ตอนที่ 747

Elixir Supplier

“เรื่องนี่มันแน่อยู่แล้ว ที่น้องชายของลูกชายต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ นอกจากฝีมือของคนพวกนั้นแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

“ผมขอคิดดูก่อนนะครับ” ลูกชายของเธอพูด

 

ตระกูลซุนเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำธุรกิจในระดับนั้น แต่พวกเขายังมีเรื่องของความสัมพันธ์และเส้นสายที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนอยู่ด้วย ซึ่งไม่สามารถพูดอธิบายจบในประโยคเดียวได้ ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดว่า พวกเขาก้าวร้าวเกินไป ถึงระหว่างสองตระกูลจะมีความขัดแย้งกันอยู่ แต่ตระกูลโฮ่วก็ถือได้ว่ามีความทะเยอทะยานและเหนือชั้นกว่า

 

หลังเดินออกมาจากห้อง เขาก็ต้องถอนหายออกมา เรื่องนี้เขาคงต้องเอาไปปรึกษากับพ่อของเขาก่อน มันคือความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทั้งสองฝ่าย ใครจะรับประกันได้ว่า อีกฝ่ายจะไม่ได้ซ่อนอาวุธลับอะไรเอาไว้?

 

ถ้าเสือสองตัวต่อสู้กัน ต้องมีหนึ่งในนั้นที่เจ็บหนัก และอาจจะเจ็บหนักกันทั้งคู่ก็เป็นได้ คนที่จะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คือมือที่สาม บางที เบื้องหลังความขัดแย้งของสองตระกูลอาจจะมีมือมืดที่คาดไม่ถึงคอยกวนเรื่องให้ขุ่นอยู่ก็เป็นได้

 

 

ภายในหมู่บ้านกลางเขา ครอบครัวของหวังเย้ากำลังทานอาหารเย็นและดูข่าวพยากรณ์อากาศด้วยกันอยู่

 

การพยากรณ์อากาศแสดงให้เห็นว่า กำลังจะมีพายุใต้ฝุ่นพาดผ่านจังหวัดฉี ในพื้นที่บริเวณนี้จะมีทั้งลมฝน ฟ้าผ่าและสภาพอากาศที่เลวร้าย

 

“ต้นไม้ที่ลูกปลูกจะไม่เป็นอะไรเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

 

“น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ” หวังเย้าพูด

 

ถึงมีจะมีลมแรงพัดผ่าน แต่ก็มาแค่ทางทิศใต้ทิศเดียวเท่านั้น มันจึงไม่ส่งผลกับจุดสำคัญของต้นไม้เหล่านั้น เมื่อลมพายุพัดผ่านตัวจังหวัดมาแล้ว กำลังลมก็จะอ่อนลงไปด้วย แถมที่ยอดเขาก็ยังมีค่ายกลที่ค่อยปกป้องเนินเขาอยู่

 

เช้าตรู่ของอีกวัน เมี่ยวซานติงเดินทางมาถึงหมู่บ้านพร้อมกับแบบแผนและไปพบกับหวังเย้า

 

หลังจากที่หวังเย้าได้ฟังคำอธิบายของเขาแล้ว หวังเย้าก็ใช้ความคิดพิจารณาอย่างระมัดระวัง เมี่ยวซานติงต้องการจะปรับเปลี่ยนหยินหยางและเปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยของพื้นที่บริเวณนั้นไปโดยสิ้นเชิง โดยที่เขาจะใช้ดิน, หิน, ต้นไม้, และสระน้ำสำหรับการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้

 

“คุณเอาน้ำไว้ตรงนี้ มันจะไม่ทำให้พิษแพร่กระจายออกไปเหรอครับ?” หวังเย้าชี้ไปที่จุดหนึ่งในแผ่นที่

 

“ผมคิดเรื่องนั้นไว้แล้ว” เมี่ยวซานติงพูด “เรื่องนี้เป็นไปได้ ครั้งก่อน คุณได้บอกเอาไว้ว่า จุดที่กระจายพิษถูกปิดกั้นเอาไว้แล้ว ดังนั้น น้ำที่ไหลก็จะไหลผ่านไปทางน้ำแร่บนเนินเขาหนานชาน ก่อนที่จะไหลผ่านภูเขาและลงไปถึงแม่น้ำในหมู่บ้าน ถึงจุดนี้ พิษก็คงจะเจือจางลงไปเยอะแล้ว”

 

“ผมไม่รับประกันนะครับ ว่าจุดที่มีพิษจะปิดกั้นเอาไว้ได้ทั้งหมด” หวังเย้าพูด “ส่วนเรื่องที่จะให้น้ำไหลผ่านไปที่จุดอื่นนั้น เราคงต้องใช้ความระมัดระวังมาก”

 

แมลงส่วนใหญ่ถูกกำจัดไปแล้ว แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่า มีแมลงหนึ่งหรือสองตัวที่สามารถหนีรอดไปได้ หวังเย้าไม่สามารถรับประกันได้ว่า ทุกอย่างจะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เรื่องนี้จึงค่อนข้างเสี่ยง ถ้าหากมีความเสี่ยงอยู่ มันก็ไม่สามารถนำมาใช้งานจริงได้

 

“ไม่ใช่ว่า แมลงพวกนั้นกลัวน้ำหรอกเหรอครับ?” เมี่ยวซานติงถาม

 

“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด

 

ในระหว่างการทดลองของเขานั้น เมื่อถูกนำไปแช่ไว้ในน้ำ พวกเขาก็จะเคลื่อนตัวหนีอย่างรวดเร็ว

 

“ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผล เราก็ใช้อีกวิธีหนึ่งก็ได้” เมี่ยวซานติงรีบพูดถึงวิธีการที่สองที่เขาคิดขึ้นมา

 

ความแตกต่างระหว่างแผนแรกกับแผนที่สองก็คือ มันไม่มีเรื่องของน้ำเข้ามาเกี่ยว แต่จะมีการเพิ่มต้นไม้ ซึ่งจะใช้เพื่อปิดทางลม

 

“ครั้งก่อน ตอนที่ผมขึ้นไปบนเนินเขาซีชาน ผมรู้สึกว่า ลมตรงจุดนี้พัดแรงมาก” เมี่ยวซานติงชี้ไปตรงจุดหนี่งบนแผนที่

 

“ใช่ครับ ตรงนี้เป็นช่องที่ลมผ่าน” หวังเย้าพูด

 

เขาเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านนี้ ดังนั้น เขาจึงรู้ในเรื่องที่คนนอกไม่รู้ในหลายๆเรื่อง มีสถานที่หนึ่งบนเนินเขาทางทิศตะวันตกที่จะมีลมแรงตลอดทั้งปี จนกลายเป็นช่องลมตามธรรมชาติในเวลาต่อมา

 

สายลมนั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น และโลกใบนี้ก็กว้างใหญ่ ความคิดของหวังเย้าลอยไปไกล

 

หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า “คุณลองวิธีนี้ดูก็ได้ครับ”

 

“โอเค งั้นเรามาลองกัน” เมี่ยวซานติงแอบถอนหายใจออกมา

 

“คุณบอกมาได้เลยว่าต้องใช้ต้นไม้กี่ต้น แล้วผมจะติดต่อคนขายเอง” หวังเย้าพูด

 

“ผมยังไม่ได้คำนวณเลย” เมี่ยวซานติงพูด “แต่มันจะดีที่สุด ถ้าปลูกไปด้วย แล้วคำนวณไปด้วย”

 

จากนั้น หวังเย้าก็โทรไปหาหลี่ชื่อหยูเพื่อสั่งซื้อต้นไม้

 

“เอาเพิ่มอีกเหรอครับ?” หลี่ชื่อหยูประหลาดใจ

 

หวังเย้าถือเป็นลูกค้าชั้นดีที่เขาชื่นชอบอย่างมาก ภูเขาทางทิศใต้ก็มีต้นไม้ปลูกจนเต็มแล้ว เขาคิดไม่ออกจริงๆว่า หวังเย้าจะรีบสั่งต้นไม้เพิ่มไปทำอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ลงมือเตรียมสินค้าในทันที

 

 

ไกลออกไปหลายพันไมล์ มีแขกคนหนึ่งเดินทางมาที่บ้านของตระกูลซู

 

“ฉันขอฝากเธอด้วยนะ” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

“ฉันคงพูดได้แค่ว่า การขอให้เขาช่วยจะได้ผลดีมาก แต่เขาก็มีกฎเกณฑ์แปลกประหลาดอยู่สักหน่อยนะคะ” ซงรุ่ยปิงพูด

 

แขกที่มาหาในครั้งนี้ ทำให้เธอแปลกใจมาก ถึงแม้ทั้งสองจะอาศัยอยู่ในปักกิ่งเหมือนกัน แต่การติดต่องานหรือไม่ได้อยู่สาขาเดียวกัน ทำให้คนทั้งสองพบเจอกับน้อยครั้ง แต่แล้วอยู่ๆ คุณผู้หญิงของตระกูลโฮ่วก็เดินทางมาที่บ้านของตระกูลซง พร้อมกับจุดประสงค์ที่คาดไม่ถึง

 

เธอมาเพราะลูกชายของเธอที่ป่วยด้วยโรคประหลาด เธอเสาะหาการแพทย์ไปทั่วทุกสารทิศ เธอได้รู้ว่ามา หวังเย้านั้นมีฝีมือการรักษาที่เก่งกาจ ดังนั้น เธอจึงมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากซงรุ่ยปิง

 

หลังจากดื่มชาไปได้หนึ่งถ้วยและพูดคุยกันสองสามประโยค แม่ของโฮ่วชื่อต๋าก็ขอตัวกลับ

 

หาหมอมารักษาอย่างนั้นเหรอ? ซงรุ่ยปิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง

 

ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นมาหาเธอถึงที่บ้าน เธอก็คงต้องช่วย ส่วนหวังเย้าผู้ที่อาจจะกลายเป็นลูกเขยในอนาคตของเธอนั้น แค่คิดเธอก็รู้สึกอับจนหนทางขึ้นมาไม่ได้

 

กฎที่เขาตั้งขึ้นมานั้นแปลกประหลาด จากการที่ได้คุยกับแม่ของโฮ่วชื่อต๋าก่อนหน้านี้ ซงรุ่ยปิงก็มั่นใจว่า พวกเขาได้ไปพบกับหวังเย้ามาก่อนแล้ว เธอไม่รู้ว่า ทำไมพวกเขาถึงได้ถูกปฏิเสธมา แต่ถ้าเกิดความพอใจหยั่งรากลึกลงไปแล้ว มันคงจะเป็นเรื่องยากที่เธอจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นได้

 

ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เธอได้รู้เรื่องของโฮ่วชื่อต๋ามาพอสมควร เขาเป็นคนเสเพลที่ใช้ประโยชน์จากอำนาจของทางบ้านไปทำเรื่องเลวร้ายมากมาย

 

“นี่มันยุ่งยากจริงๆ” ซงรุ่ยปิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ

 

“มีเรื่องอะไรเหรอคะ คุณแม่?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ลูกกลับมาแล้ว” เมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวซวีกลับมาแล้ว ซงรุ่ยปิงก็ปัดปัญหาต่างๆทิ้งไปในทันที ในความคิดของเธอนั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกสาวของเธอแล้ว “ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะจ๊ะ?”

 

“คอสที่ลงเรียนจบแล้วค่ะ สองวันนี้หนูก็เลยว่าง” ซูเสี่ยวซวีตอบ

 

“นั่งลง แล้วดื่มน้ำก่อนสิจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด “ข้างนอกร้อนไหมจ๊ะ?”

 

“ไม่ร้อนค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยรอยยิ้ม

 

สภาพอากาศในเมืองหลวงค่อนข้างร้อน เมื่อไม่กี่วันก่อนมีฝนตกลงมา จากนั้นอากาศก็เริ่มร้อนขึ้น และทำให้ความชื่นในอากาศเพิ่มสูงตามไปด้วย การเดินอยู่ด้านนอกก็ไม่ต่างจากการนั่งอยู่ในซาวน่า สภาพอากาศแบบนี้มักจะทำให้คนรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งต่างจากเวลาที่อากาศร้อนและแห้ง ความชื่นที่สูงทำให้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยไอน้ำ

 

การฝึกกังฟูทำให้ซูเสี่ยวซวีต่างออกไป เธอเปลี่ยนจากเด็กสาวร่างกายอ่อนแอใกล้ตาย ไปสู่การเป็นเด็กสาวที่ร่างกายแข็งแรงในระดับเดียวกับคนปกติทั่วไป ถึงแม้เธอจะยังไปไม่ถึงระดับเดียวกับหวังเย้า แต่สภาพอากาศที่ร้อนแบบนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตัวเธอเลย

 

“ถ้าอย่างนั้น สองสามวันนี้ลูกคิดจะทำอะไรจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“หนูอยากจะไปหาหมอหวังค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด เธอไม่ได้เจอหน้าหวังเย้ามาพักหนึ่งแล้ว และเธอก็คิดถึงเขามาก

 

“ลูกจะไปทำอะไรที่นั่นกัน?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

การที่ผู้ชายไล่ตามหญิงสาวถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งต่างจากยัยเด็กโง่ตรงหน้าเธอที่ไล่ตามผู้ชายแทน

 

“หนูก็ยังไม่แน่ใจหรอกค่ะ แต่หนูจะรีบขึ้นเครื่องและไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุดเลย” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“จ๊ะ พาชูเหลียนไปกับลูกด้วยล่ะ” ซงรุ่ยปิงคงเป็นกังวล ถ้าลูกของเธอต้องเดินทางไปที่นั่นคนเดียว

 

“ค่ะ คุณแม่” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“แล้วลูกจะไปตอนไหนจ๊ะ?” ซงรุ่ยปิงถาม

 

“พรุ่งนี้บ่ายค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “หนูเช็คดูแล้ว ว่าบ่ายนี้มีไฟลท์ไปเมืองเต๋าอยู่”

 

“จ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด “เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมข้าวเที่ยงให้ลูกกินนะจ๊ะ ลูกผอมลงไปนิดหน่อยแล้วนะเนี่ย”

 

“หนูไม่ได้ผอมลงสักหน่อย” ซูเสี่ยวซวีพูด “แล้วหนูก็อ้วนมากไม่ได้ด้วย เด็กผู้หญิงอ้วนไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะคะ”

 

“จริงด้วย แม่มีเรื่องจะพูดกับลูกเรื่องหนึ่ง” ซงรุ่ยปิงบอกซูเสี่ยวซวีถึงเรื่องที่มีแขกมาเยี่ยมบ้านในวันนี้

 

“หนูจะลองถามหมอหวังดูนะคะ แต่ชื่อเสียงของโฮ่วชื่อต๋าไม่ได้ดีเลยสักนิดเดียว” ซูเสี่ยวซวีพูด เธอไม่ใช่เด็กเรียนที่เอาแต่สนใจอ่านหนังสือเรียนอยู่ที่มหาลัยอย่างเดียว แต่เธอยังตามเรื่องข่าวซุบซิบอยู่บ้าง

 

“ลูกไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องนี้มากหรอกนะจ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพูด “ถ้าเขาไม่อยากรักษาพวกเขา ก็ตามนั้น แม่ว่า พวกเขาน่าจะไปที่นั่นมาแล้ว แต่โดนเขาปฏิเสธมา”

 

หลังจากที่คุยกับแม่ของเธออีกเล็กน้อย ซูเสี่ยวซวีก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องและโทรหาหวังเย้า

 

“เสี่ยวซวี เธอไม่ไปมหาลัยเหรอ?” หวังเย้าถามน้ำเสียงอ่อนโยน หลังจากได้รับสายจากเธอ เขาก็หยุดงานในมือทันที

 

“ไม่ค่ะ คลาสวันนี้หมดแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูด “คุณยุ่งอยู่รึเปล่าคะ?”

 

“อืม ตอนนีผมอยู่ที่คลินิก” หวังเย้าพูด

 

“สองสามวันนี้ คุณไม่ได้เข้าไปในเมืองหรอกเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งไปที่หงโจวมา แต่ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านได้พักหนึ่งแล้ว” หวังเย้าพูด

 

“หงโจว? คุณไปทำอะไรที่นั่นเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ไปจัดการกับปีศาจน่ะ” หวังเย้าพูด

 

“จริงเหรอคะ?” เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ดวงตาของซูเสี่ยวซวีก็เป็นประกายขึ้นมา

 

“จริงสิ มันเป็นเรื่องจริงแน่นอน” หวังเย้าพูด

 

“ถ้ามีเวลา คุณช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังจะได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

เธอไม่ได้บอกหวังเย้าว่า พรุ่งนี้เธอจะเดินทางไปหาเขา เธออยากจะทำให้เขาแปลกใจเล่น

 

หลังจากที่คุยกันได้สักพัก ทั้งสองก็วางสาย หวังเย้ากลับไปรักษาคนไข้ของเขาต่อ

 

เย็นของอีกวันหนึ่ง ในตอนที่หวังเย้าอยู่ที่บ้านของเขานั้น เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

 

“ใครครับ?” หลังจากที่เสียงเคาะประตูหยุดลง ก็มีคนเดินเข้ามา

 

หวังเย้าเดินออกไปเปิดประตู จากนั้นก็มีกลิ่นหอมที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูก เมื่อเปิดประตูออก เขาก็เห็นหญิงสาวที่งดงามราวภาพวาดเดินตรงเข้ามา

 

“เสี่ยวซวี ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” หวังเย้ามีความสุขมาก

 

“ฉันไม่มีคลาสเรียนสองวันค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด “แล้วฉันก็อยากจะฟังเรื่องที่คุณจัดการกับปีศาจที่หงโจวด้วย”