ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1346 – ข่าวคราวของเหยียนจงเยว่? ผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศแห่งตระกูลปู้หยาง?

 

แม้ว่าจะรู้สึกถึงพลังอันแรงกล้าในร่างกาย แต่ชิงสุ่ยก็ยังรู้สึกว่าพลังนั้นไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาจึงกลับเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะและเริ่มฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กอย่างต่อเนื่อง

 

เขาเองก็ไม่รู้ว่าดินแดนแห่งเพลงหมัดไทเก๊กจะไปสิ้นสุดที่ใด แต่อย่างน้อยเขาก็ยังดำรงอยู่ในเส้นทางแห่งสวรรค์ เส้นทางที่เข้าถึงพลังเต๋า

 

ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนพลังอันแสนลี้ลับ ในอนาคต ผู้ที่ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ดินแดนเส้นทางแห่งสวรรค์เต๋าได้ก็ย่อมต้องล่มสลายไปแม้จะครอบครองพลังอันน่าเหลือเชื่อก็ตาม เพราะต่อให้มีพลังมากมายเพียงใดก็จะมีแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับเต๋าเท่านั้นที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับดินแดนปราณบัญชาสวรรค์พินาศได้

 

ผู้อาวุโสปู้หยางก็คือหนึ่งในคนที่มีพรสวรรค์จนก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งสวรรค์ได้ เพียงแต่ระดับของเขานั้นอยู่ในขั้นรากฐาน ซึ่งต่างจากหญิงสาวที่เขาได้เจอ เขารับรู้ได้ถึงพลังแห่งเส้นทางสวรรค์อย่างชัดเจนมาก เขามองเห็นพลังที่แสนแข็งแกร่งของมัน

 

สิ่งที่ชิงสุ่ยไม่รู้นั่นก็คือใบหน้าที่ประหลาดใจของหญิงสาว เพราะอาการแสดงออกของเธอนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเธอเองก็มองเห็นระดับพลังเทวะแห่งเต๋าในตัวของชิงสุ่ยเช่นกัน และการที่คนอายุน้อยสามารถเข้าถึงระดับพลังเทวะแห่งเต่าได้ ทางสวรรค์แห่งอนาคตของคนผู้นั้นก็ย่อมมีทางเลือกมากเช่นกัน และยิ่งอายุของชิงสุ่ยยังคงน้อยยิ่งนัก การที่เขาจะก้าวขึ้นสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศก็คงจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่หญิงสาวผู้นั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจ

 

อีกทั้งคนส่วนมากก็ไม่มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นการเปลี่ยนแปลงของชิงสุ่ย มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกซับซ้อน มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะลืมคนอย่างชิงสุ่ย เขาเปรียบเสมือนผู้ชายคนแรกของเธอ ซึ่งเธอไม่มีวันที่จะลืมได้

 

ทุกครั้งที่เธอเห็นชิงสุ่ย เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าตัวของเขานั้นได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เธอเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ แต่เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจในตัวของชิงสุ่ย

 

แต่ก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยดูเหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ เขาไม่กล้าหวังอะไรมากเกินไปต่อหน้าเธอ เขาหวังเพียงแค่เธอไม่เกลียดเขาและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขก็คงจะเพียงพอแล้ว

 

อี่หวง กู่หวู๋ก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถก้าวสู่ดินแดนเทวะแห่งเต๋าได้โดยอาศัยการฝึกฝนรูปลักษณ์พยัคฆ์

 

ดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าเป็นดินแดนที่น่าพิศวง มันเป็นสิ่งที่มองเห็นได้แต่ไม่อาจสัมผัสได้ มันสามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่แต่ด้วยเหตุผลหลากหลายอย่างจึงทำให้คนส่วนน้อยสามารถรับรู้ได้ถึงมัน จริงๆแล้วเพียงเข้าใจเล็กน้อยเท่านั้นก็มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่งได้

 

………….

 

ในวันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยรอผู้อาวุโสปู้หยางอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ เขาเดินทางมาเพื่อพาชิงสุ่ยไปยังตระกูลปู้หยางเพื่อยืดอายุไขให้กับหญิงชราคนนั้น

 

ในช่วงเช้าคนที่มาไม่ใช่ผู้อาวุโสปู้หยางแต่กลับกลายเป็นผู้คนจากตระกูลอี่หวงที่มาแทน นั่นก็คืออี่หวง ตูซุยและ อี่หวง ตูซิง แต่ทันทีที่พวกเขาเริ่มกล่าวกับชิงสุ่ย สำนวนวาจาของเขาจะดูจะแปลกไปอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยเอ็งก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย หรือว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชายที่เขาให้ตระกูลอี่หวงตามหา

 

“ท่านหมอเทวดาชิง พวกเราได้ระดมคุมกำลังมากมายรวมถึงเพื่อนๆๆญาติสนิทมิตรสหายในการตามหา แต่เราก็ได้รับข่าวคราวมาเพียงแค่น้อยนิด นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเดินทางมาที่นี่”อี่หวง ตูซิงกล่าวอย่างเชื่องช้า

 

“พวกเราขอกล่าวกับเจ้าอย่างสัตย์จริง ตระกูลอี่หวงของเราไม่อาจพยายามมากกว่านี้ได้ มีใครบางคนที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำพยายามหยุดสิ่งที่ตระกูลอี่หวงทำ ซึ่งถ้าหากพวกเรายังคงสืบสวนเรื่องราวนี้ต่อไป มันคงทำให้ตระกูลอี่หวงของเราถึงกัลปาวสาน  บุคคลผู้นั้นไม่ใช่คนที่ตระกูลอี่หวงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”อี่หวง ตูซิงถอนหายใจขณะกล่าว

 

สิ่งที่พูดออกมายิ่งทำให้ชิงสุ่ยถึงกับมึนงง ขนาดตระกูลอี่หวงยังไม่อาจก้าวก่ายเรื่องเหล่านี้ได้……ชายคนนี้อยู่ส่วนใดของโลก เขาอยู่ที่ไหนกัน? แต่เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องไม่ได้อยู่ภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ หรือมหาทวีปมังกรอหังกาลอย่างแน่นอน

 

ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นจะต้องเป็นมหาทวีปอุดรเทวาสถานที่กว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด

 

ต่อให้พวกเขาสืบสวนเรื่องราวได้สำเร็จ แต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าชายคนนั้นจะยังคงมีชีวิตอยู่

 

“ท่านหมอเทวดาชิง ชายผู้นั้นไม่ได้มีนามว่าเยียนจงเยว่ แต่เขาเป็นคนที่มีลักษณะเหมือนคนในภาพที่ท่านพวกข้าดู แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็ไม่อาจย่างกายเข้าไปเพื่อยืนยันสิ่งที่คิดได้ ทุกอย่างบนโลกล้วนแล้วแต่มีสิ่งแปลก เป็นไปได้หรือไม่ว่าสองคนนี้จะเป็นเพียงแค่คนที่มีลักษณะเหมือนกัน?”อี่หวง ตู่ซิงกล่าวเพื่อยับยั้งความคิดของชิงสุ่ย

 

“มันก็อาจเป็นอย่างที่พวกท่านกล่าว ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ทั้งสองท่านลำบากใจ” ชิงสุ่ยพยายามที่จะไม่คิดถึงมันอีกต่อไป ดูเหมือนว่าหากเขาต้องการรู้เรื่องที่แท้จริงอย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องยืนอยู่เหนือมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เพราะแม้แต่ตระกูลอี่หวงที่มีผู้ฝึกตนระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศแฝงตัวอยู่ยังไม่มีสิทธิ์เจ้าเข้าถึงข้อมูลสำคัญเหล่านั้น นี่เป็นข้อแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายย่อมต้องมีพลังที่เหนือกว่า

 

มีความเป็นไปได้สูงที่ชายผู้นั้นจะสูญเสียความทรงจำทั้งหมด อีกทั้งเรื่องราวยังผ่านมาแล้วกว่า หลายสิบปี เป็นไปได้ว่าเขาคงจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว? หรือมันอาจเป็นไปได้ว่าเขาคงจะลืมเรื่องราวของชิงอี้และตัวชิงสุ่ย?

 

ถ้าหากในอนาคต วันที่เขาจะต้องเผชิญหน้าและต่อกรกับชายผู้นั้นมาถึงล่ะ?

 

ความคิดมากมายพลั้งพลูเข้ามาในสมองของชิงสุ่ย

 

“ข้ายังคงต้องขอขอบคุณทุกท่านทั้งสองคนมาก เมื่อถึงเวลาข้าเองจะเป็นคนที่เดินทางออกไปเพื่อตามหาสิ่งที่ข้าต้องการ”ชิงสุ่ยกล่าวชัดเจน เขาพร้อมจะเดินทางออกไปตลอดเวลาเพิ่อตามหาชายที่เขาไม่อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเหล่านั้นได้

 

อี่หวง ตูซุยและ อี่หวง ตูซิงต่างก็คิดว่ามีโอกาสสูงมากที่ชิงสุ่ยกับชายในรูปภาพจะเป็นพ่อลูกกัน ซึ่งถ้าหากเป็นจริง คนเหล่านี้สามารถทำลายตระกูลอี่หวงได้ภายในพริบตาตามใจอยาก แม้ว่าพวกเขาคิดจะกำจัดชายหนุ่มคนนี้ แต่ดูเหมือนศักยภาพของชิงสุ่ยจะมีมากมาย และไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคตชายหนุ่มผู้นี้จะไปไกลเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้นตระกูลอี่หวงก็ไม่อาจต่อต้านเขาได้อีกเพราะทั้งตระกูลปู้หยางและตระกูลอื่นๆที่มีผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา มันจะดีกว่าถ้าหากตระกูลอี่หวงเลือกที่จะทำดีเท่าที่จะเป็นไปได้

 

หลังจากที่อี่หวง ตูซุยและ อี่หวง กลับไปได้ไม่นาน ชิงสุ่ยก็ลงไปพบกับ ผู้อาวุโสปู้หยางและเด็กหญิงตัวน้อยบริเวณหัวมุมของชั้นที่ 4  ตอนนี้เด็กหญิงตัวน้อยกำลังมองดูอะไรบางอย่างหน้ากับว่ากำลังเฝ้ารอบางสิ่ง ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเธอก็ดังขึ้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

 

“ท่านลุง”

 

เมื่อชิงสุ่ยได้ยินเสียงเรียกทักทายของเด็กสาวตัวน้อย เขาก็รีบทักทายเด็กหญิงยังมีความสุข

 

เด็กหญิงตัวน้อยคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลี่จี้และหยวนสู่ เธอมีค่าดั่งเพชรพลอย และเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย นี่ไปกว่า ผู้อาวุโสปู้หยางก็เลือกที่จะหมั้นหมายเธอกับลูกชายของชิงสุ่ย ซึ่งลี่จี๋เองก็กล่าวว่าถ้าหากเธอให้กำเนิดลูกสาว เธอเองก็อยากให้ลูกสาวของเธอหมั้นหมายกับลูกชายของชิงสุ่ยเช่นกัน

 

ชิงสุ่ยโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยเฉิงหมิง และกล่าวทักทาย ผู้อาวุโสปู้หยางก่อนที่ทั้ง 3 จะมุ่งหน้าออกจากหอคอยจักรพรรดิ

 

ตระกูลปู้หยางอยู่ไม่ไกล และเป็นตระกูลที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นต่ำ นั่นก็เท่ากับผู้อื่นก็ย่อมไม่สามารถล่วงรู้ข้อมูลภายในของพวกเขาได้ แต่ก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่คนพูดถึงมากที่สุด  ตระกูลปู้หยางคือตระกูลที่มีกฎระเบียบเข้มงวด ผู้คนในตระกูลจะไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความหยิ่งยโสและดูถูกคนภายนอกเพียงแค่พื้นเพของตระกูลพวกเขา มันอาจเป็นเพราะว่ากฏเข้มงวดต่างๆจึงทำให้ตระกูลปู้หยางเติบโตทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้ง 3 คนเดินเข้ามาจากประตูหลัง สภาพแวดล้อมเงียบสงบอย่างมาก แม้พื้นที่จะไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็มีมีคฤหาสน์ขนาดใหญ่เชื่อมต่ออยู่กับลานกว้างเล็กๆซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนที่เหลือของตระกูลปู้หยาง

 

บริเวณลานแม้ไม่ใหญ่แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งของอำนวยความสะดวกที่จำเป็น รวมถึงพืชเถาวัลย์พันเกียวไปตามซุ้มต่างๆ ทุกอย่างล้วนให้ความรู้สึกชนบท

 

หญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอกำลังปิดตาพักผ่อน ร่างกายของเธอซูบผอม แต่ก็อัดแน่นไปด้วยพลังงานที่ไม่อาจอธิบายได้  กิริยาท่าทางของเธอนั้นสงบนิ่งราวกับหญิงวัยชราทั่วไป แต่ด้วยพลังที่ไม่อาจอธิบายยิ่งทำให้คนทุกคนที่ได้เห็นต่างรู้สึกว่าเธอย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดา

 

ทันใดนั้นหญิงชราก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาของเธอยังคงสงบนิ่งพร้อมทั้งปรากฏรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า

 

“ท่านบรรพบุรุษ!!”

 

เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งกระโจนอย่างมีความสุขไปหาหญิงชรา ทุกอากับกริยาของเธอเต็มไปด้วยพลังลึกลับแต่อ่อนโยนราวกับธรรมชาติ

 

“ท่านบรรพบุรุษ!!” ผู้อาวุโสปู้หยางกล่าวทักทายเธออย่างสุภาพ

 

“ข้าน้อยขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้อาวุโส”ชิงสุ่ยกล่าวทักทายเธอด้วยคำสุภาพเช่นกัน ยอดยุทธแห่งตระกูลปู้หยางสมควรที่ได้รับคำเชิดชู

 

“พ่อหนุ่มน้อย เจ้าคือหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอมาในช่วงหลายปี เจ้าเป็นคนที่มีอนาคตที่สดใส ผู้คนมากมายต่างกล่าวขานว่าเจ้าโดดเด่นทางด้านการปรุงยา ซึ่งช่างน่าแปลก ข้าปู้หยางชิงกลับมองเห็นสิ่งที่ต่างไป”

 

“ท่านผู้อาวุโสมีสายตาที่หลักแหลม ข้าพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมการฝึกตน ข้าจึงทำการเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อที่จะสามารถจัดการกับศัตรูได้ และข้าเองก็รู้สึกว่าดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่ข้าควรบรรลุ มันเป็นเส้นทางที่นำพลังกลับมาสู่ตัวข้า ซึ่งข้าเชื่อว่าทุกคนทางที่ข้าฝึกฝนจะนำพาเส้นทางที่แตกต่างกันมาสู่ตัวข้า”ชิงสุ่ยคิดบางอย่างก่อนที่จะกล่าวอย่างจริงจัง

 

“เจ้าพูดได้ดี สำหรับเด็กน้อยอย่างเจ้า เพียงแค่เข้าใจถึงบางอย่างเช่นนี้ได้ก็ช่างน่าวิเศษแล้ว ภายในอาณาเขตแห่งนี้ เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนรุ่นเดียวกับเจ้าเสียอีก บางทีเจ้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาดอย่างข้าก็เป็นได้”หญิงชราพยักหน้า

 

“ท่านผู้นำอาวุโสพาข้า มาที่แห่งนี้เพื่อพบกับท่าน ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ข้าอยู่ที่นี่ในวันนี้ก็คือ ข้ามาเพื่อยืดอายุไขให้แก่ท่าน”

 

“ยืดอายุไขให้ข้า? แม้ว่ามันจะสำเร็จ แต่พลังของข้าก็สูญเสียไปมากมายจนใกล้จะดับหายไปแล้ว มันคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ข้าจะอยู่ต่อไปอีก”การแสดงออกทางสีหน้าของหญิงชรายังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าเธอได้ละทิ้งชีวิตและยอมรับความตายอย่างสมบูรณ์แบบ

 

“แล้วถ้าหากข้าสามารถช่วยให้ท่านฟื้นตัวรวมและช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดขัดอยู่ในร่างกายและอาจทำให้ท่านสามารถทะลวงในสิ่งที่ท่านต้องการไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไรบ้าง? แต่ก่อนที่ข้าจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ค่าต้องขอความร่วมมือจากท่าน”

 

“หืม? นอกจากเจ้าจะเป็นนักปรุงยาแล้วเจ้ายังเป็นหมออีกด้วย ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจจริงๆ ตอนนี้ข้าชักอยากรู้แล้วว่าจะสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง?”หญิงชราจ้องมองชิงสุ่ยอย่างกระตือรือร้น ภายใต้การวิเคราะห์ของเขามันบ่งบอกอะไรได้ชัดหลายอย่าง สิ่งหนึ่งก็คือแท้จริงแล้วเธอยังไม่สามารถทะลวงผ่านระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศไปได้ เพียงแต่เธออยู่ในขั้นเริ่มต้นก่อนที่จะทะลวงระดับพลังขั้นที่ 1