ตอนที่ 140

Taming Master

“เรามาถึงถูกที่ใช่ไหมบัลลัม?”

เมื่อฮูนี่ย์พูด อัศวินแห่งความตายบัลลัมก็พยักหน้า

 

  • ถูกต้อง บรรยากาศที่มืดมนและสั่นสะเทือนเยือกเย็นนี่คือสถานที่ที่ข้ากำลังมองหา

 

คนที่เข้ามาในดันเจี้ยนโบราณสถานคนแรกไม่ใช่เอียนหรือชยาครานแต่เป็นฮานจิฮูนี่ย์แทน

ฮูนี่ย์เป็นคนสุดท้ายที่เข้าสู่ทวีปตอนกลาง แต่พลังแห่วความอมตะและบัลลัมผู้รู้ตำแหน่งที่แน่นอนทำให้เป็นไปได้ หากใช้พลังแห่งความอมตะมันเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นสามเท่าบนพื้นทราย

‘มันคือมงกุฎของโฮลดรีมใช่ไหม?’

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮูนี่ย์กำลังมองหาคือสิ่งที่แตกต่างจากเอียนและชยาครานหลังจากนั้น

เป้าหมายของฮูนี่ย์คือทำเควสต์ลับให้เสร็จ

และเพื่อที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องการ ‘มงกุฎของโฮลดรีม’

อย่างไรก็ตามจากนั้น บัลลัมเดินไปข้างหน้าเมื่อเขาเตือนฮูนี่ย์

 

  • นั่นศัตรูฮูนี่ย์ เตรียมตัวให้พร้อม

 

ทันทีที่คำเหล่านั้นจบลง มอนสเตอร์ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงแปลกๆต่อหน้าพวกเขา

พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนมัมมี่ปกคลุมด้วยควันสีดำ

ฮูนี่ย์แสดงท่าทางที่แน่วแน่ ขณะที่เขากางคฑาไปข้างหน้า

“หุ่นเชิดของโฮลดรีมที่ถูกลืมหรอ… แกไม่รู้จักเจ้าแห่งความมืดคนใหม่ของแกหรอ??”

ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบใด ฮูนี่ย์ไม่เคยทิ้งความสนใจในบทบาทของเขา

และบัลลัมจ้องไปที่ฮูนี่ย์ด้วยความพึงพอใจ

ดนี่เป็นเพราะจากมุมมองของเขา มันเป็นคำพูดที่งดงาม

ฮูนี่ย์พูดต่อ

“ความแข็งแกร่งแห่งความมืดและพลังแห่งความอมตะ… จงแสดงตัวออกมา!”

เมื่อฮูนี่ย์ผู้ขะมักเขม้นที่จะเปล่งคำพูดออกมาจากปากของเขาซึ่งไม่จำเป็นจริงๆเลย เหวี่ยงคฑาไปรอบๆ นักรบโครงกระดูกจำนวนมากปรากฏขึ้นจากพื้นดิน

แกร๊ก- แกร๊ก-!

Keu-haeeel-.

พร้อมกับการประมาณคร่าวๆของนักรบโครงกระดูกที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจำนวนมากและประมาณครึ่งหนึ่งเป็นนักเวทโครงกระดูก

ยิ่งไปกว่านั้นฮานจิฮูนี่ย์ซึ่งได้เรียกอัศวินแห่งความตายอีกสองคนที่มีเลเวลมากกว่า 130 กางคฑาของเขาไปทางด้านหน้าด้วยท่าทางพึงพอใจ

“ลงโทษคนนอกรีตผู้หยิ่งผยองทั้งหมด!”

และเช่นนั้น การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น

เลเวลของมอนสเตอร์ที่เรียกว่า ‘หุ่นเชิดของโฮลดรีมที่ถูกลืม’ นั้นมากกว่า 150 และมีมากกว่าสิบตัว

อย่างไรก็ตามกองทัพแห่งความมืดของฮูนี่ย์นั้นแข็งแกร่งและเขาสามารถฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดได้โดยไม่ได้รับความเสียหายมากมาย

ฮูนี่ย์จ้องไปที่ไอเทมพลังแห่งความอมตะเล็กน้อย ในขณะที่เขาจุดประกายความต้องการของเขาอีกครั้ง

‘ฉันต้องประสบความสำเร็จในการทำเควสต์นี้ให้จงได้ ถ้าฉันต้องการสร้างพลังแต่เพียงผู้เดียวของฉัน…’

ปัจจุบันฮูนี่ยอยู่ที่เลเวล 129

แม้จะพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่านักเวทมืดมีอัตราการเพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังอยู่ในเลเวลสูงที่สามารถถกเถียงกันว่าเป็นอันดับแรกหรือที่สองของเซิร์ฟเวอร์ในบรรดานักเวทมืด

อย่างไรก็ตามแม้จะมีพลังของอมนุษย์ที่ฮูนี่ย์อัญเชิญเป็นเลเวลที่นักเวทมืดในเลเวลนี้ไม่สามารถอัญเชิญได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าเขาสามารถอัญเชิญอัศวินแห่งความมืดสองตัวมาได้ ต้องขอบคุณพลังแห่งความอมตะที่เติมเวทมนต์มืดของเขาอยู่ตลอดเวลา

Bang- Ba-bang-!

และอัศวินแห่งความตายบัลลัมดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากอัศวินแห่งความตายสองตัวที่ ฮูนี่ย์เรียก

บัลลัมซึ่งอยู่ใกล้กับเลเวล 170 เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนได้อย่างง่ายดาย

“ดูเหมือนว่าเราจะเส็จแล้วนะ”

 

  • ถูกต้อง ฮูนี่ย์

 

“ถ้างั้นเราไปข้างในกันเลยมั้ย?”

อย่างไรก็ตามจากนั้นบัลลัมขวางฮูนี่ย์ที่พูดจบและเดินเข้าไปข้างใน

 

  • ฮูนี่ย์มีใครบางคนเข้ามาในดันเจี้ยน

 

“หืมม…?”

เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิด ฮูนี่ย์ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง

‘อาจมีโบราณวัตถุมากมายจากมงกุฎของโฮลดรีมในซากปรักหักพัง…’

เขาไม่รู้ว่าจะมีสิ่งของประเภทใด แต่เป็นความคิดที่แน่นอนของมนุษย์ที่ไม่ต้องการแบ่งปันโบราณวัตถุแม้แต่ชิ้นเดียว

‘และพวกเขาบอกว่าไม่มีการลงโทษในทวีปกลางในการ PK ใช่ไหม?’

ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่มันไม่สำคัญเลยถ้า ‘ใครบางคน’ ที่เข้ามาในดันเจี้ยนนั้นเป็นผู้เล่นหรือ NPC …

ฮูนี่ย์เบะปาก

“บัลลัม”

 

  • เรียกข้าทำไมฮูนี่ย์?

 

“เราไม่มีทางเลือก มันทำให้ฉันเจ็บปวดหัวใจ แต่ถ้าเพื่อการกระทำที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ดูเหมือนว่าเราจะต้องฆ่าพวกเขา”

ฮูนี่ย์จริงจังเมื่อเขาหันหลังกลับและตามคำพูดของเขา บัลลัมพยักหน้าเมื่อเห็นด้วย

 

  • เป็นความคิดที่ดี ตามที่คาดไว้ทายาทแห่งความมืด

 

ฮูนี่ย์หันกลับมาในขณะที่เขาเตรียมที่จะเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่น่าพอใจและบัลลัมก็ดึงดาบของเขาออกมา

และหลังจากนั้นไม่นาน ฮูนี่ย์ที่พบกับหน้าตาที่คุ้นเคยแสดงสีหน้างุนงง

“แก แกมัน…?”

แน่นอน ‘ใบหน้าที่คุ้นเคย’ นั้นคือเอียน

“เฮ้ย ดูสินี่ใคร ว่าไงเด็กน้อนไม่ได้เจอกันนานเลยนะ?”

ณ ตอนนั้น ฮูนี่ย์ที่จำได้ถึงฝันร้ายที่ลานประลองลีกหน้าใหม่ได้กำหมัดแน่น

มันเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด แต่ ฮูนี่ย์ก็ตะโกนด้วยความดีใจแทน

‘นี่เป็นโอกาสที่พระเจ้าจะได้แก้แค้นในครั้งนั้น! เพื่อพบไอเวรนี่ในโซน PK!’

“นี่มันเยี่ยมมากเอียน! ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะได้พบแกที่นี่ แต่เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อย่างไรก็ตามฉันจะตอบแทนความอัปยศจากครั้งที่แล้ว!”

“…”

เมื่อฮูนี่ย์พูดยาวเหยียด เอียนก็ไม่มีอะไรจะพูด

และไคซาร์ที่เข้ามาที่หลังได้ถามเอียน

“ไอเด็กแปลกๆนั่นนายรู้จัดด้วยหรอ?”

เอียนพยักหน้า

“ใช่ นั่นเป็นบางคนที่ฉันรู้จัก แต่…”

เอียนเดินไปข้างหน้าเมื่อเขาพูดกับฮูนี่ย์

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอกใช่ไหม?”

ฮูนี่ไม่ยอมแพ้และกลับมาพร้อมกับการกลับมา

“ไอขี้ขลาด! ฉันไม่ได้เลวแบบแก!”

จากนั้นฮูนี่ย์ยกคฑาขึ้นเมื่อเขาตะโกน

“กำจัดพวกมันทั้งหมด!”

เอียนไม่คิดว่าฮูนี่ย์จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่มีเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ชอบที่จะยืนเฉยๆและโดนโจมตี

เอียนรีบถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะที่เขาให้ดุกแดอยู่ข้างหน้าและเริ่มโจมตีโต้กลับ

“ดุ๊กเด หลุมอเวจี!”

Kuoooh-!

กระแสอากาศที่ไหลผ่านแขนขวาของดุกแดและพุ่งออกมา

และในไม่ช้าเอียนก็หยุด ไคซาร์ซึ่งกำลังจะพุ่งไปหาฮูนี่ย์

“ไคซาร์รอสักครู่”

“ทำไมล่ะ?”

“ฮูนี่ย์น่ะ อย่าฆ่าเขา”

“…?”

เอียนยิ้ม

“มีสิ่งที่ฉันต้องเอามาจากเขา”

 

* * *

 

15 นาทีต่อมา

“เด็กน้อยฮูนี่ย์ ฉันเข้าใจที่นายมีความสุขที่เจอฉัน แต่ทำไมต้องมายุ่งกับพี่ล่ะห้ะ?”

เอียนเดินไปด้วยก้าวใหญ่ๆที่ ฮูนี่ย์ผู้ซึ่งแสดงออกอย่างไม่พอใจในขณะที่เขาถูกรายล้อมไปด้วยอัศวินแห่งอาณาจักรและสัตว์เลี้ยงของเอียน

“ยะ อย่าเข้ามาใกล้นะ!”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?”

เอียนซึ่งเดินเข้ามาหาฮูนี่ย์ด้วยท่าทางที่มีเลศนัยทันใดนั้นก็ยกคฑาขึ้น

“ฉันคิดว่าถ้านายได้รับการโจมตีอีกสักครั้ง จากนั้นนายก็จะตาย”

ขณะมองไปที่เอียนที่ขู่เขา ดวงตาทั้งสองของฮูนี่ย์สั่นคลอน

“อ๊า ไม่นะ… อย่าทำอย่างนั้น!”

มีเหตุผลที่แตกต่างว่าทำไมฮูนี่ย์จึงตัดสินใจ (?) แบบนี้

นี่เป็นเพราะช่วงเวลาที่ฮูนี่ย์เสียชีวิตในขณะดำเนินเควสต์ลับ เขาจะต้องกลับไปอย่างล้มเหลว

แน่นอนว่าบทลงโทษสำหรับการตายนั้นค่อนข้างมาก แต่ถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่มันจะจบลงด้วยแค่ความตายเขาจะไม่กลัวอย่างนี้

‘มันเป็นเควสต์ที่ฉันทำงานอย่างหนักกว่าจะได้รับมา!’

ความจริงที่ว่าฮูนี่ย์ไม่แม้แต่จินตนาการในความฝันของเขาว่าเขาจะสามารถเอาชนะเอียนได้อย่างง่ายดาย

เอียนเองก็แข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้ แต่นักดาบที่มีผมสีขาวซึ่งถือดาบใหญ่สีดำที่เก่งกาจนั้นเป็นหายนะอย่างแท้จริง

แม้แต่บัลลัมผู้ที่เขาไว้วางใจในนั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร้ประโยชน์โดยนักดาบที่มีผมสีขาว

‘สำหรับบัลลัมที่มีเลเวลมากกว่า 170 ต้องรับความทุกข์ทรมานในทันที…’

สูญสลายไปกับพื้น ฮูนี่ย์ถอนหายใจอย่างแรง ขณะที่เขามองไปที่แถบพลังชีวิตของเขาที่กระพริบ

“เฮ้อ…”

และแอบเห็นว่าฮูนี่ย์แสดงท่าทางยินยอม เอียนเริ่มยื่นข้อเสนอ

“เฮ้ ฉันควรปล่อยนายไปดีไหม?”

“…!”

ตามข้อเสนอที่ดึงดูดของเอียน ฮูนี่ย์ก็สะดุ้งทันที

‘เขาพูดว่าฉันควรปล่อยนายไปดีไหม… ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!’

อย่างไรก็ตาม มันมากเกินไปสำหรับเขาที่จะสูญเสียโดยความตายในขณะนี้ที่จะยืนหยัดในความภาคภูมิใจ

ฮูนี่ย์เศร้าเล็กน้อย แต่เขาก็แยกความภาคภูมิใจออกมาเล็กน้อยและถามเอียน

“นั่นคือเงื่อนไขใช่ไหม?”

เมื่อมีคำถามตอบกลับ เอียนยิ้มเมื่อเขาพยักหน้า

“ฉลาดดีนิ แน่นอน มันคือเงื่อนไข”

เอียนผู้พักหายใจได้พูดต่อ

“อย่างแรก นายต้องเข้ามาในปาร์ตี้ของพวกเรา”

ถ้าเขาเข้าร่วมปาร์ตี้ รางวัลบัฟผู้ค้นพบดันเจี้ยนครั้งแรกจะกลายเป็นแบ่งปันกัน

เพราะฮูนี่ย์รู้ว่าการแสดงออกของเอียนหมายถึงอะไร เขาจึงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน

มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะเสีย

“แล้ว?”

เอียนพูดต่อ

“โบราณวัตถุทั้งหมดที่ปรากฏในดันเจี้ยน รวมถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมต้องเป็นของฉัน”

เมื่อคำพูดเหล่านั้น ฮูนี่ย์สั่นเล็กน้อย

“ฉันไม่ทำอย่างนั้น”

นี่เป็นเพราะถ้าเขาไม่สามารถได้รับมงกุฎของโฮลดรีมก็ไม่มีประเด็นที่จะมีชีวิตรอดและช่วยเหลือพวกเขาในดันเจี้ยน

เอียนแสดงอาการงุนงง

“ทำไมล่ะ? นอกจากนายจะไม่ตายแล้วนายยังจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อถ้านายมาปาร์ตี้กับเรา แม้แต่นายก็ไม่สามารถทำได้มากขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ?”

ฮูนี่ย์พูดต่อดัวยท่าทางใจเสาะ

“มงกุฎของโฮลดรีม ให้ฉันแค่นั้นพอ”

เมื่อฮูนี่ย์พูด ทั้งสองตาของเอียนเปล่งประกาย

ในขณะที่มองฮูนี่ย์ผู้ชี้ให้เห็นโบราณวัตถุที่เขาไม่รู้ว่ามีอยู่ด้วยซ้ำ เอียนก็พยักหน้า

‘อย่างที่คาดไว้ ชายคนนี้เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้’

เอียนซึ่งคิดว่าเขาทำงานได้ดีปล่อยให้ฮูนี่มีชีวิตรอด เปิดตาทั้งสองข้างของเขาอย่างรุนแรง

“ทำไมนายถึงต้องการมัน?”

ฮูนี่ย์พูดจากใจจริง

“ฉันต้องการมันเพื่อเควสต์ของฉัน ถ้านายให้ฉัน ฉันจะให้สิ่งที่เหลือทั้งหมดเลย”

เอียนตอบด้วยท่าทางไม่แยแส

“ฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?”

อย่างไรก็ตามถึงแม้ฮูนี่ย์จะไม่ยอมแพ้มากกว่านั้น เขาก็ตอบโดยไม่ยอมแพ้

“ถ้าฉันโลภมากไปกว่านั้นนายก็สามารถฆ่าฉันได้ใช่ไหมล่ะ? นายจะยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้เมื่อฉันเอาไอเทมไปและถือมันไปรอบๆดีไหมล่ะ?”

“นั่นไม่จริง…”

เอียนที่ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมของพวกเราก่อนและร่วมมือกันในการค้นหาโบราณวัตถุอื่นๆรวมถึงมงกุฎ จากนั้นฉันจะช่วยนายค้นหามงกุฎของนายด้วย”

เพราะไม่มีทางเลือกมาก เขาเกาหลังหัวของเขา ฮูนี่ย์ถอนหายใจออกมาขณะที่เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ

“เฮ้อ… เอาล่ะ เข้าใจแล้ว”

 

* * *

 

ในขณะเดียวกันภาคตะวันออกของทวีปกลาง

การเดินทางของกิลด์ไททั่นที่ประสบความสำเร็จในการฆ่ามอนสเตอร์ที่ท่วมท้นด้วยความเร็วสูงและไปยังทวีปกลางกำลังประสบปัญหาในการค้นหาโบราณสถานอย่างง่ายดาย

“ไม่นะ โบราณสถานอยู่ที่ไหนกันแน่?”

ซีลรอนซึ่งฆ่าพระและมัมมี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว บ่นกับเอมิลี่ซึ่งกำลังร่ายเวทมนตร์อยู่ข้างๆเขา

“ถ้าฉันรู้ นายคิดว่าฉันจะเป็นแบบนี้ไหมล่ะ?”

ในความรู้สึกเพราะพวกเขาได้เข้าสู่ทวีปกลางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีการเตรียมการอย่างละเอียด ไม่ว่ากิลด์ไททั่นจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พลังชีวิตของพวกเขาก็หมดสิ้นไปตามกาลเวลา

การปลอบใจเพียงอย่างเดียวอาจเป็นค่าประสบการณ์จำนวนมากที่ไม่สามารถเทียบได้กับพื้นที่ล่าอื่นๆ

และสินค้า ‘คะแนนพิเศษ’ ที่พวกเขายังไม่รู้ก็ทำให้พวกเขาสบายใจ

“มันน่าจะอยู่แถวๆนี้สักที่หนึ่ง ทุกคนเข้มแข็งไว้อีกนิดนะ”

ชยาครานผู้ให้กำลังใจสมาชิกกิลด์ของเขา เริ่มฆ่ามอนสเตอร์ข้างหน้า

Bang-ba-ba-bang-!

ได้ยินเสียงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำจากสามโคลนนิ่งกลางอากาศ

และคลื่นพลังงานที่เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งกระจัดกระจายไปด้านหน้า

Chwa-ra-rak-.

เอมิลี่ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้ส่ายหน้า

“ดูเหมือนว่าชยาครานจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”

ซีลรอนพยักหน้าเช่นกัน

“ฉันคิดว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เขาได้ไอเทมใหม่ๆหรือบางอย่างแล้ว?”

ในขณะที่แบ่งปันการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มันก็เป็นในขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์

สมาชิกกิลด์ไททั่นที่อยู่ด้านหลังตะโกนไปหาซีลรอน

“ซีลรอน ตรงนั้นมีบางสิ่งด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียงนั้นสายตาของทุกคนรวมถึงซีลรอนหันไปทางทิศทางที่พวกเขาชี้ไป

และเอมิลี่ที่เห็นอย่างนั้น ตะโกนด้วยเสียงแห่งความสุข

“ชยาคราน ดูเหมือนว่าเราจะเจอโบราณสถานแล้ว!”

ยอดแหลมสูงที่ยิงกลางทะเลทรายรวมถึงโครงสร้างที่ส่องประกายซึ่งล้อมรอบมัน…

อย่างไรก็ตาม ชยาครานผู้เห็นอย่างนั้นก็ได้ส่ายหน้า

“ไม่เอมิลี่ นั่นไม่ใช่โบราณสถาน”

“ห้ะ?”

อย่างไรก็ตามแตกต่างจากการแสดงออกของความผิดหวังของเอมิลี่, ชยาคาานแสดงออกอย่างตื่นเต้น

‘ถ้าข้อมูลที่ฉันมีอยู่ถูกต้อง นั่นคือหอคอยแห่งสงคราม เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป แทนที่จะเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์…!’