เล่ม 1 ตอนที่ 375 อย่าดื้อ รอข้ากลับมา

ราชินีพลิกสวรรค์

ไม่นึกเลยว่าจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนก็คือทาสสาวธรรมดาๆ คนนั้นที่อยู่ข้างกายลู่เสวียนและก็คือคนที่ตระกูลไป๋เซี่ยงพลิกแผ่นดินตามหากันให้วุ่นไปหมด

หลังจากที่รู้ความลับนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมตัวแข็งทื่อ แม้แต่ลูกตายังไม่กลิ้งกลอก

“นี่! เหวินเหรินชิ่งชิ่ง” ลู่เสวียนเห็นท่าทางที่นิ่งไปของนางจึงตะโกนเรียกแต่กลับยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง นางทำได้เพียงมองเจียงหลีแล้วถามว่า “นางคงไม่ตกใจจนโง่ไปแล้วใช่ไหม”

“เจ้าสิโง่!”

ใครจะรู้เจียงหลียังไม่ทันตอบ เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ตะโกนขึ้นมาดังจนหูของลู่เสวียนอื้อไปเลย

“ซี๊ดด!” ลู่เสวียนเอามืออุดหู ถอยห่างจากทั้งสองคนแล้วด่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าเป็นบ้ารึ! คนบ้า!”

เหวินเหรินชิ่งชิ่งกลับไม่สนใจเขา เพียงแต่กลั้นหายใจเบิกตาโตแล้วมองไปยังเจียงหลี

จริงสิ นางสามารถปลอมเป็นเจวียนเอ๋อร์ได้เหมือนจนแม้แต่ข้าก็มองไม่ออก ปลอมเป็นคนอื่นก็คงไม่ต้องพูดถึงกระมัง เหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ้มเจื่อน

ที่น่าขันคือจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนได้ไปเยือนเป่ยโหรวมาแล้วแต่ไม่มีใครรู้เลย อีกทั้งฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวยังคิดจะร่วมมือกับลู่เสวียนจัดการนางทั้งภายในและภายนอก

ทันใดนั้นสีหน้าของเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็เปลี่ยนไปแล้วพูดเสียงเบาออกมาว่า “แล้วคุณชายจิ่ง”

นางเดาอะไรได้บางอย่างแต่สุดท้ายก็หุบปาก เพียงแต่ความตะลึงในแววตาของนางยากที่ปิดบังได้

เจียงหลียิ้ม “ชิ่งชิ่ง เจ้ามาถึงที่นี่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรื่องราวในอดีตทั้งหมดก็ลืมมันไปเสียเถิดนะ”

แววตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งมีความเหม่อลอย

จริงสิที่นางตอบตกลงจะจากเป่ยโหรวมา ไม่ใช่เพื่อจะตัดขาดกับเรื่องราวในอดีตหรอกหรือ

เมื่อในใจปล่อยวาง เหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ้มออกมา “ข้าเพียงแต่คิดไม่ถึงและตกใจที่จักรพรรดินีจยาเซียนแห่งดินแดนใต้หนานฮวงจะเคยปลอมตัวเป็นสาวใช้อยู่ข้างกายข้า”

“ไม่ว่าฐานะของข้าจะเป็นอะไร พวกเราก็คือสหายกัน” เจียงหลีพูดอย่างจริงใจ เรื่องราวมากมายที่เจอมาในเป่ยโหรว เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่เคยไม่ช่วยเลย คอยอยู่เคียงข้างพวกเขามาตลอดถึงขนาดเล่าความลับที่อยู่ลึกๆ ในใจให้นางฟัง

ความสัมพันธ์เช่นนี้ จะยังเรียกว่าเพื่อนไม่ได้อีกรึ?

“สหาย…อย่างนั้นหรือ เจ้ายอมรับข้าเป็นเพื่อนจริงๆ หรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งประหลาดใจเล็กน้อย

เจียงหลีเลิกคิ้ว “เพื่อนไม่ได้อาศัยการยอมรับ ถูกชะตาแล้วก็คือเพื่อนกัน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งดูซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น แววตาเปล่งประกายแล้วพยักหน้า “อืม พวกเราคือเพื่อนกัน!”

“มิตรภาพของเด็กผู้หญิงคนนี้ เข้าใจยากจริงๆ!” ลู่เสวียนดูอยู่ข้างๆ ยื่นมือออกมาเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ

เจียงหลีหันไปมองเขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ความฉลาดทางอารมณ์ของเจ้านี่ยังคงน่าเป็นห่วงจริงๆ นะ!”

“…” ลู่เสวียนที่จู่ๆ ก็โดนด่า แม้จะอัดอั้นตันใจแต่ก็ระบายออกมาไม่ได้

“ชิ่งชิ่ง เจ้าเพิ่งมาถึงราชวงศ์จยาเซียน อะไรๆ ก็ยังไม่คุ้นเคย อยากจะลองเดินเที่ยวดูก่อน หรือว่าอยากจะไปฝึกฝนที่สถาบันไป๋หยวนเลย เรื่องที่จะไปซีฮวง ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว นานสุดหนึ่งเดือน พวกเจ้าก็สามารถออกเดินทางได้” ท่าทางที่เจียงหลีปฏิบัติต่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งนั้นดีมากจริงๆ

ลู่เสวียนเบะปากแล้วยิ่งรู้สึกน้อยใจ

เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้สึกตะลึงในความเมตตาที่ได้รับ นางยังไม่ชินกับฐานะจักรพรรดินีของเจียงหลี ชั่วครู่เดียวก็ถามอย่างเข้าใจความคิดนางเช่นนี้ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะคิดแทนอีกฝ่าย “แต่ว่าขบวนส่งเจ้าสาวยังอยู่จะไม่สนใจอะไรเลยหรือ”

“สนอะไร เจ้าไม่ได้จะให้ข้าแต่งงานกับเจ้าจริงๆ หรอกใช่หรือไม่” ลู่เสวียนพูดอย่างจริงจัง

“เจ้าหุบปากไปเลย!”

“เจ้าหุบปากไปเลย!”

เจียงหลีและเหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดขึ้นมาพร้อมกัน

ทำให้ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้มออกมาแต่ว่าลู่เสวียนกลับยิ่งไม่พอใจทำได้เพียงคุกเข่าโมโหอยู่กับพื้น

เจียงหลีถามเหวินเหรินชิ่งชิ่งแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ มาถึงราชวงศ์จยาเซียนแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์จะทำอะไร ตอนที่พวกเจ้าไปถึง ทางเป่ยโหรวนั้นก็คงได้ข่าวพอดี ช่วงนี้ฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวก็กำลังยุ่งอยู่กับการปะทะกับตระกูลไป๋เซี่ยงอยู่ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของเจ้าหรอก”

“เช่นนั้น ข้าก็เอาตามที่เจ้าว่าทั้งหมด” เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่ได้ลังเลอะไร เผยแววตาที่เชื่อมั่นในตัวเจียงหลีออกมา

“ดี” เจียงหลีพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็ไปพักอยู่ที่สถาบันไป๋หยวน ถ้าอยากออกมาเดินเล่นก็เรียกลู่เสวียน ถ้าไม่อยากก็ฝึกฝนอยู่ในสถาบัน อาจารย์ในสถาบันล้วนแต่ดีมาก มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามพวกเขาได้”

“ทำไมอะไรๆ ก็ข้า” ลู่เสวียนพูดด้วยความน้อยใจ

เจียงหลียิ้มตาหยีแล้วมองเขา “รับใช้สาวงามถือเป็นงานที่มีเกียรติ”

“ไม่ต้องก็ได้” เห็นท่าทางที่ปฏิเสธของลู่เสวียน เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดอย่างอวดดี

เจียงหลีกลับพูดโน้มน้าวอย่างอดทน “เจ้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับอะไรทั้งหมดที่นี่ มีลู่เสวียนอยู่เป็นเพื่อน อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก”

เหวินเหรินิชิ่งชิ่งกัดปาก ทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง

ฟังคำอธิบายของเจียงหลีแล้ว ลู่เสวียนก็ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เจียงหลีไปส่งทั้งสองคนไปสถาบันไป๋หยวนด้วยตัวเอง แต่ว่ากลับไม่ได้เข้าประตูสถาบันไป รอพวกเขาลงจากรถม้าแล้ค่อยกลับพระราชวัง

เพียงแต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงก็คือพอนางกลับมาถึงตำหนักหวงจี๋ ลู่เจี้ยที่หายไปเดือนหนึ่งกลับปรากฏตัวแล้ว

นางเก็บความความตื่นเต้นในตอนแรกเอาไว้ เพราะว่าเขาหายไปนาน เจียงหลีทำหน้านิ่ง แล้วเดินเขาไปใกล้เขา แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมวันนี้มหาเทพตี้จวินถึงได้ว่างมาหาข้าได้ แต่ว่าข้างานยุ่งมาก คงไม่มีเวลามานั่งคุยเล่นกับมหาเทพตี้จวินหรอก”

“มานี้” จักรพรรดิเซ่าตี้นั่งลงบนบัลลังก์มังกรแล้วกวักมือเรียกนางให้เข้าไปหา

เจียงหลีกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับแล้วพูดประชดว่า “ข้าจะเดินไป เพียงแต่มหาเทพตี้จวินนั่งอยู่บนที่นั่งของข้า รบกวนท่านหลบไปหน่อย”

เจียงหลีเพิ่งพูดจบก็เหมือนมีพลังบางอย่างพันอยู่รอบเอวนางแล้วก็ยกนางขึ้นกลางอากาศ เหมือนว่าถูกเมฆดึงขึ้นไปอย่างระมัดระวังและก็ลอยตรงไปหาเซ่าตี้

ชั่วพริบตา นางก็ตกลงในอ้อมกอดของเขาอย่างปลอดภัย

“เจ้า!” เจียงหลีแววตาโกรธเล็กน้อย แต่ในตอนที่เห็นดวงตาที่แวววาวคู่นั้นของเขา ก็เคลิบเคลิ้มกับดวงตาที่แววตาเหมือนดั่งแสงจันทร์ของเขา

“หลีเอ๋อร์ ข้าจะไปเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว” จักรพรรดิเซ่าตี้พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบผิดปกติ

เจียงหลีแข็งทื่อไปทั้งตัว แล้วค่อยๆ ได้สติกลับมา “จริงหรือ”

จักรพรรดิเซ่าตี้พยักหน้า

“บอกเหตุผลที่ท่านต้องเกิดใหม่อยู่ตลอดให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่” เจียงหลีรู้ว่าคงไม่ได้คำตอบ แต่ก็ยังไม่เลิกคิด อยากจะถามดู

เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เซ่าตี้สายหัว

เจียงหลีรู้สึกอึดอัดใจ นางอยากจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นคงบอกข้าได้ใช่หรือไม่ว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ท่านจะไปเกิดที่ไหน” เกิดใหม่อย่างนั้นหรือ นางไม่กลัวหรอก นางต้องหาเขาให้เจอ ให้เขาเป็นของนางได้เพียงคนเดียว ตั้งแต่ชาติที่แล้ว และทุกๆ ชาติต่อจากนี้!

“ไม่ต้องรู้หรอก การเกิดใหม่ครั้งนี้ ข้าไม่ได้เกิดในดินแดนทั้งเก้าจิ่วฮวงหรอก” จักรพรรดิเซ่าตี้พูด

“ทำไม!” เจียงหลีเกือบจะลุกออกมาจากอ้อมกอดของเขา

“ใจเย็นๆ” มือใหญ่ๆ ของเซ่าตี้ค่อยๆ ลูบลงบนหัวของนาง “ความเจ็บปวดของการพรากจากกัน ครั้งเดียวก็พอแล้ว”

“…” เจียงหลียิ่งไม่สบายใจ ในตอนที่ลู่เจี้ยจากไปความรู้สึกเจ็บปวดสุดหัวใจ นางยังจำได้อย่างชัดเจน แต่ว่าถ้าเขาไม่ได้เกิดใหม่ในจิ่วฮวง

……………………….