“พี่หยวน…เป็นคนที่ไม่สามารถเอาอะไรมาวัดได้เลยจริงๆ…”
เสี่ยวฮัวแทบจะยืนนิ่งไม่ได้ในตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสามัญสำนึกของเธอเกี่ยวกับโลกแห่งการบ่มเพาะได้ถูกพลิกกลับโดยการดำรงอยู่ของหยวน
“เธอโอเคใช่ไหมเสี่ยวฮัว เธอดูตกใจมากกว่าปกตินะ”
จู่ๆหยวนก็พูดกับเธอโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ทำให้เธอตกใจที่สุดก็คือตัวของเขาเอง เพราะการดำรงอยู่ของเขามันท้าทายสวรรค์เกินไป
“สะ…เสี่ยวฮัว สบายดี…”
เธอพยักหน้าตอบรับแล้วพูดต่อ
“แต่พี่หยวนนั่นแหละ ยังสบายดีจริงๆใช่ไหม ร่างกายของพี่รู้สึกอะไรแปลกๆหรือเปล่า เพราะพี่เพิ่งผ่านการพัฒนาสามครั้งในพริบตาเลยนะ”
“พี่รู้สึกดีมาก อันที่จริงพี่รู้สึกดีกว่าปกติด้วยซ้ำ!”
แล้วหยวนก็พูดต่อว่า
“เสี่ยวฮัวยังจำคริสตัลวิญญานที่พวกเราซื้อมาจากโรงประมูลได้ไหม เนื่องจากมันคล้ายกับแกนมอนเตอร์ เพราะฉะนั้นพี่อาจจะกินมันได้ก็ได้นะ?”
เมื่อเสี่ยวฮัวได้ยินหยวนพูดแบบนั้น เธอก็ส่ายหัวของเธอทันทีด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวเป็นอย่างมาก และเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงดุดันทันที
“ไม่แน่นอนพี่หยวน! พี่ไม่สามารถกิน คริสตัลวิญญาน ได้! มันมีพลังงานทางวิญญานพอๆกับพลังวิญญานของปรมาจารย์วิญญาน! และมันก็ไม่ได้มีอะไร เหมือนแกนมอนเตอร์เลยด้วย พี่หยวนจะระเบิดเป็นล้านชิ้นแน่ ๆ ถ้าพี่กินมันเข้าไป!”
“ถ้าเสี่ยวฮัวพูดแบบนั้นละก็…”
หยวนพูดด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยขณะที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับรสชาติของคริสตัลวิญญาน
ไม่กี่นาทีต่อมาเสี่ยวฮัวก็พูดขึ้นมาว่า
“พี่หยวนเขาจะกลับมาแล้ว”
หยวนหันไปมองที่ถ้ำและชายวันกลางคนก็ค่อยๆเดินออกมาจากถ้ำด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับว่าเขาสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตต่อไป
เมื่อหยวนเห็นความสิ้นหวังในดวงตาที่ว่างเปล่าของชายวัยกลางคน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจของเขา เขาเข้าใจว่าชายวัยกลางคนคนนี้รู้สึกอย่างไร
หลังจากใช้ชีวิตมาหลายปีในฐานะคนพิการที่ไม่สามารถแม้แต่จะลุกจากที่นอนของตัวเองได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้แต่คนที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังมีเรื่องที่ต้องเสียใจ นับประสาอะไรกับคนอย่างหยวนที่ยังไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการที่อยากจะจบชีวิตของเขาลงไป แต่ที่เขาตัดสินใจที่จะมีชีวิตต่อ ทั้งหมดก็เพราะน้องสาวของเขา
“ผู้ชายคนนั้น…เขาสูญเสียความตั้งใจในการมีชีวิตอยู่ไปแล้ว”
หยวนพึมพำเสียงเบา
“หากมีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อบรรเทาความเศร้านั้นให้กับเขาได้ละก็”
เสี่ยวฮัวส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดว่า
“ไม่มีอะไรที่พวกเราสามามารถทำให้เขาได้พี่หยวน นี่คือความจริงที่โหดร้ายสำหรับผู้ที่ไม่มีพลัง ผู้ที่อ่อนแอจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากินเข้าไป มีทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดแบบนี้ขึ้นได้ นั่นก็คือแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องคนที่เรารัก”
“…”
หยวนพูดไม่ออก แต่เขาก็เริ่มเข้าใจโลกนี้ดีขึ้นและเหตุผลที่ผู้คนในโลกแห่งนี้ฝึกพลังกันอย่างบ้าคลั่ง และยังเข้าใจอีกว่าทำไมผู้ฝึกพลังถึงกระหายอำนาจ
หากใครอ่อนแอพวกเขาจะประสบกับสถานการณ์เช่นเดียวกับชายวัยกลางคนคนนี้ ที่สูญเสียคนที่รักไป เพราะการดำรงอยู่ของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
และที่ไหนสักแห่งภายในใจของหยวนก็ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น ความปรารถนาที่จะปกป้องชีวิตอันสงบสุขที่เขากำลังใช้อยู่
“อา…ท่านยังอยู่ที่นี่…”
ชายวัยกลางคนหยุดอยู่ตรงหน้าหยวนและเสี่ยวฮัว
“ข้าเสียใจกับการสูญเสียของท่าน…ถ้าข้ามาที่นี่เร็วกว่านี้ละก็…”
หยวนถอนหายใจออกมายาวๆ
ชายวัยกลางคนส่ายหัวและพูดด้วยเสียงต่ำ
“ไม่นี่เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ถ้าเพียงข้าไม่พานางออกมาหาสมุนไพรในที่อันตรายแบบนั้นละก็”
“แต่สำหรับคนยากไร้อย่างพวกเรานี่ก็เป็นหนทางเดียวจะทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไป”
“แต่ยังไงก็ตาม ข้าขอโทษด้วยที่หลอกท่านเข้าไปในถ้ำของแมงมุมปีศาจ”
ชายวัยกลางคนคุกเข่าลงและกอดพวกเขาด้วยความรู้สึกจริงใจ และเขาก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหยวน
“ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ และไม่จำเป็นต้องขอโทษ ท่านก็แค่ทำให้สิ่งที่ท่านถูกบังคับให้ทำ ถ้าข้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับท่าน ข้าก็คงทำเช่นกัน”
หยวนพูดขณะที่ดึงชายคนนั้นขึ้นจากพื้น
“งั้นข้าขอขอบคุณท่านที่ช่วยสังหารแมงมุมปีศาจเพื่อล้างแค้นให้กับลูกสาวของข้าที่ตายไป…”
ชายวัยกลางคนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเขาก่อนจะหยิบต้นไม้ที่สวยงามซึ่งมีใบไม้หลากสีเจ็ดใบที่มีลักษณะคล้ายสายรุ้งออกมา
“นั่นคือสมุนไพรเจ็ดสีพี่หยวน!!”
เสี่ยวฮัวจดจำต้นไม้ที่สวยงามนี้ได้ทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะที่ดึงเสื้อของหยวน
“มันมีค่ามากเลยหรอ?”
“สมุนไพรเจ็ดสีเป็นยาหายากอย่างยิ่งไม่สามารถเติบโตได้ในโลกนี้! คนส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาแต่ก็ไม่ได้เห็นมัน เพราะมันเป็นสมบัติล้ำค่า”
เสี่ยวฮัวพูดอย่างตื่นเต้น
“ท่านแน่ใจแล้วหรอที่ต้องการจะมอบของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับข้า”
หยวนถามชายวันกลางคนด้วยความรู้สึกลังเลที่จะรับมันมา
“ท่านไม่ต้องการเงินหรอหากท่านขายมัน…”
ก่อนที่หยวนจะพูดจบชายวันกลางคนก็ส่ายหัวแลวพูดว่า
“ถ้าไม่มีลูกสาวข้าก็ไม่ต้องการเงินอีกต่อไปและยาวนี้ถูกพบโดยลูกสาวของข้า ข้่าแน่ใจว่าเธอ ก็ต้องการให้ท่านเช่นเดียวกัน”
“…”
“ได้โปรด ท่านรับไว้เถอะ”
ชายคนนั้นก้มศรีษะลงและยื่นแขนออกไปจนกระทั่งสมุนไพรเจ็ดสีอยู่ตรงหน้าของหยวน
เมื่อเห็นเช่นนั้นหยวนก็ถอนหายใจและยอมรับสมุนไพรเข้ามา
“ขอบคุณมาก…”
เมื่อหยวนยอมรับสมุนไพรเจ็ดสีแล้ว ชายวัยกลางคนก็โค้งคำนับให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไป
“หยุดก่อน!”
จู่ๆหยวนก็ตะโกนเรียกเขาให้หยุด
เมื่อชายคนนั้นหยุดเดินและหันหลังกลับมา หยวนก็โยนกระเป๋าใบเล็กให้กับเขาแล้วพูดว่า
“มันอาจจะไม่ได้มีอะไรเทียบเท่าได้กับของขวัญของท่าน แต่ข้าหวังว่าท่านจะใช้ชีวิตต่อไป”
ชายวัยกลางคนไม่พูดอะไร เขาทำเพียงพยักหน้าและเดินหายเข้าไปในป่า
“พี่ไม่รู้ว่าในกระเป่านั้นมีเงินเท่าไหร่ เพราะพี่ยังไม่ได้เปิดดูข้างในนั้นเลยหลังจากที่ชายชราคนนั้นให้มา แต่พี่หวังว่ามันจะเพียงพอสำหรับเขานะ”
หยวนถอนหายใจออกมา
“ไม่ต้องห่วงพี่หยวนในกระเป๋าใบนั้นมีเงินอยู่เป็นจำนวนมากพอสมควร”
เสี่ยวฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ๊ะ เธอรู้ได้ไงว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เธอยังไม่ได้แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ”
“กระเป๋าเก็บของของพี่ไม่มีการป้องกันใดๆเลย ก็ไม่ต่างจากหนังสือที่กำลังเปิดให้ผู้ฝีกพลังที่สามารถควบคุมความรู้สึกทางจิตวิญญานอ่านได้นั้นแหละ ก็เหมือนกับการที่เสี่ยวฮัวใช้จิตวิญญานของเสี่ยวฮัวค้นหามอนเตอร์ให้กับพี่หยวน และเสี่ยวฮัวก็สามารถสัมผัสหรือมองเห็นในสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าเหมือนกัน”
เสี่ยวฮัวอธิบายให้หยวนฟัง
“ในกระเป๋าใบนั้นมีเงินอยู่ประมาณ 3000000 เหรียญทอง เมื่อเทียบกับสมุนไพรเจ็ดสีที่เขามอบให้กับพี่แล้วละก็ มันก็เหมือนกับการที่เอาเมล็ดข้าวไปซื้อสมบัตินั้นแหละ”
“ของสิ่งนี่มีค่ามากเลยหรอ”
‘ยาระดับ7! แม้แต่ยาเสริมพลังวิญญานที่ซวนหวู่ฮั่นให้ฉันยังเป็นเพียงยาระดับ 3 เท่านั้นเอง!’
หยวนร้องด้วยความตกใจภายในใจของเขา
อีกไม่กี่อึดในหลังจากนั้นการแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา