บทที่ 395 เสียสละ
บทที่ 395 เสียสละ
“ทัพหน้าของทัพแห่งความมืดปรากฏตัวแล้วครับ! พวกมันโผล่มาทุกที่เลย! ตอนนี้มันน่าจะมีจำนวนสูงกว่าสามสิบล้านตนแล้วครับ!”
ที่ด้านนอกเมืองนั้น วงแหวนเวทสำหรับเคลื่อนย้ายราว ๆ หนึ่งโหลอยู่ปล่อยมอนสเตอร์ออกมาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้คลื่นกองพันกระดูกก็ดูจะมีมากเกินกว่าจะนั่งนับให้หมดในหนึ่งปีไหว ลีฟจึงไม่รอช้าที่จะรายงานสถานการณ์ให้หลิวเฉียงเหว่ยทราบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เลเวลของทหารโครงกระดูกเหล่านั้นต่างกันเยอะหรือเปล่า? พอจะตรวจสอบได้ไหม?” หลิวเฉียงเหว่ยถามกลับ
“เรื่องนั้นทำเรียบร้อยแล้วครับ พวกมันส่วนใหญ่เป็นมอนสเตอร์เลเวลต่ำ มีมอนสเตอร์ยี่สิบห้าล้านตัวที่เป็นเลเวล 30-45 พวกนี้เป็นมอนสเตอร์เผ่าอันเดดหมดเลย ส่วนพวกมอนสเตอร์ระดับสูงที่เลเวลสูงกว่า 50 มีห้าล้านตัว พวกเราคิดว่าส่วนนี้น่าจะเป็นกำลังหลักของทัพหน้าของพวกมันครับ เพราะท่ามกลางพวกมัน มีเหล่าบอสปะปนมาด้วย แต่นั่นไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะจำนวนผู้เล่นที่เข้าร่วมในภารกิจป้องกันเมืองครั้งนี้ มันมีสูงกว่าจำนวนศัตรูถึงสามเท่า! ถ้าจะสรุป ผมคงบอกได้ว่า จำนวนมอนสเตอร์ของทัพแห่งความมืด ไม่เพียงพอที่จะฆ่าผู้เล่นของเราทั้งหมดได้ครับ!”
ลีฟพูดขณะมองไปยังกองทัพพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ชัดเจน แม้ว่ากองทัพอันเดดจะมีมากมายดุจผืนสมุทร แต่ในเวลานี้ ผู้เล่นที่มาเพื่อพิชิตภารกิจที่ด้านนอกเมืองแห่งความโศกเศร้านั้นมีมากกว่า พวกเขาหนาแน่นประดุจหมอกสีดำที่พร้อมจะกลืนกินกองทัพอันเดดจนหมดสิ้นไป
มันแสดงให้เห็นถึงสัจธรรมในโลกแห่งเกม ที่เหล่านักผจญภัยจะสามารถร่วมมือกันช่วยปกปักดินแดนแห่งพระเจ้าได้ พวกเขามีดวงใจเป็นปึกแผ่น ไม่ว่ามอนสเตอร์ที่อยู่เบื้องหน้าจะมีมากมายขนาดไหน พวกเขาก็จะมีมากกว่า หากสงครามครั้งนี้มีเพียงเหล่า NPC มาสู้พวกเขาจะมีกำลังเพียงไม่กี่ล้านชีวิตเท่านั้นแม้จะขุนมาทั้งหมดดินแดนมนุษย์แล้ว มันถือเป็นข้อแตกต่างที่ห่างกันมากจริง ๆ
“ภัยคุกคามที่แท้จริงก็ยังคงเป็นพวกบอสของทัพแห่งความมืดสินะ?” หลิวเฉียงเหว่ยถามกับตัวเอง
“ครับ บอสระดับทองยังพอใช้จำนวนคนเข้าว่าได้ แต่บอสระดับเทพเจ้านี้มันไม่ต่างอะไรกับระเบิดนิวเคลียร์เดินได้เลยในการต่อสู้เช่นนี้ นี่ยังไม่ได้คิดถึงจำนวนที่แม้จะน้อยนิดของมันนะครับ แล้วยิ่งตัวหัวโจกที่ดูเหมือนจะเป็นบอสระดับตำนานอีก”
ลีฟแสดงสีหน้ากังวลออกมา เขามองหลิวเฉียงเหว่ยและอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างต่อ แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้พูดออกไป
เนื่องจากหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้บอกเขาเลยว่าเธอนั้นเตรียมการอย่างไรไว้บ้าง อย่างเช่น เธอมีวิธีอะไรในการที่จะจัดการพวกบอสในครั้งนี้
ส่วนตัวเขานั้นมั่นใจมาก ๆ ว่าสงครามครั้งนี้มันเกินกว่าที่กิลด์มิดซัมเมอร์จะสามารถแบกไหว อันที่จริงมันเกินกว่าระดับที่ผู้เล่นทุกคนตอนนี้จะสู้ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้ขนมาหมดทั้งเขต ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ต่างจากเดิมเลย ดังนั้นยังไง ๆ ก็ไม่มีทางที่กิลด์มิดซัมเมอร์จะสามารถเอาชนะได้
ในกรณีนี้ หากพวกเขาต้องการจะจัดการกับบอสของทัพแห่งความมืด พวกเขาทำได้เพียงหวังพึ่งพลังของที่อื่นเท่านั้น และพลังนี้ แม้แต่ลีฟผู้เป็นรองหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคนก่อนและรองหัวหน้าคนปัจจุบันของกิลด์มิดซัมเมอร์ ลีฟจึงถือเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่ช่วยดูแลภาระงานต่าง ๆ ภายในกิลด์ได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งของเขาในตอนนี้ มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยผู้เดียวเท่านั้นที่ตนเองอยู่ต่ำกว่า ดังนั้นแล้วหากจะบอกว่าเขามีอำนาจเยอะเป็นอันดับที่ 2 ในกิลด์ก็คงไม่เกินเลยนัก ทว่าแม้จะมีสถานะสูงถึงเพียงนี้ เขาก็ยังไม่สามารถแตะต้องอำนาจและพลังที่อยู่เบื้องหลังกิลด์มิดซัมเมอร์ได้ นั่นเพราะหลิวเฉียงเหว่ย ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์นั้น ถือครองและรับผิดชอบดูแลพลังนี้แต่เพียงผู้เดียว
แต่ลีฟก็ฉลาดพอ ผนวกกับตัวตนที่เขามีและเซนส์ของการคาดเดา เขาสามารถเดาได้คร่าว ๆ ว่าชายผู้ที่อยู่เบื้องหลังกิลด์มิดซัมเมอร์นี้เป็นใคร
ขณะที่ตัวตนของผู้ที่สนับสนุนร้านค้ามหาสมบัตินั้นก็ยังกึ่งเปิดเผยกึ่งหลบซ่อนอยู่ แต่ตอนนี้ร้านค้ามหาสมบัติและกิลด์มิดซัมเมอร์ก็ถือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่แน่นแฟ้นชนิดที่ตัดกันไม่ขาดแล้ว สิ่งนี้หากจะบอกว่าเป็นฝีมือของผู้สนับสนุนคนนั้นก็ยังได้ หลักฐานหลาย ๆ อย่างมันสนับสนุนแนวคิดที่ว่า ผู้ที่สนับสนุนร้านค้ามหาสมบัติและผู้อยู่เบื้องหลังกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นเป็นคนเดียวกัน
และคนคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากบุคคลอันดับ 1 แห่งเขตฮัวเซีย เจ้าแห่งฮีลเลอร์!
หลายตำนานในเขตฮัวเซียนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ทั้งหมด ถึงแม้ว่าตัวเขาจะหายสาปสูญไปถึงหนึ่งเดือนแล้ว แต่อันดับแรกสุดของอันดับคนดังของเขาก็ยังไม่มีใครมาสั่นคลอนได้ เหล่าผู้เล่นในเขตฮัวเซียยังคงกล่าวถึงความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานและอิทธิพลที่น่าเกรงขามอยู่ตลอด ยิ่งพวกเขารู้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีค่าชื่อเสียงในเกมมากขนาดไหน พวกเขาก็ยิ่งรู้ว่าคนคนนี้ มีพลังน่ากลัวขนาดไหนอีกด้วย
ด้วยพลังที่น่ากลัวนี้ มันถือเป็นเรื่องไม่ยากเลยหากเจ้าตัวคิดจะสร้างกองกำลังขนาดใหญ่ในโลกแห่งเกม!
กิลด์มิดซัมเมอร์และร้านค้ามหาสมบัติเองก็เป็นหนึ่งในกำลังที่เกิดขึ้นจากพลังนี้เหมือนกัน!
สิ่งหนึ่งเป็นผู้ครอบครองอำนาจเหนือกิลด์อื่นทั้งปวงในฟากใต้และมีสถานะเป็นกิลด์อันดับ 2 ของเขตฮัวเซียซึ่งมีสมาชิกกว่าหนึ่งพันล้านคน!
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งก็เป็นหอการค้าอันดับ 1 ที่มีสาขากระจายไปทั่วทั้งเขตฮัวเซีย พวกเขามีสาขาอยู่ในทุกเมืองหลักแถมทุกสาขาก็ยังเป็นที่นิยมชมชอบอีกด้วย!
ไม่มีใครตั้งคำถามเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ แม้จะมีผู้เล่นทั่วไปคุยกันถึงความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานของเจ้าแห่งฮีลเลอร์กันบ้าง แต่ในวงของผู้เล่นระดับสูงนั้น พวกเขารู้กันดีอยู่แล้วถึงความแข็งแกร่งที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ครอบครองอยู่
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ลีฟเกิดความลังเลใจ
เขาเดาไว้แล้วว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่าจะคอยสนับสนุนกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่ เพราะงั้นจึงรู้ดีว่า ไม่ว่าอย่างไร ตนก็ไม่สามารถติดต่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้อย่างแน่นอน ด้วยสถานะของตัวเองในตอนนี้
ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างสงครามป้องกันแคมป์ครั้งที่สองของกิลด์มิดซัมเมอร์ ครั้งที่บอสตัวสุดท้ายเริ่มเข้าโจมตี เขาคนนั้นก็สามารถรับมือบอสที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยตนคนเดียว หรือจะเป็นเมื่อครั้งที่กิลด์มิดซัมเมอร์มุ่งหน้าไปเปิดดันเจี้ยนเลเวล 25 เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็เป็นคนนำทางให้จนสามารถพิชิตดันเจี้ยนได้เป็นกลุ่มแรก
ปัญหาของเรื่องนี้มันอยู่ที่ ลีฟจำได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์มิดซัมเมอร์และเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นไม่ดีเอาเสียมาก ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อช่วงต้นเกม พวกเขายังแสดงความเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายอย่างชัดเจนอีก ไม่ว่าจะเป็นการที่กิลด์มิดซัมเมอร์ใส่ชื่อเจ้าแห่งฮีลเลอร์ลงไปในรายการล่าหัว หรือจะเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ยกกองทัพมาทำลายแคมป์ของมิดซัมเมอร์ในสงครามป้องกันแคมป์ครั้งแรก เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างก็กระทำกันไปมาจนกลายเป็นศัตรูกันอย่างเต็มตัวชนิดที่ว่าทุกคนในเขตต่างก็รู้กันหมด
แต่แล้วจู่ ๆ เรื่องบาดหมางทั้งหมดก็หายไป แถมพวกเขายังได้เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาเป็นคนคอยสนับสนุนกิลด์มิดซัมเมอร์อีก ด้วยความที่ลีฟไม่ใช่คนโง่ เขาเองก็พอจะเดาได้ว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้วแน่ ๆ
จริง ๆ ตัวลีฟเองก็พอจะได้ยินถึงเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนักระหว่างหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ผู้เป็นเทพธิดาอันดับ 1 กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ และเขาเชื่อในข่าวลือนี้ เพราะนอกจากเสน่ห์ของหลิวเฉียงเหว่ยที่มีเหลือล้นแล้ว เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถแก้ความสัมพันธ์รูปแบบศัตรูระหว่างกิลด์มิดซัมเมอร์และเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้ แถมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังหันมาอยู่ข้างกิลด์มิดซัมเมอร์และเป็นผู้สนับสนุนกิลด์ได้อีก!
ตลอดเวลาที่ช่วยกันพัฒนากิลด์มิดซัมเมอร์ขึ้นมา ลีฟประทับใจในความกล้าหาญของหลิวเฉียงเหว่ยอยู่เสมอ รวมถึงเขายังชื่นชมและยินดีที่จะช่วยเหลือเธอด้วยความจริงใจอีก แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขามองว่าเธอเป็นประธานมิดซัมเมอร์กรุ๊ปหรือเป็นหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์แต่อย่างใด มันเป็นเพราะลีฟมองว่าหลิวเฉียงเหว่ยเหมือนลูกสาวตนมากกว่า
ดังนั้นในทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องข่าวลือนี้ ลีฟจะค่อนข้างหนักใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่า ในฐานะหัวหน้าแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยสูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อกิลด์มิดซัมเมอร์จริง ๆ!
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ นั่นก็เพราะตำแหน่งและสถานะของตัวเขาเอง เขาทำได้เพียงมองดูทุกอย่างด้วยความเงียบเท่านั้น
โชคยังดีที่กิลด์มิดซัมเมอร์นั้นเติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่เหมือนโดนกดขี่ออกมา อีกทั้งเจ้าแห่งฮีลเลอร์เองก็ทำตัวติดดินอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ลีฟโล่งใจได้นิดหน่อย
และตอนนี้ มันมีข่าวลือว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์กำลังประสบปัญหาในโลกแห่งความจริงจนไม่ได้ล็อกอินเกมมาเดือนหนึ่งแล้ว นี่ก็ยิ่งทำให้ลีฟรู้สึกเบาใจขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาหวังว่าการอุทิศตนของหลิวเฉียงเหว่ย จะได้จบลงเสียที
ถึงแม้ว่ามันจะยังมีข่าวลือเรื่องหลิวเฉียงเหว่ยและนายท่านไนท์คูนเนอร์มาด้วย แต่ลีฟก็รู้จักคนอย่างไนท์คูนเนอร์ดี ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลอะไรเรื่องนี้
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ทัพของบอสระดับสูงของทัพแห่งความมิดเริ่มเข้าใกล้หน้าเมืองเข้ามาทุกที กระนั้นทัพสัมพันธมิตรของ NPC ก็ยังไม่ปรากฏตัว เพราะงั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้มันเกินกำลังของกิลด์มิดซัมเมอร์แล้ว ตัวลีฟนั้นหมดทางออกแล้ว แต่จากท่าทีของหลิวเฉียงเหว่ยนั้น มันชัดเจนว่าเธอนั้นกำลังวางแผนที่จะขับเคลื่อนขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังกิลด์มิดซัมเมอร์ออกมาใช้แน่นอน
ลีฟมั่นใจว่าพลังนั้นจะต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ เพราะงั้นตอนนี้จึงอดคิดไม่ได้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยต้องเสียสละอะไรไปมากขนาดไหน ควบคู่ไปกับการที่เขาอยากรู้ว่าพลังที่ว่านั้นแข็งแกร่งระดับไหนด้วย ดังนั้นในแววตาของเขา จึงแสดงให้เห็นถึงความสับสนอยู่เต็มไปหมด
[ประกาศทั่วทั้งเขต! ทัพหน้าของทัพแห่งความมืดจะเริ่มโจมตีในอีก 10 นาที! ผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจทุกท่าน ขอให้พวกท่านเตรียมการป้องกันไว้ให้ดี! สงครามล้อมเมืองครั้งนี้ พวกท่านจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นเป็น 200%! อัตราการดร็อปเหรียญทองเพิ่ม 100%! และอัตราการดร็อปอุปกรณ์เพิ่มอีก 100%!]
[ประกาศทั่วทั้งเขต! ทัพหน้าของทัพแห่งความมืดจะเริ่มโจมตีในอีก 10 นาที…]
[ประกาศทั่วทั้งเขต! ทัพหน้าของทัพแห่งความมืดจะเริ่มโจมตีในอีก 10 นาที…]
เสียงสัญญาณแจ้งเตือนจากระบบดังระงมไปทั่วสนามรบถึงสามครั้ง และมันทำให้สนามรบที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจเริ่มจะถูกความเงียบเข้าครอบงำในทันที
“เหลืออีกแค่สิบนาทีแล้ว ทำไมเฉียนโตวโตวยังไม่กลับมาอีกนะ…” หลิวเฉียงเหว่ยพึมพำด้วยเสียงเบา
“ท่านหัวหน้าครับ…” ลีฟที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก เขาจึงหันไปถามเธอ
“ไม่มีอะไรหรอก ให้ผู้เล่นที่มาทำภารกิจด้านนอกเมืองลุยไปก่อนเลย ยังไงซะจำนวนของพวกเราก็มีมากกว่า เป้าหมายหลักของพวกเราก็คือปกป้องเมืองแห่งความโศกเศร้าไว้ให้ได้ แจ้งสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ทุกคนให้ลาดตระเวนและคอยปกป้องเมืองชั้นในไว้ด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยพูด
“ท่านหัวหน้า…กำลังจะบอกว่ามีคนบางกลุ่มไม่ประสงค์ดีกับเมืองแห่งความโศกเศร้าเหรอครับ?” เพราะลีฟไม่ใช่ผู้เล่นทั่ว ๆ ไป ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสถานการณ์ที่อีกฝ่ายพูดถึงอย่างรวดเร็ว
“แจ้งไปที่วอร์สปิริตฮอลล์ให้คอยสนับสนุนพวกเราด้วยหากมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ไม่ต้องไปสนใจเรื่องนอกเมือง เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง” เธอพูดเสริมแทนคำตอบ
“เข้าใจแล้วครับ! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย!”
ลีฟเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขารีบหันหลังกลับแล้ววิ่งออกไปทันที
“พี่เฉียงเหว่ย ไอ้สารเลวกางเขนเหล็กมาอีกแล้ว”
เสียงของซือเยี่ยจิ๋งดังขึ้นจากด้านหลังหลิวเฉียงเหว่ยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอยังอยู่ในโหมดล่องหนอยู่ และเมื่อหลิวเฉียงเหว่ยหันกลับไป เธอก็พบว่าชินห่าวโผล่มาตามที่ผู้เป็นน้องแจ้งจริง ๆ
“คุณหัวหน้าโรส ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนสงครามจะเริ่มนะ ดูเหมือนว่าทัพ NPC ของเธอก็ยังไม่ปรากฏตัวเลยนี่นา” ชินห่าวยิ้มเยาะขณะเดินเข้ามาจากไกล ๆ
“หัวหน้าชินห่าว เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กิลด์มิดซัมเมอร์จัดการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว” หลิวเฉียงเหว่ยก็ยังไม่ใส่ใจกับคำพูดใด ๆ ของอีกฝ่ายเหมือนครั้งก่อน
“จริงเหรอ? ขนาดนี้แล้วก็ยังดื้อด้านอีกเหรอ? ทำไมถึงไม่ยอมรับกับข้อเสนอของผมสักที คุณหัวหน้าโรส? หากไปคิดได้ตอนเสียเมืองแห่งความโศกเศร้าไปแล้ว ผมจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ คุณจะยอมเห็นกิลด์มิดซัมเมอร์และเมืองที่คุณพยายามสร้างขึ้นมาถูกทำลายลงไปจนไม่เหลืออะไรเลยได้เหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของชินห่าวนั้นแสดงให้เห็นว่าเขามั่นใจในคำพูดของตนเองขนาดไหน และตอนนี้เขายิ้มจนแก้มปริไปหมดแล้ว