60 เที่ยวตลาดของโบราณ

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 60 เที่ยวตลาดของโบราณ

วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์

เย่เฉินถูกชายชราดึงไปขับรถไปที่ตลาดของโบราณตั้งแต่เช้าตรู่

ชายชรารู้สึกสดชื่น เมื่อเขาลงจากรถก็โบกมือเรียกเย่เฉิน “ไป ฉันจะแสดงให้แกเห็นว่าอะไรคือมือทองในการเลือกของ”

หลังจากพูดก็ก้าวเท้ายาว ๆ เข้าตลาดไป

เย่เฉินต้องจำใจเดินตามประกบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสำรวจไปรอบ ๆ ขณะที่เขาเดิน

ในวันหยุดสุดสัปดาห์มีผู้คนจำนวนมากบนตลาดของโบราณมากกว่าปกติ

ร้านขายหยกโบราณทั้งสองฝั่งเปิดกันอย่างหนาแน่นและพ่อค้าแม่ค้าที่ออกมาตั้งแผงขายของก็หนาแน่นเช่นกัน ถนนทั้งสายก็ถูกปิดกั้นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน

นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าจำนวนมากที่กางแผงขายของเก่าและหยกต่าง ๆ บนพื้นถนน เพื่อต้อนลูกค้าในจุดนั้น ๆ

เย่เฉินเหลือบมองไปทั่ว ๆ ก็ยังแทบจะไม่เห็นของแท้ใด ๆ ทั้งหมดก็แค่การหลอกขายของปลอมให้

คนธรรมดาและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นักท่องเที่ยวไม่น้อยที่ถูกหลอกให้ซื้อของปลอม โดยที่คิดว่าพวกเขากำลังได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากที่นี่

“ที่นี่!”

เซียวฉางควนหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายของเก่าเรียบ ๆ สีหน้าของเขาไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นได้มิด

นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก ๆ ยืนเลือกของอยู่ข้างแผงขายของเก่า ด้วยความกลัวของดีจะหลุดมือ เซียวฉางควนก็รีบวิ่งเข้าไปแทรกในกลุ่มคน

เย่เฉินกวาดสายตามองไปที่แผงขายของ ก็แค่แผงขายของเล็ก ๆ ที่ปูเสื่อน้ำมันลงบนพื้นและวางของเก่าที่เปื้อนโคลนเช่น เครื่องลายครามรูปม้า เหรียญทองแดงห้าจักรพรรดิ ถ้วยทองแดง กำไลหยกโลหิต ภาพวาดอักษรโบราณต่าง ๆ …

สินค้าโบราณมากมายตรงหน้า แต่เย่เฉินมองผ่าน ๆ แป๊ปเดียวก็รู้ว่าเป็นของปลอม

เจ้าของแผงเป็นชายรูปร่างผอมผิวคล้ำเขาสวมผ้าเนื้อหยาบสีน้ำเงิน ผมมันเยิ้มและกระเซิง ดูเป็นคนซื่อ ๆ ทื่อ ๆ ดูไม่ฉลาดมากนัก

“ดูนี่สิ!” เซียวฉางควนเรียกเย่เฉินอย่างตื่นเต้นพลางชี้ไปที่ขวดห้าสีใบหนึ่ง ที่ท้องขนาดใหญ่ปากแคบ พร้อมพูดด้วยเสียงกระซิบ “นี่คือขวดไวน์ที่เป็นคู่กันกับถ้วยสองใบนั้น ฉันจะซื้อมันกลับไป และทีนี้จะได้ราคาเป็นสองเท่า! ”

เย่เฉินเหลือบมองขวดไวน์ที่ถือไว้ในมือและเงยหน้าขึ้นถามเจ้าของร้าน

“ราคาเท่าไหร่?”

เจ้าของร้านมองกลับและพูดอย่างมึน ๆ “พ่อของฉันบอกว่าอย่างน้อยสองหมื่นหยวน ถ้าต่ำกว่านี้จะไม่ขาย”

เมื่อเซียวฉางควนได้ยินเช่นนี้เขาก็เกือบจะหัวเราะออกมาและพูดกับเย่เฉินอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าของร้านนี้ไม่รู้จักสินค้าพวกเรารีบซื้อดีกว่า เพื่อที่จะไม่ให้คนอื่นมาแย่ง”

พอพูดเสร็จก็รีบค้นกระเป๋าที่เอว

ในตอนนี้เย่เฉินรีบจับมือห้ามเขาอย่างรวดเร็วและพูดยิ้ม ๆ “พ่อเจ้าสิ่งนี้ไม่มีค่าถึงสองหมื่นหยวนอย่าซื้อเลย”

“อะไรนะ” เซียวฉางควนผงะ “แล้ว… แกคิดว่านี่มันราคาเท่าไหร่?”

เย่เฉินชูมือขึ้นมาห้านิ้วต่อหน้าเจ้าของร้านแล้วโบกไปมา “นี่คือจำนวน”

“ ห้าพันเหรอ” เจ้าของร้านจ้องมองพร้อมถามกลับ

เย่เฉินส่ายหัว “เปล่ามันห้าสิบหยวน”

เจ้าของร้านจ้องมองไปที่เย่เฉินเป็นเวลาหลายวินาทีราวกับมองไปที่มนุษย์ต่างดาวและทันใดนั้นก็ตะโกนว่า “คุณรู้จักของโบราณดีแค่ไหน นี่เป็นของเก่าที่ปู่ของฉันทิ้งไว้ให้ เป็นสมบัติล้ำค่า พวกคนเมืองอย่างคุณใจดำเกินไปแล้ว”

เซียวฉางควนก็กังวลใจและรีบดึงมือเย่เฉิน “อย่าพูดพล่อย ๆ น่า เดี๋ยวจะทำเสียงานหมด”

เย่เฉินยิ้มหยิบขวดขึ้นมาแล้วพลิกกลับเขี่ยโคลนที่ติดก้นขวดด้วยมือของเขา ชี้ไปตรงกลางร่องแล้วพูดว่า “พ่อดูสิว่านี่คืออะไร”

รอยกรีดมีขนาดเล็กมากหากไม่ใช่เพราะเย่เฉินชี้ให้เห็น คนทั่วไปคงจะไม่สังเกตเห็นเลยว่ามีตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก ๆ อยู่ในช่อง

“ผลิตในประเทศจีน”

เซียวฉางควนตกตะลึงอ้าปากค้าง มึนไปพักใหญ่

เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็โวยวายใส่เจ้าร้านด้วยใบหน้าแดงก่ำเปี่ยมไปด้วยความโมโห

“แก แกมันขี้โกง!”

เย่เฉินหยิบขวดไวน์โบกไปมาต่อหน้าให้เจ้าของร้านที่ทำหน้าซื่อและกล่าวว่า “ผู้ผลิตยังไม่กล้าปลอมแปลงโบราณวัตถุอย่างโจ่งแจ้ง ถึงได้เขียนข้อความนี้มาเป็นสัญลักษณ์ คุณฉลาดไม่น้อยทีเดียวนี่ ที่รู้ว่าจะปิดมันได้ด้วยการป้ายโคลน เอาสั้น ๆ สามสิบหยวนขายไหม”

“นี่มัน…”

เจ้าของร้านตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นสีหน้าซื่อ ๆ ที่ถูกแสดงก็หายไป เขาก็ตบหน้าผากตัวเองพร้อมยิ้มเยาะ

“ นายท่านทั้งสอง วันนี้ฉันจะรีบออกมาข้างนอก ฉันเลยหยิบขวดผิด”

“หยิบผิด?” เย่เฉินยิ้ม หยิบขวดยานัตถุ์ที่เต็มไปด้วยโคลนขึ้นมาและใช้มือปาดโคลนที่ปากขวดออก ส่องไปที่ดวงอาทิตย์และกล่าวด้วยความจริงจัง “ถ้าไม่ผิดละก็ สิ่งนี้น่าถูกสร้างขึ้นที่เมืองซูโจว “

ในขวดยานัตถุ์มีอักขระโปร่งใสขนาดเล็กเป็นแถว

“ผลิตโดย Suzhou Crafts Factory”

“ ฉันอ่านหนางสือไม่ออก ใครจะไปรู้ว่ามีอะไรเขียนไว้บ้าง” เจ้าของร้านเห็นท่าไม่ดี ก็ไม่สนใจจะขายของอีกต่อไปและในขณะที่ยิ้มเยาะเขาก็ห่อผ้าเก็บของ ม้วนเสื่อน้ำมันเตรียมจะหนีไป

ครั้งนี้เซียวฉางควนได้สติคืนมาอย่างสมบูรณ์และเขาโมโหมากที่เป็นเหมือนลิงที่ถูกหลอก

เขาคว้าคอเจ้าของร้านและตะโกนด้วยความโกรธ

“ไอ้คนลวงโลก เอาเงินฉันคืนมา”

“เงินอะไร ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน” เจ้าของร้านพยายามดิ้นรน จนของในเสื่อน้ำมันที่เขาถืออยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองแดงปลอมและม้าหยกปลอมก็ต่างหล่นลงมา

ม้าหยกที่ตกลงบนพื้นโดยไม่แตกหักดูเหมือนว่าจะถูกทำจากพลาสติกแข็ง

“ ถ้าแกไม่คืนเงิน ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!” เซียวฉางควนตะโกนจนปอดแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ

ระหว่างพวกเขาดึงยื้อกันอยู่นั้น จู่ ๆ มีสิ่งหนึ่งตกลงมาจากแขนของเจ้าของร้าน

วินาทีที่สิ่งนี้ตกลงมา เย่เฉินก็ขมวดคิ้วทันทีและจ้องไปยังเจ้าสิ่งนั้นที่นิ่งอยู่บนพื้น

สิ่งนี้คือก้อนกรวดสีขาวขนาดเท่ากำปั้น ลักษณะเหมือนกับก้อนกรวดบนแม่น้ำหรือชายหาด สีเทา ๆ เรียบ ๆ ทั่วไป

แต่ความแตกต่างอย่างหนึ่งคือมีคำสองสามคำที่สลักไว้บนก้อนหินนี้คือ ปลอดภัยและร่ำรวย!

แบบอักษรที่สลักมีลักษณะหยาบ มองแวบแรกก็รู้ว่าถูกแกะสลักด้วยมือ

หินสลักชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปและมันก็ไม่ได้มีราคาเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของร้านไม่ได้นำมันออกมาวางในตอนแรก

แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเย่เฉินก้าวไปหยิบหินก้อนนั้นขึ้นมา เลือดทั่วร่างกายของเขาก็เดือดพล่าน

ตอนนี้เขารู้สึกถึงลมหายใจที่แตกต่างจากของเก่าชิ้นนี้!

ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นเหมือนพลังงานสนามแม่เหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งสร้างแรงดึงดูดอย่างมากให้กับเขา

เย่เฉินรู้ดีว่า นี่ควรเป็นเรกิที่ถูกบันทึกไว้ใน “ตำราเก้าเสวียนเทียน”!

เรกิเป็นพลังงานลึกลับที่สูญหายไปเป็นเวลานานมันไม่เพียงสามารถเปลี่ยนสมรรถภาพทางกายของบุคคลได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยังสามารถส่งผลมหัศจรรย์ต่อคนทั่วไปได้อีกด้วย

เย่เฉินดีใจมากชั่งน้ำหนักก้อนกรวดในมืออย่างใจเย็นและถามว่า “นี่ของคุณหรือเปล่า”

เจ้าของร้านตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ใช่”

“ หินก้อนนี้ขายยังไง?”

เซียวชางควนแปลกใจและถามว่า “ทำไมถึงจะซื้อไอ้หินแตก ๆ นี่! แกไม่รู้เหรอว่า ไอ้นี่มันขายของปลอมทั้งหมด!”

“มันเป็นแค่เศษหิน ไม่เป็นไรซื้อมาสักก้อนแล้วเอาไปไล่โชคร้าย ” เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

เจ้าของร้านถือโอกาสผละออกจากมือของเซียวฉางควนและเย้ยหยันเย่เฉิน “เจ้าต้องการซื้อจริง ๆ หรือ?”

เย่เฉินพยักหน้า “ซื้อจริง ๆ !”

ทันใดนั้นเจ้านายก็ดูมีพลังและพูดจาอย่างฉะฉานขึ้นมา “พี่ชายคุณเป็นคนมีสายตาแหลมคมมากจริง ๆ อย่ามองว่ามันเป็นแค่ก้อนกรวดธรรมดา ที่มาของมันธรรมดาสักนิด มันถูกวางไว้ในห้องหนางสือของจักรพรรดิเฉียนตี้ บนตราประทับกระดาษ … ”

เย่เฉินไม่มีเวลาฟังคำพูดไร้สาระของเจ้าของร้าน จึงขัดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน เข้าประเด็นเลยดีกว่า!”

เจ้าของร้านหัวเราะร่าและพูดว่า “เนื่องจากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว สองหมื่นหยวน”

เย่เฉินมองอย่าเหยียดหยาม “แกคิดจะค้ากำไรมากเกินไปแล้ว สามร้อยหยวน! ถ้าไม่ขายฉันจะเรียกตำรวจมาจับแกแล้ว”

“สามร้อย” เจ้าของร้านถอนหายใจและพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง “พี่ชายคุณเป็นคนที่รู้จักสินค้าดีจริง ๆ สามร้อยก็สามร้อย”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกำหินไว้ในมือของเขา

เซียวฉางควนงงงวยเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องซื้อหินแตก ๆ นี่ ขณะที่เขากำลังจะถามคำถามเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นข้าง ๆ เขา

“ก้อนหินก้อนนี้ดีไม่น้อย ฉันต้องการมัน!”