โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.257 – กลับสู่เมืองไห่อีกครั้ง

 

รถไฟบรรทุกฝูงชนสู่เมืองไห่ ส่งลงหน้าที่พักเดิม ซึ่งเป็นโรงแรมเดียวกับก่อนหน้านี้

 

หลังจากเกิดการต่อสู้คราวก่อน โรงแรมสุดหรูก็ได้รับการบูรณะกลับมาดังเดิม เมืองไห่ยังคงคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

สำหรับคนธรรมดา ความขัดแย้งของพวกระดับสูงภายในเมืองไห่ มิได้เกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขา ต่อให้ผู้นำจะเปลี่ยน แต่ตราบใดที่ชาวเมืองมั่นใจได้ว่าพวกตนจะไม่ถูกสัตว์ร้ายเข้ารุกราน , มีที่ซุกหัวนอน ใครจะคุมเมืองก็ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ

 

แน่นอน ว่านั่นต้องรวมถึงการไม่ทำอะไรที่มันโหดร้ายเกินไปอย่างการขูดรีดภาษีอย่างหนัก , หรือปล่อยให้คนรวยใช้ช่องว่างฉกฉวยผลประโยชน์ ฯลฯ ชาวเมืองก็ไม่คิดตั้งคำถามใดๆอีกต่อไป

 

ด้วยเหตุนี้ เมืองไห่เลยยังคงมีชีวิตชีวา ฉินเฟิงและไป๋หลีพักผ่อนกันอย่างสงบตลอดทั้งวัน

 

วันถัดมา ภารกิจของเมืองไห่ก็เริ่มต้นขึ้น

 

“สวัสดีผู้ว่าการฉิน ฉันคือผู้บัญชาการกองทัพรักษาการณ์ประจำเมืองไห่ ชื่อว่าหยางปิง ยินดีที่ได้รู้จัก”

 

ตรงข้ามฉินเฟิง คือชายอายุราวๆ 30 ปี มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล E3

 

“สวัสดีผู้บัญชาการหยาง”

 

ทั้งสองจับเชคแฮนด์ แต่เมื่อสบสายตา กลับพบถึงความหวาดระแวงและลอบสังเกตซึ่งกันและกัน

 

“นี่เป็นภาวะฉุกเฉินทางทหาร กองทัพสัตว์ร้ายกำลังจะเริ่มบุกแล้ว คาดว่าบ่ายวันนี้ พวกเราน่าจะไปถึงที่นั่น และเนื่องจากผู้ว่าการฉินแข็งแกร่ง สัตว์ร้ายบริเวณชายฝั่งคงไม่คณามือ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉินถึงมารับผู้ว่าการฉินเป็นพิเศษ เพราะพวกเราจะต้องเดินทางไปยัง ‘เกาะพิทักษ์’ เพื่อปฏิบัติการต่อสู้ในแนวหน้าสุด!”

 

สิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล มันหนักแน่นและมีพลัง แต่ขณะเดียวกันก็ยังแฝงไปด้วยร่องรอยของความสำนึกผิด

 

ฉินเฟิงเลิกคิ้วสูง “เกาะพิทักษ์?”

 

หยางปิงที่ถูกมองโดยฉินเฟิง เบนสายตาหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว “ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป อุปกรณ์บนเกาะพิทักษ์มีครบครัน เมื่อถูกเสริมด้วยความแข็งแกร่งของผู้ว่าการฉิน งานนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

 

มุมปากของฉินเฟิงยกสูงยิ้ม ปรากฏรอยยิ้มเย็นบนใบหน้าเขา

 

มีหรือที่เขาจะไม่ทราบว่าเกาะพิทักษ์หมายถึงอะไร?

 

ชายฝั่งเมืองไห่น่ะ เชื่อมต่อกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

 

ซึ่งท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ในแต่ละปีจะเกิดรอยแยกมิติปรากฏขึ้นพร้อมกัน ส่งกองทัพสัตว์ร้ายเข้ามายังโลกมนุษย์

 

สำหรับฉินเฟิง ผู้ซึ่งก่อนเกิดใหม่เป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล A เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด

 

สัตว์ร้ายที่ทรงพลัง ทั้งยังมาจากต่างถิ่น ฉะนั้นย่อมมีนิสัยแตกต่างจากสัตว์ทะเลบนโลกเป็นธรรมดา พวกอ่อนแอก็จะกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่นไป ดังนั้นเพื่อความอยู่รอด —พวกมันต้องหลบหนี

 

ผู้อ่อนแอทำได้เพียงหลบหนีไปอย่างไม่หยุดหยั้ง ในขณะที่มีเฉพาะผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ถึงจะสามารถยึดครองอาณาเขตที่พักอาศัย

 

นี่เองคือต้นเหตุของกองทัพสัตว์ทะเลที่บุกขึ้นชายฝั่งของเมืองไห่

 

หากกล่าวว่าพวกที่บุกไปยังชายหาดริมทะเลของเมืองไห่ เป็นเพียงสัตว์ร้ายเลเวล F , G ที่อ่อนแอ

 

บนเกาะพิทักษ์ที่ฉินเฟิงต้องคอยป้องกัน สิ่งที่มาเยือนมัน และคิดใช้เป็นที่อาณาเขตที่พักอาศัยย่อมเป็นสัตว์ร้ายเลเวล E

 

บทบาทสำคัญของเกาะนี้ มีไว้เพื่อให้สัตว์ร้ายเลเวล E ใช้พักอาศัย และไม่บุกเข้ามาถึงชายหาดนั่นเอง

 

ในทุกๆปี หลังจบการปราบปราม และถึงเวลาเก็บกวาด ตอนนั้นพวกสัตว์ร้ายเลเวล E ก็จะกลับลงทะเลกันหมด ผู้คนในเมืองไห่จึงสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆได้มากมาย

 

แต่ตอนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขากำลังเอ่ยถึงเรื่องการต่อสู้บนเกาะพิทักษ์จริงๆ

 

ฉินเฟิงอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง แต่เขาก็มิได้เอ่ยขัดใดๆ พยักหน้ากล่าวยินยอม “ตกลง พวกเราไปกันเถอะ”

 

หยางปิงประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะถูกหลอกได้ง่ายดายเพียงนี้

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังคงเยือกเย็น ทำทีเป็นสงบนิ่ง เชิญชวนอีกฝ่ายขึ้นไปบนรถบัญชาการสุดหรูหรา

 

และขับมันออกจากเมืองไห่

 

ข้ามผ่านทุ่งล่าไปกว่าครึ่งชั่วโมงเต็ม ในที่สุดก็มาถึงชายทะเลของจริง

 

ชายหาดทอดยาวไกลออกไป ทั้งยังจัดวางไว้ด้วยแนวประการัง ในระยะไกลสามารถมองเห็นได้ถึงคลื่นทะเล เป็นภาพที่ชวนให้ดึงดูดความสนใจของผู้คน

 

“ว้าว!”

 

เห็นได้ชัดว่าไป๋หลีชอบท้องทะเลที่ทั้งงดงามและกว้างใหญ่นี้ หากเทียบกับทะเลสีครามที่ถูกจำลองขึ้นในเมืองไห่ ในเมืองคงไม่ต่างอะไรไปจากทะเลสาบเล็กๆ

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคลื่นทะเลของจริงที่ซัดสาด กลับปรากฏสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ผุดขึ้นมา และจมหายไป บ่งบอกว่าพวกมันสามารถถูกซัดเข้าฝั่งได้ตลอดเวลา

 

บนหอคอยสูงหลายร้อยแห่งบนชายฝั่ง สาดประกายสะเก็ดไฟไม่หยุดยั้ง

 

รถบัญชาการสุดหรูมิได้หยุดลงที่นี่ มันยังคงแล่นต่อไป ขับลงสู่ท้องทะเล แปรสภาพเป็นเรือเร็ว

 

ระหว่างทาง สีหน้าของฉินเฟิงไม่มีเปลี่ยนแปลงสักนิด ราวกับว่าฉากดังกล่าวถูกคาดการณ์เอาไว้แล้ว

 

ตรงกันข้ามกับไป๋หลี เธออยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

 

“ที่ไหนหรอ เกาะพิทักษ์มันอยู่ตรงไหน?” ไป๋หลีเอ่ยถามไม่หยุด

 

หยางปิงอธิบายด้วยเสียงหัวเราะ “ขับรถไปอีกสักพักก็ถึงแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก”

 

เขามองสำรวจไป๋หลีอย่างใจเย็น และทราบข่าวมาว่าไป๋หลีแทบจะตัวติดกันกับฉินเฟิง ทั้งยังมีข่าวมาอีกว่า ไป๋หลีเองก็แข็งแกร่งไม่น้อยเช่นกัน

 

แต่สองคนนี้ดูอย่างไรก็เป็นแค่คู่รักหนุ่มสาวไม่ใช่หรอ? แล้วจะไปแข็งแกร่งอย่างที่ข่าวลือว่าไว้ได้ยังไงกัน?

 

ยังไงก็ตาม ปัจจุบันฉินเฟิงแม้จะยังเด็ก แต่ก็มีชื่อเสียงไม่เลว ดังนั้นหยางปิงไม่กล้าหย่อนยาน

 

โชคดีที่ฉินเฟิงไม่เอ่ยคำใดเลยตลอดเส้นทาง ไป๋หลีเองก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากนัก

 

เรือเร็วเดินทางเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเต็ม ในที่สุดก็สามารถมองเห็นเกาะพิทักษ์

 

พื้นที่บนเกาะแห่งนี้ ไม่ได้เล็กไปกว่าเมืองไห่เลย อันที่จริงน่าจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ตัวเกาะมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ มองอีกมุมเหมือนกับโล่ คอยปกคลุมเมืองไห่เอาไว้ภายใน

 

แต่ตลอดทั้งเกาะ กลับมีสิ่งปลูกสร้างเดียวตั้งอยู่ นั่นคือปราการศิลาดำ

 

ปราการศิลาดำตั้งอยู่ในชัยภูมิที่สูงมาก เหนือระดับน้ำทะเลเกือบ 50 เมตร ทั้งยังมีกำแพงเดี่ยวความสูงกว่า 30 เมตรคอยคั่นไว้อีกชั้น มันสูงมากจนสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ผู้คนไม่ว่าใครมาเห็นก็ต้องรู้สึกยำเกรง

 

“นั่นคือปราการศิลาดำ นอกจากนี้ยังใช้เป็นห้องหอสังเกตการณ์ หลังจากกองทัพสัตว์ร้ายปรากฏขึ้น พวกมันจะมาถึงเกาะนี่ก่อนเป็นอันดับแรก และทางปราการศิลาดำก็จะส่งข้อความไปยังเมืองไห่” หยางปิงกล่าว

 

ฉินเฟิงยิ้ม “งั้นหมายความว่าพวกสัตว์ร้ายเลเวล E ทั้งหมดก็จะมาออกันที่นี่น่ะสิ”

 

หยางปิงหลีกเลี่ยงคำถามสำคัญนี้ “สัตว์ร้ายเลเวล E ล้วนมีขนาดค่อนข้างใหญ่โต และพวกมันไม่ชอบน้ำตื้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เกาะแห่งนี้สามารถขัดขวางพวกมันไม่ให้รุกล้ำไปถึงชายฝั่งเมืองไห่ได้ นอกจากนี้ เนื่องจากมีการต่อสู้กันเป็นมานานหลายปี เลยพลอยทำให้พื้นทรายบนเกาะพิทักษ์ขยายไกลออกไป เป็นเหตุให้สัตว์ร้ายเลเวล E ไม่ค่อยปรากฏกายขึ้นบนเกาะ”

 

ประโยคนี้ สามารถหลีกเลี่ยงคำถามของฉินเฟิงได้อย่างแยบยล

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการเบี่ยงประเด็นสำหรับคำตอบเมื่อครู่

 

แต่ฉินเฟิงเองก็ทราบดี ว่ากองทัพสัตว์ร้ายที่บุกเข้ามา มิใช่เพียงสัตว์ร้ายจากทะเล หากแต่ยังมีสัตว์ร้ายจากรอยแยกมิติ

 

และสัตว์ร้ายต่างมิติ ไม่ใช่จำพวกที่ต้องอาศัยอยู่ในทะเลตลอดเวลาเสมอไป

 

ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงมิได้ไปจี้ถามเรื่องนี้กับอีกฝ่าย เขาก้าวตรงเข้าไปในปราการศิลาดำ

 

และพบว่ามีกองทัพประจำการอยู่ที่นี่ แต่ทุกคนดูวิตกกังวลมาก พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองไห่มาหลายสิบปี ฉะนั้นทราบดีว่ากองทัพสัตว์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา ซึ่งหากไม่ล่าถอยตอนนี้ คงต้องตายบนเกาะนี้เป็นแน่!

 

อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของทั้งหมดกลับอดรู้สึกเศร้าไม่ได้

 

เพราะคนเหล่านี้ ล้วนเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา คนเก่าคนแก่ของเมืองไห่ —กรณีนี้พอจะเป็นไปได้ว่ามีใครบางคนเจตนาคิดกำจัดพวกเขา

 

ฉินเฟิงเพิ่งจะได้หย่อนก้นนั่ง ยังไม่ทันได้หยุดพัก ทหารบนปราการศิลาดำก็ร้องตะโกนโวยวาย

 

“ศัตรูบุก ศัตรูบุก!”

 

“เป็นเต่าเกาะ เลเวล E!”

 

“โอ้สวรรค์ ทำไมไอ้ตัวใหญ่แบบนั้นถึงได้บุกมากัน?”

 

“พวกเราต้องรีบขับไล่มันไป!”

 

“แต่ด้วยอาวุธที่พวกเรามี มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน!”

 

ฝูงชนทั้งหมดแตกตื่น

 

หยางปิงพอทราบเรื่อง สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนไป

 

ที่จริงแล้วมนุษย์ทุกคนต่างก็รู้กันดี ว่าต่อให้เป็นผู้ใช้พลังที่เป็นเลเวล E แต่หากต้องต่อสู้เพียงลำพัง พวกเขาก็แทบจะไม่อาจต่อกรกับสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกันได้

 

โดยเฉพาะสัตว์ร้ายที่มีขนาดร่างกายใหญ่โต

 

ดังนั้นข่าวการโจมตีของสัตว์ร้ายในเวลานี้ เลยทำให้เขาตื่นตระหนก เพราะยังไงซะ เลเวล E บนเกาะนี้นอกจากเขากับฉินเฟิงแล้ว ก็มีเพียงสองคน (หยางปิงไม่นับไป๋หลี)

 

อย่างไรก็ตาม หยางปิงยังคงรักษาอาการ ตวาดออกคำสั่งออกไป “จะตกใจไปทำไมกัน ไม่เห็นหรือว่าฉันกับผู้ว่าการฉินยังอยู่ที่นี่?”

 

กองทหารปราการศิลาดำหุบปากลงทันที แต่ร่างของพวกเขายังคงสั่นสะท้าน บ่งบอกชัดถึงความหวาดกลัว

 

หยางปิงมองไปยังฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มและกล่าว “ผู้ว่าการฉิน ออกไปดูกันเถอะ”

 

“นั่นสินะ” ฉินเฟิงผุดลุกขึ้น ก้าวออกสู่ระเบียงภายนอก