บทที่ 9 ร่วมงานละครเรื่องใหม

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่หันหลังและจากไปด้วยใบหน้าที่เฉยชาในขณะที่นานิหงุดหงิดงุ่นง่าน นานิก่นด่าไล่หลังชายหนุ่มอย่างโกรธเคือง “เชอะถุยๆๆ”ด่าไปได้สักสองสามคำ มีวาสนาบ้าบออะไรมาเจอกัน อยู่ตรงหน้าแต่จับต้องไม่ได้ดูจะใช่กว่าซะอีก

หลินจือทุกข์ทรมานเพราะเขามาเท่าไร ชีวิตนี้ไม่มีทางจะไปมีวาสนาบ้าบออะไรกับเขาอีกแล้ว

ในห้องทำงานของเจเทาวน์ หลังจากที่เจเทาวน์กับหลินจือพูดทักทายกันแล้วก็จึงถามหยั่งเชิงว่า “เมื่อครู่ประธานเทาเท่เขาเพิ่งแวะเข้ามา พวกคุณเจอกันหรือเปล่า?”

เจเทาวน์รู้ถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของหลินจือกับเทาเท่ ดังนั้นก็จึงมีคำถามแบบนี้

หลินจือพยักหน้านิ่ง“ค่ะ”

เจเทาวน์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“เมื่อครู่เขาเพิ่งมาเซ็นสัญญากับผม ในเร็ววันนี้บริษัทมีแผนจะทำละครแนวย้อนยุค เขาเป็นผู้ลงทุน”

หลินจือยิ้มและมองไปที่เจเทาวน์ถามออกไปตรงๆว่า“คุณคงไม่คิดจะให้ฉันเป็นคนเขียนบทละครเรื่องนี้หรอกนะคะ?”

หากไม่มีความคิดแบบนี้ เจเทาวน์ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเธอว่าเทาเท่มาทำอะไรที่นี่

เจเทาวน์ก็หัวเราะออกมา“ในเมื่อคุณเดาถูกแล้ว ผมก็ไม่ต้องพูดอ้อมค้อมอะไรอีก หากคุณไม่ต้องการที่จะข้องเกี่ยวอะไรกับเขา ผมจะได้ให้นักเขียนคนอื่นมารับงานนี้แทน”

เจเทาวน์พูดเสริมอีกว่า“แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าคุณเหมาะกับงานเขียนบทนี้มาก ละครย้อนยุคนี้มีนางเอกเป็นตัวหลัก บุคลิกคุณเป็นคนเงียบสงบประสบการณ์มากมาย และงานเขียนของคุณก็สามารถเข้าถึงจิตใจของคนดูได้ เมื่อแล้วเสร็จเชื่อว่าละครเรื่องนี้ต้องดังแน่นอน ”

หลินจือยิ้มอย่างแผ่วเบาและพูดว่า“ประธานเจเทาวน์ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ อันที่จริงถึงคุณจะไม่พูดเรื่องพวกนี้ฉันก็จะรับงานนี้ค่ะ งานก็ส่วนงาน ฉันไม่ให้ความรู้สึกส่วนตัวมามีผลกระทบกับงานอย่างแน่นอนค่ะ”

เทาเท่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอไปนานแล้ว เธอไม่มีทางละทิ้งโอกาสที่จะได้มุมานะเพียงเพราะคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

หลายปีมานี้แม้ว่าเธอจะมีงานเขียนอยู่บ้าง แต่ในแวดวงของนักเขียนก็ยังถือว่าไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไร หากเธอสามารถเขียนละครเรื่องหนึ่งให้ดังเป็นพลุแตกได้ นั้นถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

“งั้นก็ดี” เจเทาวน์แสดงท่าทีชื่นชมเธอ

เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่พวกเขาได้เจอกัน ในแววตาของหลินจือเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดจากการแต่งงานที่ปราศจากซึ่งความรัก แต่ตอนนี้แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและร่าเริงสดใส

ด้วยความมั่นใจที่มีของเธอและความนิ่งสงบหลังจากที่ได้เจอกับเทาเท่ เจเทาวน์เชื่อมั่นว่าเธอจะสามารถทำงานของเธอให้ออกมาดีได้รวมถึงทำงานร่วมกับเทาเท่ได้อย่างไม่มีปัญหา

จากนั้นเจเทาวน์ก็ได้เอาแผนการดำเนินงานของโครงการนี้ให้หลินจือไปชุดหนึ่ง หลินจือเปิดดูคร่าวๆจากนั้นก็ถามเจเทาวน์ว่า“ซูซีรับบทเป็นนางเอกของเรื่องนี้เหรอคะ?”

ที่หลินจือถามไปแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอสนใจ ซูซี แต่ในฐานะของนักเขียนบทเธอต้องรู้ก่อนว่าคนที่จะมารับบทนางเอกนั้นเป็นใคร แบบนี้แล้วในตอนที่เขียนหัวสมองก็พอจะมีเค้าโครงร่างของภาพต่างๆได้

และหลังจากที่เทาเท่ได้ก่อตั้งแผนกละครและภาพยนตร์ขึ้นที่ฟอเรนากรุ๊ป ละครทุกเรื่องล้วนมีซูซีเป็นนางเอก ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเรื่องนี้ก็คงไม่แคล้วมีซูซีเป็นนางเอกเหมือนเช่นเคย

“ซูซีไม่ได้รับงานแสดงนานแล้ว”หลังจากที่เจเทาวน์ตอบออกไปแบบนั้นก็จึงอธิบายเสริมว่า“เห็นว่าจะแต่งเข้าตระกูลฟอเรนาและเป็นคุณนายแล้ว”

หลินจือมุมปากยกหยักหัวเราะเยาะออกมา“ก็จริง”

เธอหย่ากับเทาเท่มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ได้เวลาที่เทาเท่จะแต่งซูซีเข้าบ้านสักที

แบบนี้ก็ดี ไม่ต้องเผชิญหน้ากับซูซีในละครเรื่องนี้ หลีกเลี่ยงความน่าอึดอัดและปัญหาที่ไม่จำเป็นได้มากมายเหมือนกัน