แดนนิรมิตเทพ บทที่ 371
ฮัวหยู้เฟิงสมควรได้รับฉายาของเจ้าชายแห่งกีตาร์ และการเล่นกีตาร์ด้วยมือข้างเดียวที่ไพเราะเพราะพริ้ม ทำให้คนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

มู่หรงยานเอ๋อร์กับเขาประสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี แขนร่ายรำไปมา กระโปรงโบกสะบัดราวกับนางฟ้า

ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกีตาร์ที่จับคู่กับการรำระบำแบบโบราณมาก่อน แต่ทั้งคู่ก็ส่งเสริมกันและกัน และประสานกันได้อย่างไม่มีที่ติ

ใต้เวที เสียงตะโกนและเสียงปรบมือดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งสองได้รับความนิยมมากเพียงใด

ไม่นาน เพลงก็จบลง มู่หรงยานเอ๋อร์ทำความเคารพผู้ชม

แต่ทุกคนยังรู้สึกยังไม่หนำใจ และรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก

เจิ้งซิ่วลี่ขึ้นไปบนเวที สบตากับฮัวหยู้เฟิงหยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “ทุกคนยังไม่หนำใจใช่ไหม?”

ทันใดนั้นก็มีเสียตะโกนของผู้ชม “ยังไม่หนำใจ รำระบำอีกสักเพลง!”

เฉินหมิงที่อยู่ข้างเฉินโม่ก็ตะโกนเสียงดังว่า “ระบำอีกสักเพลง..ระบำอีกสักเพลง!”

มู่หรงยานเอ๋อร์กับฮัวหยู้เฟิงที่ยืนข้างเจิ้งซิ่วลี่ยิ้มบาง ๆ ทั้งสองดูเหมือนเป็นคู่รัก ซึ่งสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก

เจิ้งซิ่วลี่รู้วิธีปลุกระดมบรรยากาศเป็นอย่างมาก และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่สามารถรำระบำแล้ว เพราะไม่สามารถทำให้รายการแสดงต่อไปล่าช้าได้”

“……”

ผู้ชมถอนหายใจ ถ้าไม่สามารถรำระบำได้อีกแล้วคุณจะพูดเพื่ออะไร ทำให้นักเรียนรู้สึกหดหู่ทันที

เจิ้งซิ่วลี่ยิ้มอย่างลึกลับทันที “แต่หลังจากลงจากเวทีแล้ว สามารถให้ดาวโรงเรียนและเดือนโรงเรียนพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับทุกคนได้ ทุกคนคิดว่าอย่างไร?”

“โอเค โอเค!” เมื่อได้ยินว่าเขาสามารถพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับเทพธิดาได้ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างก็ตะโกนอีกครั้ง ฝูงชนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ผู้ชายคนหนึ่งยืนขึ้นและตะโกนว่า “มู่หรงยานเอ๋อร์ เทพธิดาของผม มานี่สิครับ!”

เมื่อมีคนหนึ่งกล่าวนำ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นทันทีและตะโกนใส่มู่หรงยานเอ๋อร์ “เทพธิดา ดูนี่สิ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณ!”

ผู้ชายตัวเตี้ยสวมแว่นยืนขึ้นและตะโกนเสียงดังว่า “เทพธิดา มานี่สิ ผมแอบชอบคุณตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว ได้โปรดมาที่นี่ด้วย พูดกับผมสักคำ ถึงผมต้องตาย ผมก็พอใจแล้ว!”

“……”

นักเรียนคนอื่นพูดไม่ออกชั่วขณะ ผู้ชายคนนี้โอเวอร์เกินไปแล้ว

ผู้หญิงที่ใจกล้าบางคนยืนขึ้นแล้วโบกมือให้ฮัวหยู้เฟิง “คุณชายฮัว คุณชายฮัวฉันรักคุณ รักคุณเหมือนหนูรักข้าวสาร!”

ผู้หญิงอ้วนประมาณ 200 ชั่งยืนขึ้นอย่างเขินอาย และตะโกนด้วยเสียงดังว่า “คุณชายฮัว ฉันจะมีลูกให้คุณ!”

หน้าของฮัวหยู้เฟิงสั่นขึ้นมาทันที และยิ้มด้วยความอึดอัดมากยิ่งขึ้น

พวกผู้ชายที่รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น หัวเราะออกมาทันที

จ้าวกางที่อยู่ด้านข้างยิ้มด้วยความชั่วร้ายและกล่าวว่า “คาดว่าฮัวหยู้เฟิงขยะแขยงจนไม่สามารถทานอาหารเย็นได้แล้ว”

เฉินหมิงด่าด้วยความฉุนเฉียว “สมน้ำหน้า ใครให้เขาชอบทำตัวเด่นต่อหน้าเทพธิดาของผม คุณดูมือของเขาสิ อยู่ข้างมือเล็กของเทพธิดา! มันมากเกินไปแล้ว!”

เฉินหมิงไม่พอใจมาก เขาแทบอยากจะขึ้นไปใช้เท้าเตะ ฮัวหยู้เฟิงลงมาจากเวที และตนเองไปยืนเคียงข้างมู่หรงยานเอ๋อร์แทน

แต่สามารถคิดได้เท่านั้น

“เทพธิดาก็คือเทพธิดา คุณดูเอวเล็ก ๆ และผิวขาวราวกับหิมะ……..จุ๊ ๆ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ!” สีหน้าของเฉินหมิงเต็มไปด้วยความเคลิบเคลิ้ม

“เร็วเข้า พวกเขากำลังจะลงเวทีแล้ว!” หวางตงที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เฉินหมิงยืนขึ้นทันทีและตะโกนใส่มู่หรงยานเอ๋อร์ด้วยความตื่นเต้น “มานี่ มานี่ เทพธิดามาทางนี้!”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินเสียงเรียกของเฉินหมิงหรือเพราะสวรรค์เห็นใจ เจิ้งซิ่วลี่พามู่หรงยานเอ๋อร์และฮัวหยู้เฟิงเดินมุ่งหน้ามาที่กลุ่มของห้องหก

เฉินหมิงตะโกนด้วยความตื่นเต้นทันที “ดูสิ ดูเหมือนว่าเทพธิดาจะกำลังเดินมุ่งหน้ามาทางพวกเรา เธอต้องได้ยินเสียงของผมอย่างแน่นอน และรู้สึกถึงเสียงเรียกอันแรงกล้าในหัวใจของผม!”

หลังจากกล่าวจบ เฉินหมิงก็เอามือข้างหนึ่งจับหัวใจของตนเองเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยยความหลงตัวเอง

บทที่ 370

บทที่ 372