ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1347 – ความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ

 

หญิงชราค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นในตัวของชิงสุ่ย เธอคนข้างสงสัยในทักษะการแพทย์ของเขาว่าจะส่งผลต่อเธอที่อยู่ในระดับปราณสวรรค์บัญชาพินาศได้หรือไม่? แม้ว่าเธอเองก็ไม่รู้ผลของมันแต่เธอค่อนข้างเต็มใจที่จะอยากลอง

 

“ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”หญิงชราจ้องมองชิงสุ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

 

“ข้าเพียงต้องการให้ท่านมั่นใจ ถึงแม้ว่าตัวท่านเองไม่ได้ต้องการที่จะกลับมาแข็งแกร่ง และแม้ว่าท่านจะได้รับยาศักดิ์สิทธิ์มามากมาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะท่านยังคงแสดงท่าทางราวกับคนที่ไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตหรือความตาย แต่ผลของมันจะมากหรือน้อยก็ย่อมต้องขึ้นอยู่กับตัวท่าน”ชิงสุ่ยปรารถนาที่จะให้เธออยู่รอดต่อไป

 

หญิงชรายังคงเงียบ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชิงสุ่ยกล่าว เธอไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตแล้ว ไม่ว่าความเป็นความตายจะมาเยือนเธอก็วางแผนที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเงียบสงบ

 

“ข้าสามารถบอกได้เลยว่าท่านคงจะติดอยู่ในจุดสำคัญจึงไม่อาจทะลวงระดับพลังไปได้ ท่านคงทรมานพยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่อาจก้าวข้ามมันได้สินะ?”ชิงสุ่ยรับรู้ได้แต่เขาไม่อาจบอกได้ว่ามันอยู่ในระดับใด เขาเองก็ไม่เคยรับรู้ได้ถึงพลังเพราะเขาก็ยังไม่อาจก้าวขึ้นสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศได้

 

“อืมม มันเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า ข้าเองติดอยู่ในจุดที่ต่อให้ค่าทุ่มเทความพยายามมากเท่าใดข้าก็มิอาจก้าวข้ามมันได้ ตอนนี้ข้ายังคงติดอยู่ที่ระดับที่หนึ่งของขั้นปราณบัญชาสวรรค์พินาศ แต่ถ้าหากข้าต้องการทะลวงขึ้นไปสู่ระดับที่ 2 แล้วล่ะก็ข้าจะต้องเผชิญหน้ากับความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ”

 

“ความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยความสับสน เขาอยากรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ และเมื่อได้โอกาสเขาก็ไม่ปล่อยมันให้ผ่านพ้นไป

 

“ปราณบัญชาสวรรค์พินาศแบ่งออกเป็น 10 ระดับ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งมันจะถูกแบ่งออกเป็น 10 ขั้น เช่นเดียวกับระดับปราณจักรพรรดิ ปราณนักบุญพิโรธและปราณเทวะกษัตริย์ สำหรับผู้ที่กล่าวถึงระดับที่ 1 ของแต่ละดินแดนพลัง หากต้องการรวมก้าวผ่านระดับพลังที่ตนมีก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับคอขวดที่เกิดขึ้น แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศมันจะแตกต่างอยู่เล็กน้อย นั่นก็คือทุกครั้งที่ต้องการก้าวขึ้นสู่ระดับถัดไป ผู้ฝึกตนจะต้องเผชิญหน้ากับความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ และถ้าหากพวกเขาทำมันได้สำเร็จก็จะสามารถก้าวขึ้นไปยังระดับชั้นพลังถัดไปได้ แต่ถ้าหากล้มเหลวล่ะก็สิ่งเดียวที่รอพวกเขาเหล่านั้นอยู่ก็คือความตาย ดังนั้นผู้ฝึกตนจำนวนมากจึงเลือกที่จะจมปลักอยู่กับระดับพลังของตน เพราะถ้าหากล้มเหลว ทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามมาตลอดชีวิตก็จะหายไปในทันที”หญิงชราอธิบายอย่างช้าๆ

 

“ไม่ทราบว่าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจนั้นบ่งบอกในลักษณะใด?”ชิงสุ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ ถ้าหากพวกเขาสามารถก้าวข้ามขึ้นสู่ระดับถัดไปได้ มันจะเกิดปรากฏการณ์ผิดปกติในบางแห่งพร้อมๆกันทั้งผืนฟ้าและผืนโลก คนส่วนใหญ่เรียกมันว่า ปราการสายฟ้าแห่งเทวา ซึ่งสำหรับระดับที่ 1  ก็จะเกิดปราการสายฟ้าแห่งเทวา 1 ขั้น และสำหรับระดับที่ 2 ก็จะเกิดปราการสายฟ้าแห่งเทวา 2 ขั้น ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกันมันจะมีชั้นความหนาและเวลาที่ยาวนานขึ้น

 

“ว่าแต่ความทรมานแห่งสวรรค์พินาศจะปรากฏกับผู้ฝึกตนปราณบัญชาสวรรค์พินาศทุกคนเหมือนกันหรือไม่?”

 

“แต่ละคนล้วนแตกต่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกัน นั่นก็คือผู้ใดที่มีพละกำลังอำนาจมากปรากฏการณ์ที่ผิดปกติก็จะมากขึ้นเช่นกัน แม้กระทั่งตัวข้าเองก็ยังไม่อาจเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน”หญิงชรากล่าว

 

“ว่าแต่ขีดจำกัดของผู้ที่แข็งแกร่งพอที่จะทะลุทะลวงผ่านระดับพลังนั้นไปได้อยู่ในระดับใดกัน?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม

 

“หากเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแกร่งที่จะสามารถทะลวงผ่านไปสู่ระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาศ บางคนสามารถทะลวงผ่านขึ้นไปในระดับนั้นได้ตั้งแต่มีพลังเพียงแค่ 300000  สุริยา บางคนกลับต้องมีระดับพลังมากถึง 400000-500000 สุริยา ซึ่งตัวเลขระดับพลังที่แตกต่างกันนี้ย่อมต้องส่งผลระดับพลังเมื่อยืนอยู่ในดินแดนเดียวกัน อีกทั้งยังส่งผลต่อผลของความทรมานแห่งสวรรค์พินาศที่ใช้ในการเพิ่มพละกำลังอีกด้วย”

 

“ดูเหมือนพวกมันจะเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่ข้าจะช่วยเหลือท่าน”

 

“ตกลง!!” หญิงชรายิ้มพร้อมกับพยักหน้า

 

ปู้หยางชิงพาทุกคนเดินไปที่ห้องรับแขก จากนั้นก็เข้าสู่หัวข้อหลักทันที

 

ในขั้นแรกชิงสุ่ยได้ช่วยเหลือหญิงชราโดยการฟื้นฟูพลังในร่างกาย จากนั้นเขาก็ทำการสลายสิ่งสกปรกและของเสียออกจากร่างกาย นอกจากนี้เขายังได้ทำการรักษาโรคที่ทุกคนคาดไม่ถึงว่ามันจะรักษาหายได้

 

ของเหลวสีดำค่อยๆหยดลงบนพื้น ปริมาณของมันมากพอพอๆกับถ้วยชาขนาดเล็ก 1 ถ้วย ซึ่งปู้หยางชิงเองก็หยิบมันขึ้นมาพิจารณา ทุกหยดที่ออกมาจากร่างกายของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่หนักแน่น แม้ว่ามันจะดูบางเบาแต่มันก็เป็นหนึ่งในตัวที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกของเธอ นี่คือการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เปลวเพลิงในตัวของเธอกำลังมอดไหม้ และมันทำให้เธอพิจารณาเรื่องที่เธอจะมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศขั้นที่ 2

 

ของเหลวสีดำและสิ่งสกปรกมากมายยังคงถูกขับออกจากร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง เธอเริ่มพิจารณาถึงคำพูดต่างๆที่ชิงสุ่ยกล่าว เด็กหนุ่มคนนี้มีความสามารถทางแพทย์ที่น่ากลัวจริงๆ ตระกูลใดได้ทำความรู้จักกับหมอเช่นเขา คือโชคลาภของตระกูลอย่างแท้จริง การที่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งสามารถยืดอายุต่อไปได้อีกนับพันปี……..ผลประโยชน์แบบนี้มัน

 

แม้ว่าพลังชีวิตจะไม่อาจกลับมาแข็งแรงได้ทั้งหมด แต่เธอก็ดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเองก็เริ่มสังเกตเห็นว่าความแข็งแกร่งของเธอเริ่มจับเข้าสู่ความเสถียรภาพมากขึ้น จากนั้นเธอก็ยิ้มและกล่าวว่า “แค่ความสามารถทางแพทย์ของเจ้าเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้เจ้าเดินทางไปทั่วโลกแห่งนี้ได้แล้ว และด้วยคำพูดของเจ้าสั้นๆเพียงแค่หนึ่งคำก็มากพอที่จะทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งฆ่าฟันกันเองเพื่อจะได้”

 

“ท่านยายก็กล่าวเกินไป”ชิงสุ่ยส่ายหน้า

 

“ไม่เลย ข้ารู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในความสามารถของเจ้า ซึ่งข้าก็รู้ดีว่าการที่มีพลังอันแข็งแกร่งย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการที่ให้คนอื่นปกป้อง”หญิงชราตอบกลับ

 

“ถูกต้องแล้ว ข้าเองก็ใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มพูนพละกำลังของข้า”ชิงสุ่ยเข้าใจคำพูดเหล่านี้ดี

 

ทักษะการหลอม ทักษะทางแพทย์ ทักษะการปรุงอาหารและทักษะอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายหลักของชิงสุ่ย มันเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการเท่านั้น มันคือวิธีการสร้างสารสัมพันธ์ระหว่างผู้คน

 

หญิงชรายิ่งเห็นค่าความสัมพันธ์ในตัวของชิงสุ่ย อาจเป็นเพราะว่าเขาสามารถเพิ่มพูนอายุขัยให้กับเธอได้ถึงเกือบ 800 ปี อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพพลังของเธอได้อีก

 

อายุของผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 ปี แต่ช่างน่าเสียดายที่เอาเข้าจริงแล้วทุกคนต่างก็มีชีวิตได้ไม่ถึง 3000 ปี นอกจากนี้คนเหล่านั้นยังต้องพึ่งการกินยาเพื่อเพิ่มอายุของตนเองอีกด้วย

 

“ปู้หยางชิง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม ชายผู้นี้คือผู้มีพระคุณของตระกูลปู้หยางตลอดไป “ชายชรามองไปทางปู้หยางชิงขณะกล่าว

 

“ข้าในฐานะบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง ข้าย่อมต้องทำเช่นเดียวกับเจ้า”ปู้หยางชิงกล่าว

 

“ท่านยายอย่าได้กังวลเลย อย่างน้อยเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ก็คือคู่หมั้นของลูกชายของข้า ต่อให้อนาคตจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรพวกเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน อีกครั้งถ้าหากพวกเขาได้แต่งงานกัน พวกเราก็จะถือว่าเป็นญาติกันอีกด้วย”ชิงสุ่ยยิ้มเขารู้ว่าหญิงชราพยายามบอกสถานะของเธอ

 

“เอาล่ะ เจ้าหนูน้อยเฉิงหมิง เจ้าเป็นคนที่มีเลือดเนื้อและกระดูกที่ยอดเยี่ยม จากรูปลักษณ์ภายนอกของนาง ข้าสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าอนาคตนางจะต้องบรรลุในสิ่งที่ต้องการโดยที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างแน่นอน”หญิงชรามองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งตอนนี้ปู้หยางเฉิงหมิงกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวน

 

“ท่านยาย ข้ามียาเม็ดอยู่กับตัว 2 เม็ด แต่ถ้าไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลประโยชน์ให้กับความแข็งแกร่งของท่านหรือไม่?”ชิงสุ่ยส่งมอบขวดแก้วซึ่งบรรจุยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ตูและยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์เญิ่น

 

“ขอบคุณมาก เดี๋ยวข้าจะหาเวลาทดลองใช้มันดู”หญิงชรามองดูก่อนจะรับมันมา

 

“ถ้าหากท่านต้องการที่จะทะลวงระดับพลังปัจจุบัน การใช้มันคือวิธีช่วยที่ดีที่สุด แต่ใท่านก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมความพร้อมให้มากที่สุดเมื่อท่านใช้มัน”ชิงสุ่ยคิดถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขาก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ขอบคุณมากพ่อหนุ่มน้อย”

 

“ท่านยายในเมื่อพวกเราถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว เหตุใดท่านถึงยังเรียกข้าราวกับคนนอก ได้โปรดเรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถิด”

 

………….

 

พวกเขายังคงสนทนากันจนกระทั่งตอนบ่าย กลุ่มคนทั้งหมดได้ร่วมรับประทานอาหารกันในห้องของหญิงชรา

 

“ท่านยาย ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้เรื่องราวของประมุขอสูรแห่งพระราชวังจอมอสูรหรือไม่? ไม่ทราบว่านางแข็งแกร่งเพียงใด?”ชิงสุ่ยกล่าวถามด้วยความลังเล หญิงสาวที่หันมาเป็นศัตรูกับทุกคนในมหาทวีป เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเธอจะต้องมีพลังอำนาจเหนือกว่าทุกคนในมหาทวีปแห่งนี้ นอกจากนั้นเธอยังมีเต่าศักดิ์สิทธิ์และพระราชวังจอมอสูรของเธอ มันเป็นเรื่องน่าสงสัยว่าคนของเธอมีพลังเพียงใดกัน?

 

หญิงชราดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้อะไร เธอพูดอย่างช้าๆว่า “ประมุขอสูรแม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิง แต่พลังของเธอนั้นอยู่ในระดับสูงที่สุดในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และที่สำคัญที่สุดก็คือเต่าศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังไร้ขีดจำกัด”

 

แม้ว่าหญิงชราจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่ชิงสุ่ยก็พอเข้าใจ มันคงเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะได้เผชิญหน้ากับเธอโดยตรง

 

………………

 

ในช่วงบ่ายสายๆ ชิงสุ่ยก็กลับไปยังหอคอยจักรพรรดิ การที่เขาได้ไปเยือนตระกูลปู้หยางมันทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากการที่เขาจะสามารถเอื้อมมือไปช่วยหญิงสาวผู้ทรงพลังแห่งพระราชวังจอมอสูรได้ เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าเขาจะสามารถก้าวข้ามคลื่นสวรรค์ชั้นที่ 8 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาลและผลักดันพลังของเขาให้อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศ

 

และแล้วเวลากว่าครึ่งปีก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

 

สำหรับคนอื่นเวลาครึ่งปีอาจจะเหมือนเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่สำหรับชิงสุ่ยมันเป็นเวลา 6 เดือนที่ทรงคุณภาพ ในตอนที่เขาเดินทางกลับไปยังตระกูลชิง เขาก็ได้ใช้ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ตูและเญิ่นเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งก็แน่นอนว่าในตระกูลของเขาก็มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถรองรับพลังในตัวยาเหล่านี้ได้

 

หลวนหลวนก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเป็นคนที่มีพัฒนาการเร็วที่สุด ยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์ตูและเญิ่นคือตัวผลักดันที่มีประสิทธิภาพสูง ในอนาคตความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน

 

ส่วนทางด้านของเหวินเหรินอูซวงเธอก็ได้ออกมาจากการฝึกตน ซึ่งความแข็งแกร่งของเธอก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเธอยังคงงดงามไม่ต่างจากเดิม นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ชิงสุ่ยได้ฝึกฝนท่วงท่าทวิบ่มเพาะพร้อมกับเธอ มันก็ได้กระตุ้นให้กระดูกและหลอดเลือดของเธอก้าวกระโดดไปอย่างมาก