บทที่ 59 ทางเดินที่ต่ำตม

ภายในรถ สีหน้าของซ่งหวั่นถิงถูกแสดงออกมาอย่างเยือกเย็น

เอาจริง ๆ การมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในตระกูลนั้นมันทำให้เธอหัวเสียเป็นอย่างมาก ที่น่าโมโหไปยิ่งกว่านั้นคือตาลุงฉีผู้นั้นกล้าที่จะวางกับดักต่อหน้าทุกคน

เรื่องวันนี้ถ้าสมมติว่าถูกหลอกเงินแล้วตาลุงฉีหนีไปได้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ขายหน้าไปทั้งตระกูลซ่ง!

ยังดีที่ตอนนั้นเย่เฉินอยู่ ถึงกู้สถานการณ์ได้ทัน ยับยั้งความเสียหายของหล่อนและวงศ์ตระกูลไว้ได้

ว่าแล้วหล่อนก็หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกล่องใส่ถุงมือในรถ ส่งให้เย่เฉิน “คุณชายเย่ ในบัตรนี้มีเงินอยู่ล้านหยวนรหัสคือแปดหกตัว เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อยของฉัน ได้โปรดรับไว้ด้วย”

ระหว่างที่พูดนั้นก็ได้แต่แอบถอนหายใจ เย่เฉินผู้นี้นั้นไม่ว่ายังไงก็ดูเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกเข้าไปอยู่ตระกูลเล็ก ๆ ถ้าออกมาเป็นผู้ตรวจสอบวัตถุโบราณเอง ทำไม่กี่ปีก็คงมีลูกค้าไม่น้อย

เย่เฉินมองบัตรในมือหล่อนอย่างชั่งใจเล็กน้อย

เงินล้านหยวนไม่ใช่เงินน้อย แต่ก็เป็นเพียงแค่เศษเงินสำหรับตระกูลซ่ง

จริง ๆ แล้วเย่เฉินก็ไม่ได้ไยดีกับเงินแค่นั้น ไม่ว่ายังไงเขาก็มีเงินในบัตรนับหมื่นล้าน ประสาอะไรกับเงินแค่นั้น รับมาแล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ? แต่ลองมาคิด ๆ ดู ฐานะคนอย่างเขาก็ไม่ใช่เศรษฐีจากตระกูลสูงส่ง เป็นเพียงแค่เขยแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวเท่านั้น

แค่เขยแต่งเข้าบ้านเมีย ถ้าเห็นเงินห้าล้านแล้วไม่สนใจก็คงทำให้ซ่งหวั่นถิงแคลงใจไม่น้อย คิดพลางยื่นมือออกไปรับบัตรพร้อมพูด “งั้นก็ขอบคุณแล้วกันคุณหนูซ่ง”

“ไม่ต้องเกรงใจคุณชายเย่” พูดพลางระบายยิ้มอ่อน

เมื่อพูดจบแล้วซ่งหวั่นถิงก็ถามขึ้นมาว่า “คุณชายเย่จะไปไหนต่อ”

”ส่งผมที่ตลาดแล้วกัน ผมต้องซื้อผักไปทำกับข้าวที่บ้าน”เย่เฉินยิ้มรับ

ซ่งหวั่นถิงมองและทนไม่ไหวจนต้องพูดว่า “ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณชายเย่มาบ้าง พูดตามตรงเลยว่าคุณมีความสามารถขนาดนี้ มันไม่จำเป็นเลยที่ต้องให้ฐานลูกเขยแต่งเข้ามาฉุดรั้งคุณไว้ เอาแบบนี้ดีไหม มาเป็นหัวหน้าผู้ตรวจสอบอัญมณีที่จี๋ซิ่งถังของฉัน ฉันจะให้เงินเดือนขั้นต่ำสุดปีละล้านหยวนคุณว่ายังไง?”

เย่เฉินโบกมือพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเป็นคนฟันไม่ค่อยดี กินแต่ข้าวนิ่ม ๆ (เป็นแมงดา)ซะจนชินแล้ว”

ซ่งหวั่นถิงชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็ถอนหายใจออกมา

ดูเหมือนว่าข่าวลือในตลาดจะเป็นจริง เย่เฉินคนนี้เป็นแค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินไปวัน ๆ

เมื่อก่อนก็คิดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนคนไร้ประโยชน์ที่จำใจต้องเกาะผู้หญิงกินเพราะไม่มีทางเลือก ก็ยังพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้น เขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ แต่เขาเลือกที่จะทำตัวตกต่ำเป็นคนไร้ประโยชน์เอง

สิ่งนี้เองที่ทำให้หล่อนรับไม่ได้

ทัศนคติที่มีต่อเย่เฉินก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน

เย่เฉินรู้ว่าหล่อนจะดูถูกเหยียดหยามเขา แต่นี่คงจะดีที่สุดสำหรับเขา ให้ทุกคนเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับตัวเขา เพื่อให้เขาได้อยู่อย่างสงบสุขให้ถึงที่สุด

เมื่อถึงตลาดเย่เฉินก็ลงจากรถและกล่าวคำอำลากับซ่งหวั่นถิง จากนั้นก็ซื้อกับข้าวกลับบ้าน

ทันทีที่เดินเข้าในบ้านมาเย่เฉินก็ได้ยินชายชราหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมตะโกน

“ฮ่าฮ่าฮ่า มา ๆ ๆ มาดูสมบัติล้ำค่าที่ฉันได้มา!”

เซียวชูหรันที่เพิ่งเลิกงานและกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟานั้นอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาแล้วพูดกับเซียวฉางควนที่กำลังหัวเราะว่า “พ่อ อีกนิดพ่อจะทำให้ฉันตกใจตายแล้วนะ”

“มาดูนี่สิเร็ว” เซียวฉางควนไม่ได้ยี่หระกับท่าทางของเซียวชูหรันแม้แต่น้อย เขาหยิบถ้วยศิลาดลขนาดเท่าฝ่ามือไว้ด้วยท่าทางเปี่ยมสุข “นี่คือถ้วยลายครามไก่ฟ้าที่ฉันได้มาจากตลาดของเก่า ได้ยินว่าถูกขุดมาจากโลงของจักรพรรดิเฉียนตี้ มันมีมูลค่ามากกว่าห้าแสนหยวนแน่ะ! ”

“มากกว่าห้าแสนเหรอ” เซียวชูหรันลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาว่า “พ่อเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน”

เย่เฉินหน่ายใจขั้นสุด เมื่อเช้าเพิ่งจะทำขวดพอร์ซแลนอวี้หูแตก ถูกฉวยโอกาสเสียแรงที่ลงไป ชายแก่คนนี้ยังจะไปตลาดโบราณมาอีกหรือ?

นี่มันช่างเป็นแผลที่หายสนิทจนลืมเจ็บแล้วจริง ๆ

เซียวฉางควนหัวเราะและพูดอย่างมีเลศนัย “ฉันหมายถึงถ้วยใบนี้มีมูลค่ากว่าสองล้าน แต่ทายสิฉันซื้อมาเท่าไหร่”

เซียวชูหรันลังเลและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า “สามแสนหยวน?”

“ไม่ใช่ ทายอีกครั้ง!” เซียวฉางควนโบกมือ

“สองแสนหยวน?”

“ไม่ถูก!”

เย่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ เหลือบมองไปที่ถ้วยศิลาดล แวบเดียวที่เห็นรู้ทันทีว่ามันเป็นของปลอม โดยคิดว่าเจ้าของสิ่งนี้ขายได้ถึงร้อยหยวนก็นับว่าไม่แย่แล้ว

ในตอนนี้เซียวฉางควนเลิกอุบแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่าฮ่าฉันซื้อมันมาสามร้อยหยวน!

เซียวฉางควนหัวเราะเสียงดังอย่างไม่สามารถระงับความสุขของตัวเองได้

ดวงตาของเซียวชูหรันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ “ ไม่จริงมั้ง ถ้วยนี้จะราคาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้นหรือ?”

เมื่อหม่าหลานผู้เป็นแม่ได้ยินเหตุการณ์ เธอก็เดินออกมาจากห้องครัวด้วยความดีใจ“ ถ้วยนี้มีค่าขนาดนี้ มันจะไม่ใช่ของปลอมหรือ?”

เซียวฉางควนตบหน้าอกอย่างภาคภูมิ “ ไม่ต้องห่วงคนขายไม่รู้เรื่องราคาตลาด ฉันให้คนไปตรวจสอบมาแล้วว่าเป็นของจริง!”

“ จริงเหรอ?” หม่าหลานหยิบถ้วยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง หมุนมองซ้ายขวาแล้วยิ้มกว้าง

เย่เฉินยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ทำได้แต่เพียงยิ้มร่วมวงไปด้วย แต่สีหน้าของเขาสงบนิ่ง

เขาเห็นแล้วว่าถ้วยทั้งสองนี้เป็นของปลอม แต่เมื่อเห็นชายชราจะมีความสุขขนาดนั้นเขาก็ไม่ขอทำลายมันดีกว่า

เซียวฉางควนตื่นเต้นมาก เขาดูเหมือนแมวที่ได้ชีวิตใหม่ เขาพูดด้วยความดีใจ “ถ้วยนี้ยังไม่ครบชุด เจ้าของร้านบอกว่าเขาเอาส่วนที่เหลือมาให้ดูอีกครั้งในวันพรุ่งนี้! พรุ่งนี้ฉันจะไปดูอีกครั้งแล้วเก็บมันมาให้ครบ ราคามันคงทวีขึ้นอีกหลายเท่า! ถ้าโชคดีก็คงคืนหนี้หกล้านนั้นได้! ”

เย่เฉินขมวดคิ้วและหยุดเขาทันที “พ่ออย่าโลภมากในการเล่นเก่า แค่สองถ้วยนี้ก็พอแล้ว แล้วก็… ”

เซียวฉางควนจ้องเขาตาขวางและต่อว่า “แล้วก็ ๆ แล้วก็อะไรอีก เด็กอย่างแกกล้าจะมาสอนฉันแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นพ่อ พ่อชอบก็ดี” เย่เฉินรีบพูด

เมื่อพูดจบเขาก็ไม่อยากที่จะยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้อีก ถึงชายแก่จะถูกหลอก แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเงินเขา

เซียวชูหรันก็ช่วยพูดอีกว่า “พ่อจะซื้อทำไมเยอะแยะ ไอ้สองถ้วยนี้ซื้อมากินก็ไม่ได้ ดื่มก็ไม่ได้ ราคาก็ต่างกันขนาดนี้ของจริงหรือปลอมก็ต้องรอตรวจสอบ ”

เธอไม่เชื่อเรื่องโชคหล่นจากฟ้า ถ้าคนสามารถซื้อ ของห้าแสนหยวนในราคาสามร้อยหยวนได้ ทุกคนก็คงจะรวยกันหมดแล้ว

เซียวฉางควนที่กำลังดีใจสติหลุดเหมือนถูกสาดน้ำเย็นใส่หน้า จึงพูดอย่างดูแคลนว่า “พวกแกไม่เข้าใจ นี่เป็นของโบราณและฉันต้องใช้สายตาเฉียบคมคู่นี้เพื่อเลือกหยิบมันมา!”

ในขณะที่พูดเขาก็มองถ้วยศิลาดลด้วยความชื่นชมและพูดกับเซียวชูหรันอีกว่า “แกไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ วันนี้ยังมีอีกหลายคนที่ต้องการแย่งซื้อถ้วยนี้ไปจากฉัน ไม่แน่พรุ่งนี้ฉันอาจจะซื้อมันไม่ได้ก็ได้”

“ถ้ามันมีค่ามากขนาดนั้น คุณต้องหาทางซื้อมันมาให้ได้นะ!” หม่าหลานพูดอย่างรีบร้อน

เมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสองยุ่งอยู่กับการชื่นชมถ้วยลายครามไก่ฟ้า เซียวชูหรันจึงดึงเย่เฉินออกไปอย่างเงียบ ๆ

“ฉันคิดว่านี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด เหมือนโดนหลอก พรุ่งนี้พ่อจะต้องไปที่นั่นแน่ ๆ คุณจะต้องไปกับเขา เพื่อไม่ให้เขาโดนต้ม”