หนิงหลิงยู่ช่างเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ที่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้จากการที่จู่ๆ แม่ของเธอก็หายตัวไป แต่น้าหญิงที่ไม่เคยพบเห็นมาตลอด กลับปรากฏตัวขึ้นมาให้เห็น มีหรือที่เธอจะไม่รู้สึกแปลกใจ

 “เอ่อ.. เรื่องนั้น.. น้าหญิงเอาแต่ฝึกกำลังภายในอยู่หลายปี เลยไม่ได้ออกมาดูโลกภายนอกเลย..”

ฉินตงเฉี่วยนึกไม่ถึงว่าหนิงหลิงยู่จะถามคำถามเช่นนี้ขึ้นมา และสามารถมองเห็นปัญหาได้รวดเร็ว นางจึงไม่สามารถคิดหาคำตอบที่สมเหตุสมผลได้ทัน

“ฝึกกำลังภายในเหรอคะ? น้าหญิงหมายถึงฝึกวรยุทธใช่ไม๊คะ?”

หนิงหลิงยู่รู้มาก่อนแล้วว่าหลิงหยุนเองก็ฝึกกำลังภายในเช่นกัน เธอจึงสามารถยอมรับได้รวดเร็ว และไม่รู้สึกแปลกใจ

ฉินตงเฉี่วยจับมือเล็กๆที่สวยงามของหนิงหลิงยู่ไว้ พร้อมกับตอบไปยิ้มๆ “ใช่แล้ว.. ฝึกวรยุทธนั่นล่ะ ต่อไปถ้าหลิงหยุนดื้อ หรือกล้ารังแกเจ้า น้าหญิงจะช่วยจัดการกับเขาให้เอง!”

พูดจบก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยหางตา..

“น้าหญิงคะ.. แล้วแม่ไปใหนคะ?” หนิงหลิงยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามคำถามที่สองออกมา

สำหรับคำถามนี้ของหนิงหลิงยู่ ฉินจิวยื่อได้ช่วยฉินตงเฉี่วยคิดหาคำตอบไว้อยู่แล้ว นางจึงตอบเสียงเบาว่า

“หลิงยู่.. แม่ของหลานไปธุระ น้าหญิงเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่นัก เรื่องนี้ค่อนข้างยาว ไว้ตอนเย็นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังนะ! คืนนี้เจ้ามานอนกับน้าหญิง ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังดีไม๊?”

หนิงหลิงยู่เป็นเด็กสาวที่ฉลาด เธอจจึงยิ้มหวานให้กับบฉินตงเฉี่วย และไม่ถามอะไรอีก

จากนั้น ฉินตงเฉี่วยก็หันไปมองหลิงหยุนและถามขึ้นว่า “วันนี้เจ้าสองคนไม่ไปโรงเรียนหรือยังไง?”

หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า “น้าหญิง.. อัจฉริยะอย่างข้า ต่อให้ไม่เข้าห้องเรียนก็สามารถสอบเข้าหมาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศจีนได้ จะต้องเสียเวลาไปโรงเรียนทำไมกัน อีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้ท่านเหงาอยู่บ้านคนเดียว ก็เลยพาหลิงยู่กลับมาหา”

ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ใบหน้ายิ้มแย้ม และเสียงหัวเราะของหญิงสาวทั้งสอง ช่างเป็นภาพที่สวยงามเหลือเกิน!

ในใจของหลิงหยุนสั่นไหวเล็กน้อย พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่า หญิงสาวสองวัยที่นั่งอยู่คู่กันนั้น ช่างดูราวกับเทพธิดาคู่เสียจริงๆ..

หลังจากหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ฉินตงเฉี่วยก็มองหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปยิ้มๆ “ถ้าเจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้นก็ดี เพราะถ้าพวกเจ้าสองคนมั่นใจว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เรื่องอื่นก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว!”

หลิงหยุนมีความสุขมาก เขาบอกกับฉินตงเฉี่วยว่า “น้าหญิง.. ท่านน่าจะยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยใช่ไม๊? ออกไปทานข้าวเที่ยงข้างนอกกับพวกเรานะ? เสร็จแล้วก็ไปช้อปปิ้งกันต่อ! ดีไม๊?”

ฉินตงเฉี่วยเมื่อได้ยินคำว่ากินข้าวกับช้อปปิ้งก็แสดงอาการดีใจออกหน้าออกตา นางรีบลุกขึ้นจากโซฟาทันทีพร้อมกับร้องบอกว่า

“ยังต้องถามอีกเหรอ? ข้าก็ต้องไปอยู่แล้ว!”

หลิงหยุนเรียกกุญแจบ้านทั้งสองหลังออกมาจากแหวนพื้นที่ และส่งให้กับฉินตงเฉี่วย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้าหญิง นี่เป็นกุญแจบ้านทั้งสองหลัง ข้ามอบให้ท่านไว้!”

ระหว่างที่ขับรถกลับมาที่นี่ หลิงหยุนก็ได้มอบกุญแจของบ้านทั้งสองหลังให้กับหนิงหลิงยู่ด้วยเช่นกัน เพื่อวันหน้าเธอจะได้สามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก

ฉินตงเฉี่วยรับกุญแจมาพร้อมกับเอ่ยชมหลิงหยุน “เจ้าเด็กดื้อ.. นี่เจ้ารู้จักหาเงินเป็นแล้วรึ? นี่คงจะมัวแต่เอาเวลาไปหาเงินซื้อบ้านสองหลังนี้สินะ เกรดถึงได้ต่ำขนาดนี้..”

หลิงหยุนได้แต่เกาหัวพร้อมกับตอบไปว่า “น้าหญิงใจเย็นๆ เพิ่งเจอกันเอง อย่าเพิ่งเรียกร้องอะไรจากข้ามากนัก..”

“น้าหญิง.. ท่านขับรถเป็นไม๊? ยังมีรถมาเซราติอีกคันอยู่ในโรงรถ ถ้าท่านขับเป็น..”

ฉินตงเฉี่วยไม่รอให้หลิงหยุนพูดจบ แต่ชิงตอบไปว่า “ไม่เป็น.. ข้าไม่เคยเรียน..”

หลิงหยุนยิ้มอย่างมีความสุข เขาจัดการปิดประตูบ้าน ในขณะที่ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่เดินขึ้นไปนั่งบนรถ