กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 462
กู้ชูหน่วนวางเงินลงบนโต๊ะ เตรียมจากไป ทว่ากลับได้ยินเสียงเถ้าแก่โรงน้ำชาโอดครวญ

“เนื้อหมูของข้า เนื้อปลาของข้า และยังมีเนื้อกระต่ายของข้าอีก ไปไหนกันหมด เมื่อครู่ยังอยู่ที่นี่เลย หมาตัวใดขโมยเนื้อของข้าไป นี่มันของสำคัญเท่าชีวิตข้าเชียวนะ”

สีหน้าเถ้าแก่โรงน้ำชาร้อนรุ่มกลุ้มใจ หลังผ่านการหาหลายรอบแล้วไม่เจอ จึงนั่งร้องห่มร้องไห้บนพื้น

“ภรรยาข้าใกล้คลอดแล้ว ข้าหวังจะขายเนื้อเก็บเงินเพื่อเลี้ยงดูบุตร ตอนนี้……ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว มิสู้ให้ข้าตายเสียเถอะ”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาสุกใสกวาดมองรอบกาย

ดังคาด…….

พลันเจองูตัวเล็กอยู่ในมุมหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเท่าตะเกียบเอง ทว่าท้องกลมโต กำลังทำหน้าชื่นตาบาน

กู้ชูหน่วนอยากบีบมันตายเหลือเกิน

ระหว่างทางก็ไล่ล่าหมูป่าแล้วย่างให้มันกินแล้ว ตอนนี้ยังกล้าขโมยของผู้อื่นอีก

กู้ชูหน่วนควานหาในร่างกาย จากนั้นก็หยิบเงินสิบตำลึงโยนให้เถ้าแก่โรงน้ำชา ก่อนจะคว้าเจ้างูเล็กกินจุขึ้น ต่อด้วยปีนขึ้นหลังม้าแล้วจากไป

เถ้าแก่โรงน้ำชาถือเงินด้วยความงวยงง เมื่อได้สติกลับคืนมาก็รีบคุกเข่าให้กู้ชูหน่วน พลางโขกศีรษะ

“ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง แม่นางช่างแสนดีเหลือเกิน”

“ฟ่อ ๆ ๆ ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงอย่างไม่สบอารมณ์

มันเจ็บหางจะตายอยู่แล้ว นายท่านช่างไม่รู้จักถนอมตนเลย

เขาจึงส่งเสียงคัดค้าน

กู้ชูหน่วนเขม็งตาใส่ปราดหนึ่ง ต่อด้วยโยนมันทิ้ง

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พลิกตัวกลับมากลางอากาศ ท่าทางคล้ายกับก้อนเมฆล่องลอยและสายน้ำไหลหลั่ง มันเหาะไปเกาหลังกู้ชูหน่วน จากนั้นก็คลานไปอยู่ในข้อมือนาง เพื่อจะหาท่านอนที่สบายเสียหน่อย

ทว่ากู้ชูหน่วนกลับโยนมันทิ้งอีกครั้ง

“ฟ่อ ๆ ๆ ”

นายท่าน งูก็มีความรู้สึกนึกคิดนะ

กู้ชูหน่วนถลึงตาใส่มัน

“ข้าทนเจ้ามานานแล้ว หากวันหน้ากล้าขโมยเนื้อผู้อื่นกินอีก ระวังข้าจะกินเจ้า”

“ฟ่อ ๆ ๆ ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขดตัวอยู่ในข้อมือนาง ไม่กล้าประท้วงอีก

“เจ้าไม่ใช่โม้ว่าตนเป็นราชาแห่งงูหรอกหรือ? เช่นนั้นลองระดมเหล่างูทั่วใต้หล้ามาช่วยข้าหาไข่มุกมังกรหน่อย”

“ฟ่อ ๆ ๆ ”

ไข่มุกมังกรไม่ใช่เนื้อ สั่งให้หาก็หาเสียเมื่อไหร่

มันเคยหาแล้ว แต่หาไม่เจอ

“ประการแรก เจ้าทำงานไม่เป็น ประการที่สอง หาไข่มุกมังกรไม่เป็น ประการที่สาม กินเยอะ กินฟุ่มเฟือย ต้องมีเนื้อมีปลาทุกมื้อ แล้วข้าเลี้ยงเจ้าไปทำไม”

“ฟ่อ ๆ ๆ ๆ”

นายท่าน ข้าล่าหมูป่าและกระต่ายเป็น ทั้งยังทำให้เตียงอุ่นได้ด้วย

“ไสหัวไป”

“ฟ่อ ๆ ๆ ”

นายท่าน ข้ายังได้เป็นสัตว์ประจำตัวท่านหรือไม่

“คิก……งั้นเจ้าลองให้ข้านั่งดูสิ”

กินไม่อิ่ม ไม่มีแรง

“เช่นนั้นก็หุบปาก”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หน้าเจื่อน

ทันใดนั้น มีงูหลายตัวตรงข้างทาง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีชีวิตชีวาในบัดดล พลางกระโดดลงไปแล้วส่งเสียงร้อง

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามองพวกมันปราดหนึ่ง ก่อนจะดึงบังเหียนให้ม้าหยุด

เจ้าตัวนี้นี่…….

ไม่ใช่เห็นงูตัวผู้แล้วส่งเสียงร้องด้วยความสนใจหรอกนะ

ไม่นานงูหลากสีก็จากไป

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คลานชูหางคล้ายกับจะมาขอของรางวัลกับกู้ชูหน่วน มันเขียนเลขสิบบนพื้น

กู้ชูหน่วนชักสีหน้า

“หมูสิบตัวหรือ? ฮ่า ๆ ต้องมีเหตุผลเข้าหูถึงจะได้”

“ฟ่อ ๆ ”

“ข้าเจอไข่มุกมังกรเม็ดที่หกแล้ว อยู่ที่ธารน้ำแข็งตรงขั้วโลกเหนือ”

กู้ชูหน่วนสะดุ้งกะทันหัน

“เจ้าพูดกระไรนะ? มั่นใจว่าเป็นไข่มุกมังกรเม็ดที่หกจริง ๆ หรือ?”

ใช่ เพื่อนข้าบอกเช่นนี้ ไม่ผิดแน่

“พาข้าไปประเดี๋ยวนี้”

ข้ารู้เพียงว่าอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ

ทว่าธารน้ำแข็งตรงขั้วโลกเหนือใหญ่ขนาดนั้น มันจะไปหาที่ไหน? “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ารู้ว่าไข่มุกมังกรสำคัญกับข้ามาก เจ้าบอกทุกอย่างที่รู้ให้ข้าฟัง”

“ฟ่อ ๆ ….อาฮวาบอกว่า เพื่อนของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน…….”

กู้ชูหน่วนย่นคิ้ว “หุบปาก พูดใจความสำคัญ”

“ก็ได้ ก็ได้ บรรพบุรุษของเพื่อนของเพื่อนของอาฮวาบอกว่า ขั้วโลกเหนือมีไข่มุกมังกร น่าจะเป็นเม็ดที่หกที่นายท่านต้องการหา ที่นั่นหนาวมาก พวกมันขึ้นไปไม่ได้ แค่ฟังผู้ใหญ่เล่าต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่”

กู้ชูหน่วนเกือบลมชัก

งูพวกนี้มีครอบครัวเป็นรุ่น ๆ ? และมีบรรพบุรุษด้วย?

โอ้โห นางเข้าใจผิดหรือเปล่า?

“นายท่านดูถูกงูไม่ได้นะ งูทั่วไปไม่มีสติปัญญา แต่ก็มีงูจำนวนมากที่มีสติปัญญา ฉลาดไม่น้อยกว่าพวกมนุษย์”

“ได้ เจ้าว่าเช่นไรก็เช่นนั้น หากช่วยข้าหาไข่มุกมังกรเม็ดที่หกเจอ อย่าว่าแต่หมูสิบตัวเลย ร้อยตัว กระทั่งพันตัวก็ให้ได้”

“ฟ่อๆ จริงหรือ”

“จริง”

“อยู่ที่ขั้วโลกเหนือ”

“ขั้วโลกเหนืออยู่ตรงไหน?”

“บนธารน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือ”

กู้ชูหน่วนเกือบหมดความอดทนกับงูโง่เง่าเบาปัญญาตัวนี้มาก

“พูดให้ละเอียดหน่อย ธารน้ำแข็งไหน?”

“เอ่อ……เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ทราบ นายท่านต้องไปหาเองแล้ว”

“……”

แกล้งนางหรือไร?

ขั้วโลกเหนือมีธารน้ำแข็งมากมายหลายที่ และใหญ่มากด้วย แล้วนางจะไปหาที่ไหน?

“ออ…. ใช่แล้ว นายท่าน อาฮวายังบอกว่า ธารน้ำแข็งนั่นเหมือนมีถ้ำเยอะ มีที่ก้นหน้าผา”

กู้ชูหน่วนหรี่ตาพลันมองไปยังทิศทางขั้วโลกเหนือ

ธารน้ำแข็ง?

ถ้ำ?

ใต้หน้าผา?

แปลกจังเลย……เหมือนนางจะเคยเห็นแผนที่ธารน้ำแข็งแบบนี้มาก่อน

ทันใดนั้น กู้ชูหน่วนตบขาตัวเอง

นางนึกออกแล้ว

ตอนประมูลของ เยี่ยจิ่งหานประมวลได้ม้วนหนังแกะโบราณ

ม้วนหนังแกะโบราณชิ้นนั้นเป็นภูมิทัศน์ยุคปัจจุบัน และบนม้วนโบราณเหมือนจะมีรูปธารน้ำแข็ง

ตอนนั้นนางยังรู้สึกว่าม้วนหนังแกะโบราณไม่ธรรมดา

ยามนี้ตรึกตรองดูแล้ว ใครจะบันทึกพิกัดภูมิทัศน์ยุคปัจจุบันบนม้วนโบราณ

นอกเสียจากคนนั้นก็ข้ามภพมา

และที่สำคัญจุดนั้นมีของล้ำค่าอยู่

ไข่มุกมังกรเป็นวัตถุอัศจรรย์ที่สุดในใต้หล้า ไม่แน่ว่าบนภาพนั้นจะบันทึกไข่มุกมังกรเม็ดที่หกไว้ก็เป็นได้

คนทะลุมิติอย่างนั้นหรือ?

นอกจากนาง……

ยังต้องมีคนอื่นทะลุมิติมาแน่

กู้ชูหน่วนพลิกกายขึ้นหลังม้าอย่างกระฉับกระเฉง นางหวดแส้ลงสะโพกม้าแล้วไปอย่างเร็วไว และได้ทิ้งไว้หนึ่งประโยค

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ รีบกลับไปที่จวนหานอ๋องด่วน”

“ฟ่อ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์รีบไปเกาะข้อมูลกู้ชูหน่วน พลางส่งเสียงพูด

“นายท่าน หมูสิบตัวล่ะ”

“ติดไว้ก่อน”

“ติดอีกแล้วหรือ ติดมากแล้วนะ เพิ่มดอกเบี้ยได้ไหม”

“ได้”

“จริงหรือ”

“รีบลงไปเลย ไม่ต้องติดตามข้าแล้ว”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงร้องอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ จากนั้นก็นอนบนข้อมือนางอย่างเชื่อฟัง

กู้ชูหน่วนพึ่งเข้ามาถึงตัวเมืองก็ถูกคนสะกดรอยตามเสียแล้ว

นางปรายตามองจึงรู้ว่าเป็นคนของเยี่ยจิ่งหาน จึงปล่อยให้พวกเขาไปแจ้งข่าว

“อุ๊ย หญิงงามจากที่ใด เจ้าเดินทางไกลมาเช่นนี้ คาดว่าคงมาตามหาผู้บ่าวสิท่า?”

คุณชายใส่อาภรณ์หรูหรากลุ่มหนึ่งมารุมล้อมนาง ซึ่งแววตาเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงในความอัปลักษณ์

“อย่าโทษที่ข้าไม่เตือนล่ะ รีบคุกเข่าให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้ แล้วเรียกลูกพี่สามคำ จากนั้นก็รีบไสหัวไป แล้วข้าจะไว้ชีวิตน้อย ๆ ของพวกเจ้า”

“เจ้าให้ข้าไสหัวไป? ฮ่าๆๆๆ ข้าฟังไม่ผิดใช่ไหม เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร?”