ตอนที่ 744

Elixir Supplier

744 จดจำบุญคุณ

 

แม้ว่าจะไม่ได้อะไรเลยแต่เธอก็ต้องกลับ ส่วนลูกชายของเธอก็คงต้องทนทรมานต่อไป แม่ของโฮ่วชื่อต๋ารู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น

 

“รอก่อนเถอะ!” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าสบถเสียงเย็น พร้อมกับมองไปที่หมอหนุ่มซึ่งยืนเงียบๆอยู่ตรงนั้น เธอไม่คิดปิดบังความเกลียดชังที่มีต่อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ชายที่มาพร้อมกับเธอคิดในใจ หมอคนนั้นซวยแล้ว!

 

แต่หวังเย้าไม่ได้แค่เลยสักนิด ดูเหมือนว่าฉันจะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคนซะแล้ว เขาคิด

 

แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น เขาไม่มีทางรักษาเศษสวะอย่างโฮ่วชื่อต๋าแน่ เพราะมันถือเป็นการดูถูกอาชีพแพทย์แผนจีนของเขา เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะช่วยทุกคน ไม่ว่าจะคนคนนั้นจะเป็นคนดีหรือไม่ดี ไม่สิ แม้แต่พระเจ้าก็ใช่ว่าจะช่วยทุกคนเหมือนกัน

 

ค่ำคืนนี้เงียบสงบ

 

 

ผับแห่งหนึ่งในเมืองเต๋า คู่รักคู่หนึ่งอยู่ภายในห้องบนชั้นแรกของผับ พวกเขากำลังร่วมรักกันอยู่บนเตียงใหญ่น่าสบาย

 

วิเศษไปเลย! ชายที่อยู่บนเตียงคิด หมอคนนั้นไม่ได้หลอกฉันจริงๆด้วย!

 

หลายวันที่ผ่านมา เขาเหมือนตกอยู่ในนรก เขาไม่สามารถมีอะไรกับแฟนสาวของเขาได้ ทุกครั้งที่เขามีอารมณ์  เขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องน้อยของเขาอยู่เสมอ และมันทำให้เขาทรมานอย่างมาก

 

“คุณโอเคไหม?” แฟนสาวของเขาถามคำถามนี้อยู่หลายครั้ง เธอกังวลในทุกเรื่องของเขา เพราะเขาคือคนที่เธอจะใช้ชีวิตด้วยไปตลอด

 

“สบายมาก ผมสบายดี!” เขายืนย้ำอย่างหนักแน่นว่าตัวเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร

 

โชคดีที่หวังเย้าไม่ได้เล่นเล่ห์กับเขา และทำให้เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาจุดบุหรี่และพิงตัวลงบนหมอนเพื่อพักผ่อน

 

“คุณควรเลิกสูบบุหรี่ได้แล้วนะคะ” แฟนสาวของเขาพูด พร้อมหยิบบุหรี่ออกจากมือของเขาไป “ที่รักคะ”

 

“หืม?” เขาถาม

 

“เราแต่งงานกันดีไหมคะ?” แฟนสาวของเขาถาม

 

“ได้สิ” เขาตอบ

 

“จริงเหรอคะ?” เธอถามอยากตื่นเต้น

 

“จริงสิ” เขาพูด

 

เขาไม่ได้คบใครจริงจังมานานหลายปีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงสักคน ทางพ่อแม่ของเขาก็อยากได้หลาน ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถอยู่เป็นโสดตลอดไปได้

 

“เยี่ยมไปเลยค่ะ!” แฟนสาวของเขามีท่าทางตื่นเต้น เธอโถวตัวเข้าไปกอดเขาและมอบจูบชุดใหญ่เป็นรางวัล

 

“มาทำกันอีกรอบนะ” เขาพูด

 

“ไม่เอา พอแล้วค่ะ!” แฟนสาวของเขาแกล้งทำเป็นต่อต้าน

 

ภายในห้องอบอวลไปด้วยความรัก

 

 

เช้าวันต่อมา มีแขกที่คาดไม่ถึงมาที่หมู่บ้าน

 

“สวัสดีครับ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ?” หวังเย้าถาม

 

คนที่มาก็คือเมี่ยวซานติง อาจารย์ดูฮวงจุ้ยคนนั้น “สวัสดีครับ หมอหวัง ขอโทษที่ต้องมารบกวนคุณอีกแล้วนะครับ”

 

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ผมมีบางเรื่องอยากจะปรึกษาคุณน่ะครับ” เมี่ยวซานติงพูด

 

ครั้งก่อน หวังเย้าได้สร้างบุญคุณครั้งใหญ่ด้วยการจัดการกับวิญญาณร้ายที่สุสานโบราณ เมี่ยวซานติงไม่เคยลืม เขาคิดมาตลอดว่าจะทดแทนบุญคุณครั้งนี้ยังไง ตัวเขาไม่ได้มีเงินทองหรือของมีค่ามากมาย สิ่งเดียวที่เขามีก็คือความรู้เรื่องฮวงจุ้ยของเขา

 

มีอยู่วันหนึ่งที่เขานึกถึงเรื่องพลังงานความตายบนเนินเขาซีชานขึ้นมาได้ ดังนั้น เขาจึงอยากจะทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ เขาต้องการช่วยหวังเย้าจัดการกับเรื่องนี้ และเป็นวิธีที่เขาจะสามารถใช้ทดแทนบุญคุณกลับไปด้วย

 

“เข้ามานั่งข้างในก่อนสิครับ” หวังเย้าเชิญเขาเข้ามาด้านในคลินิก

 

เขามีความประทับใจที่ดีกับเมี่ยวซานติง และคิดว่าเขาเป็นดีคนหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่เดินทางไปถึงหงโจวเพื่อช่วยเหลือเรื่องที่เกิดขึ้น

 

หวังเย้าชงชาให้กับเมี่ยวซานติงอยู่ภายในคลินิก หลังจากที่พวกเขานั่งลงกันแล้ว เมี่ยวซานติงก็บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้กับเขา

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ ถ้าคุณช่วยเรื่องนี้ได้ผมจะขอบคุณมาก!” หลังจากที่ได้รู้ว่า เมี่ยวซานติงต้องการจะช่วยเขาเรื่องปัญหาของเขาซีชาน มันจึงยิ่งทำให้เขาชอบเมี่ยวซานติงมากขึ้นไปอีก

 

ในปัจจุบัน มีคนอยู่ไม่มากนักที่จะจดจำบุญคุณและตอบแทนมันกลับไป

 

“ผมอยากจะรู้ว่า คุณจะจัดการกับพลังความตายพวกนี้ยังไง” หวังเย้าพูด

 

“ผมคงต้องไปดูที่นั่นก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง” เมี่ยวซานติงพูด

 

“โอเคครับ งั้นเราไปดูกัน” หวังเย้าพูด

 

ในตอนที่พวกเขากำลังจะออกไปจากคลินิกนั้น ก็มีคนไข้คนหนึ่งมาที่คลินิก หลังของคนไข้โค้งงอ สีหน้าของเขาดูไม่ดีอย่างมาก

 

“คุณมีปัญหาอะไรครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ฉันปวดหลังมาก” ชายชราพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

เขาอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว สุภาพร่างกายของเขาจึงถดถอยลงไปทุกวัน

 

“เชิญนั่งก่อนครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้าช่วยพยุงชายชราให้นั่งลงและตรวจดูอาการของเขาอย่างละเอียด เขายังมีปัญหาที่กระดูกสันหลังช่วงเอวจากการทำงานหนักอีกด้วย

 

ชายชราถอนหายใจ เขาก็ไม่ได้อยากเหมือนกัน เพราะเขาก็อายุใกล้จะแปดสิบอยู่รอมร่อแล้ว แต่ลูกชายของเขาเพิ่งจะซื้ออพาร์ทเมนท์ห้องใหญ่ไว้หนึ่งห้อง แล้วยังมีหลานคนที่สองออกมาอีกด้วย ตั้งแต่ที่คลอดลูกคนที่สองออกมา ลูกสะใภ้ของเขาก็ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเด็กๆ ดังนั้น ลูกชายของเขาจึงเป็นคนที่หาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว เขาเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งและต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว และเพราะงานทั้งหลายแหล่ทำให้เขาผายผอมลงเรื่อยๆ

 

ส่วนภรรยาของชายชราก็อายุมากและสุขภาพไม่ค่อยดี เธอจึงไม่สามารถช่วยลูกสะใภ้เลี้ยงหลานได้ ดังนั้น เขาจึงรู้สึกสงสารลูกชายของตัวเอง และพยายามช่วยเหลือเรื่องการเงินอย่างสุดความสามารถ

 

“ผมจะนวดให้ ช่วยนอนคว่ำด้วยครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายชรานอนคว่ำหน้าลงไปบนเตียง หวังเย้าก็ได้เริ่มนวดให้กับเขา หลังจากผ่านไปได้ห้านาที ความเจ็บปวดก็ค่อยๆจางหายไป ชายชรารู้สึกอุ่นร้อนที่ช่วงเอวของเขา เขารู้สึกถึงสบายที่เกิดขึ้น 20 นาทีผ่านไป เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บที่หลังของเขาอีกแล้ว และรู้สึกแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

 

“เรียบร้อยแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“อาเย้า เธอเก่งมาก!” ชายชราอุทานออกมา “ค่ารักษาเท่าไหร่เหรอ?”

 

ชายชราหยิบซองกระดาษออกมาจากกระเป๋าของเขาด้วยมือที่สั่นเทา เขาพอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร

 

“คุณตาไม่ต้องจ่ายเงินหรอกครับ” หวังเย้าตอบ

 

“ไม่ได้ นั่นไม่ถูกต้อง” ชายชราพูด

 

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมแค่นวดให้เท่านั้นเอง” หวังเย้าพูด “คุณตาต้องพักผ่อนให้บ่อยที่สุดนะครับ อากาศร้อนๆแบบนี้อย่าเพิ่งกลับไปทำงานในไร่เลย ผมยังตรวจพบว่า คุณตามีปัญหาเรื่องการไหลเวียนของเลือดในสมองด้วย คุณตาต้องพักผ่อนให้มากๆนะครับ”

 

เพราะชายชราอายุใกล้จะแปดสิบแล้ว เขาจึงเจ็บป่วยได้ง่าย เขาจึงไม่เหมาะที่จะทำงานในไร่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อากาศร้อนแบบนี้ ถ้าเกิดเขาหมดสติตอนทำงานในไร่ขึ้นมา มันก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

 

“ได้ๆ ขอบคุณมากนะ” ชายชราออกจากคลินิกไป

 

มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ชายชราไม่มีใครให้พึ่งพิง ในตอนที่เฝ้ามองชายชราที่กำลังเดินจากไปนั้น หวังเย้าก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

ในยุคสมัยนี้ พ่อแม่ที่แก่ชราจำนวนมากยังต้องให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินแก่ลูกๆของพวกเขา หวังเย้าหันกลับไปหาเมี่ยวซานติงและพูดขึ้นมาว่า “พวกเราไปกันเถอะครับ”

 

ทั้งสองพากันเดินขึ้นไปยังสถานที่แห่งความตายบนเนินเขาซีชาน

 

“หืม!” ก่อนที่จะเดินขึ้นไปถึงด้านบนของเนินเขาซีชาน เมี่ยวซานติงก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาเดินขมวดคิ้วไปตลอดทาง ส่วนหวังเย้านั้นไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงเดินนำเมี่ยวซานติงไปเงียบๆเท่านั้น

 

“แปลก!” เมี่ยวซานติงเดินไปรอบสถานที่แห่งความตายทั้งสองแห่ง และเดินไปพักที่จุดหนึ่ง

 

“คุณคิดว่ายังไงครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ทั้งสองที่มันแปลกมาก” เมี่ยวซานติงพูด มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาพบเจอสถานที่แบบนี้ “ผมรู้สึกว่า ทั้งสองที่นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเนินเขา มันคล้ายกับว่า พวกมันถูกสร้างขึ้นมา”

 

“ผมเคยเจอแมลงแปลกๆที่อยู่ที่นี่มาก่อนด้วย” หวังเย้าพูด “แมลงพวกนั้นมีพิษร้าย แถมยังดุร้ายมาก”

 

“แมลงเหรอ?” เมี่ยวซานติงรู้สึกประหลาดใจ “แมลงพิษชนิดไหนเหรอครับ?”

 

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หวังเย้าพูด “ผมก็ไม่เคยเห็นแมลงพิษแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”

 

“บางที พลังของที่นี่อาจจะมีส่วนกับเรื่องของแมลงพิษก็ได้นะครับ” เมี่ยวซานติงพูด

 

เขาเดินไปรอบๆสถานที่แห่งความตายทั้งสองแห่งอีกครั้ง พร้อมกับคิดหาวิธีที่จะจัดการกับพลังงานความตายที่กระจายออกมาไปด้วย

 

“พวกเราไปที่เนินเขาใกล้ๆดีไหมครับ?” เขาเสนอ

 

ข้างๆกับเนินเขาซีชานก็คือเนินเขาหนานชานของหวังเย้า แน่นอนว่า เนินเขาหนานชานนั้นเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

 

“เป็นที่ที่ดีมาก!” เมี่ยวซานติงรู้สึกประทับใจกับภาพที่ได้เห็น

 

หวังเย้าเพียงแค่ยิ้มตอบเท่านั้น ที่เนินเขาหนานชานกลายเป็นสถานที่ที่วิเศษแบบนี้ ก็เพราะค่ายกลรวมวิญญาณที่หวังเย้าสร้างขึ้น

 

เมี่ยวซานติงมองสำรวจเนินเขาหนานชานอย่างละเอียด จากนั้น เขาก็หันกลับไปมองเนินเขาซีชานและเริ่มใช้ความคิด ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมาว่า “บางที เราอาจจะสามารถย้ายพลังจากเนินเขาหนานชานไปที่เนินเขาซีชานได้”

 

“คุณทำได้เหรอ? ต้องทำยังไงเหรอครับ?” หวังเย้าถามด้วยความสงสัย

 

“ผมจำเป็นจะต้องสร้างค่ายกลขึ้นมาครับ” เมี่ยวซานติงพูด “แต่ว่าตอนนี้มันเป็นแค่แผนแผนหนึ่งเท่านั้น ผมยังต้องจัดการบางอย่างเพื่อให้พลังกระจายไปให้ถึงเนินเขาซีชายให้เร็วที่สุดอีกด้วย”

 

“เราปลูกต้นไม้ที่ตรงนั้นได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ได้ครับ แต่เราก็ต้องทำให้แน่ใจว่า ต้นไม้พวกเขาจะอยู่รอดได้” เมี่ยวซานติงตอบ

 

“ผมทำให้พวกมันรอดได้ครับ” หวังเย้าพูด

 

จากการทดลองที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขารู้ว่า จุดไหนที่ดินมีพิษปนเปื้อนอยู่ และยังมีหญ้าหางกระรอกกับดอกแดนดิไลที่มีฤทธิ์ต่อต้านพิษในดินได้ด้วย

 

“ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลยครับ” เมี่ยวซานติงพูด

 

พวกเขาลงไปจากเนินเขาหนานชาน จากนั้น เมี่ยวซานติงก็บอกลาหวังเย้า ตอนนี้ เขาพอมีแผนการคร่าวๆไว้แล้ว ดังนั้น เขาจึงจำเป็นที่จะต้องคิดทุกอย่างให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ เขาไม่สามารถสร้างค่ายกลธรรมดาทั่วไปในสถานที่ทั้งสองแห่งนั้นได้