นลินกระตุกดึงเชอร์รีนอย่างตึงเครียด รีบหยุดเธอเอาไว้ก่อน “พอเถอะ สั่งอาหารไปหมดแล้ว รีบนั่งลงเร็ว”

ใจเชอร์รีนก็รู้ว่าปฏิกิริยาของตัวเองค่อนข้างรุนแรง ในสายตาของทั้งสองคนแน่นอนว่าต้องงุนงง บางทีอาจดูเหมือนเป็นคนบ้า แต่มันก็กลับควบคุมไม่ได้

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมากะทันหันเกินไปและน่าตกใจ ตีเข้าใส่เธอโดยไม่ทันตั้งตัว เธอค่อนข้างตื่นตระหนก ไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว แค่สัญชาตญาณที่ต้องการระบาย……

สูดหายใจเข้าลึก เธอพยายามระงับความรู้สึกกระสับกระส่าย นั่งลงตรงที่นั่ง

เมื่อได้ความร้อนเพียงพอแล้ว เธอจึงถอดเสื้อกันหนาวบุนวมออก แต่กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน……

พนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่คิดว่าเธอจะหันมากะทันหัน จึงไม่ได้หยุดเท้า ทั้งคู่จึงชนกันอย่างจัง

พนักงานเสิร์ฟยังถือถาดอาหารในมือด้วย แก้วไวน์แดงทั้งหมดหกลดบนหน้าอกของเธอ

เธอลื่นล้มลงพื้น ออกัสรีบเข้ามาโอบประคองไหล่เธอ

“ฉันจะไปเอากระดาษทิชชู” นลินรีบเดินออกไป

เชอร์รีนหอบเล็กน้อย หายจากอาการช็อคแล้ว เงยหน้าขึ้นมอง แต่เห็นชายตรงหน้ามองเธออยู่ก่อนแล้ว

เธอรีบเอามือสองข้างปิดหน้าอกและกัดฟัน “ไร้ยางอาย!”

เสียงของออกัสกดต่ำแหบพร่า เลิกคิ้วและพูดว่า “ถ้าไม่ดู ยังนับว่าเป็นผู้ชายอยู่อีกเหรอ”

“น่ารังเกียจ! คุณคิดว่าผู้ชายทุกคนจะไร้ยางอายเหมือนคุณเหรอ” เชอร์รีนจ้องเขาอย่างดุดัน

“พวกเขาไร้ยางอายกว่าผมอีก คุณครูเชอร์รีน……”

ไอร้อนจากเขาตกใส่หูของเธอ หูของเธอร้อนและแดงฉับพลัน

“หน้าด้าน!”

เธออ้าปากด่า พร้อมกับผลักเขาออกจนสุดกำลัง

เอนกายพิงโต๊ะอย่างเกียจคร้าน ลิ้นร้อนของออกัสเลียริมฝีปาก เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “เป็นครูสามารถพูดคำหยาบได้ด้วยเหรอ”

“หรือว่ายังต้องพูดคำดีๆ กับคุณอีกล่ะ” เธอพูดอย่างโกรธจัด กวาดตามองท่าทางสนุกสนานของเขา แล้วด่าอย่างโมโหไปอีกหนึ่งคำ “คนเลว!”

“คุณครูเชอร์รีนต้องการความรู้เพิ่มเติมหรือไม่ บางที ผมจะแสดงให้คุณเห็นเองว่าคนเลวที่แท้จริงน่ะมันเป็นยังไง หืม?”

ขายาวเดินไปข้างหน้า เขาพาเธอเข้ามุม จู่ๆ ก็คว้าข้อมืออันบอบบางของเธอ แล้วยกไว้เหนือศีรษะ

เขาไม่ค่อยวู่วาม ควบคุมตัวเองได้ดีเสมอมา

แต่ตอนนี้ กลับค่อนข้างควบคุมได้ยาก

“คนเลวปล่อยนะ! คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เชอร์รีนขยับไม่ได้เลย ได้แต่ตะโกนอย่างร้อนรน

สายตาของเขา ทำให้เธอหวาดกลัว……

ในขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้ารีบร้อนดังมา ใจเชอร์รีนรู้ว่านลินต้องกลับมาแล้ว

ใจเธออดไม่ได้ที่จะร้อนรน เธอบิดตัวดิ้นรนอย่างหนัก ถึงขั้นเหงื่อออกหน้าผากเล็กน้อย ใจเต้นแรงจนแทบจะเด้งออกมาจากคอ

ส่วนออกัสไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยเธอเลย กระตุกยิ้มมุมปากอย่างสบายใจ

เชอร์รีนกัดริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะทันสังเกต เข่ายกขึ้นตรงเข้ากระทุ้งอย่างรุนแรง

ออกัสเจ็บปวดจนส่งเสียงร้องในลำคอเล็กน้อย ปล่อยมือของเธอ

เชอร์รีนถอยหลังไปสองก้าว รีบดึงระยะห่างระหว่างทั้งคู่

นลินผลักประตูห้องเปิด และไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างคนทั้งสอง “ทิชชู! ทิชชูอยู่นี่! คุณรีบเช็ดไวน์พวกนั้นออกเร็ว ไม่อย่างนั้นจะเป็นหวัดนะ!”

“อยากให้ผมหลบไปก่อนไหม” ออกัสพูด จัดเสื้อโค้ตให้เรียบร้อย แสนสง่างามและมีน้ำใจต่อผู้อื่น ดวงตาลึกล้ำจับจ้องเชอร์รีน

เพียงแต่ หากสังเกตสักเล็กน้อย จะสามารถพบได้ว่าเขาขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะอาการเจ็บปวด

“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง เธอไปเข้าห้องน้ำก็ได้ คุณออกัสได้โปรดนั่งลง” นลินรีบพูดห้าม กลัวว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติ

หมาป่าห่มหนังแกะ เชอร์รีนโมโหจนคันฟัน แต่จะตอบโต้ก็ไม่ได้ จึงรับเอากระดาษทิชชูและพูดกับนลินว่า “ขอโทษนะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับบ้านก่อน”

“ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” นลินรู้ว่าเธอหาข้ออ้าง

หยิบเอาเสื้อกันหนาวบุนวมขึ้น เธอกัดฟัน จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ออกัสหรี่ตามอง กลับมาเฉยเมยตามปกติ ขยับเหยียดริมฝีปากบาง สุภาพแต่เย่อหยิ่ง

“ขออภัย ครูญาณิน ห้าโมงผมยังมีประชุม การทานอาหารคงต้องเลื่อนออกไป เพื่อเป็นการขอโทษ ผมจะไปส่งครูญาณินกลับบ้าน……”

ในใจผิดหวังเล็กๆ แต่หลังจากเธอได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งของเขา นลินก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง รีบพยักหน้า “ขอบคุณค่ะคุณออกัส”

เมื่อผู้จัดการโรงแรมได้ยินข่าวก็ตรงเข้ามาขอโทษ และยื่นบุหรี่ให้

ออกัสทักทายบางเบา โบกมือไปมาเป็นการบอกว่าตนไม่สูบบุหรี่ “ใครก็พลาดกันได้ คราวหน้าก็ระวังหน่อย ส่วนบิลลงชื่อผมไว้”

นลินยืนข้างหลังเขา สายตามองร่างสูงใหญ่ตั้งตรงของเขา ฟังการสนทนาของเขากับผู้จัดการโรงแรม หัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรักใคร่ชอบพอขึ้นมาหลายส่วน

อีกด้านหนึ่ง

เชอร์รีนสวมเสื้อผ้าเปียกยืนข้างถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ ทันทีที่นึกถึงใบหน้านั้น ก็แทบอยากจะกัดเขาให้ตาย

แท็กซี่ยังไม่มา แลนด์โรเวอร์สีดำหยุดตรงหน้าเธอ หน้าต่างรถเลื่อนลง ใบหน้าที่วินาทีก่อนแทบอยากจะกัดให้ตาย วินาทีนี้กลับปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

“ขึ้นรถ” เขาเลิกคิ้ว เอ่ยสองคำสั้นๆ ง่ายๆ

ขึ้นรถโจรน่ะเหรอ เชอร์รีนยิ้มเยาะเย็นชา เธอน่ะเหรอจะโง่ขนาดนั้น

“คุณควรคิดให้ดี ผมมีหลายวิธืที่จะทำให้คุณขึ้นรถ คุณอยากเลือกแบบไหนล่ะ” น้ำเสียงสนุกสานเพลิดเพลินของชายหนุ่ม แฝงกลิ่นอายอันตรายเข้มข้น

เชอร์รีนมองเขาอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขึ้นรถไปอย่างโกรธจัด

ตลอดทาง ในรถเงียบกริบตลอดเวลา

ครู่หนึ่ง รถก็หยุดลงที่ด้านนอกคอนโด เชอร์รีนเปิดประตู ก่อนที่เท้าจะก้าวออกไป เสียงทั้งต่ำลุ่มลึกนั้น

ส่งเสียงดังมา “หลังจากคุณครูเชอร์รีนลงรถไป อย่าลืมแต่งตัวให้ดีหน่อยนะ”

แก้มแดง เชอร์รีนเค้นเสียงลอดไรฟัน “ขอบคุณคุณออกัสที่เตือน ลาก่อน ไม่ส่ง”

ลงจากรถ เชอร์รีนไม่สามารถอดทนต่อความโกรธในหัวใจได้อีกต่อไป ทำการเตะยางล้อรถ แต่ยางแข็งมาก เตะเองทั้งเจ็บทั้งชาเอง จนไม่กล้าเอาลงพื้น

การกระทำของเธอตกอยู่ในสายตา ออกัสยกยิ้มมุมปาก สายตากวาดมองช่วงขาตัวเอง ตรงนั้น เธอใช้แรงเยอะมาก ตอนนี้จึงยังเจ็บอยู่เล็กน้อย

ออกัสมองเธอด้วยสายตาล้ำลึก จากนั้นจึงสตาร์ทรถ เปลี่ยนทิศทางและจากไป……

แต่เบาะหลังรถ ปรากฏกระเป๋าเล็กๆ สีฟ้านอนแอ้งแม้งอยู่ แถมยังมีใบผลตรวจการตั้งครรภ์ด้วย!

***

กระทั่งเดินเข้าไปถึงห้องนั่งเล่น แก้มเชอร์รีนก็ยังคงแดงและร้อนมาก ในใจก่นด่าสาปแช่งออกัสด้วยความแค้นอยู่เป็นเวลานาน

เพราะคำพูดที่เขาทิ้งไว้ก่อนไป นลินจึงไล่บี้ถามเธอตลอดทาง

เธอหน้าแดงแก้มแดงกับคำถาม จึงได้แต่ตอบว่าชุดชั้นในพัง เธอถอดทิ้งในห้องน้ำของโรงพยาบาล แต่ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้

กนกอรนั่งดูทีวีบนโซฟาด้วยความเพลิดเพลิน เมื่อได้ยินเสียงจึงหันหน้ามากวักมือเรียกเธอ “เชอร์รีน มาดูด้วยกันเร็ว”

อาจเป็นเพราะวัยที่สูงขึ้น กนกอรที่ไม่ค่อยดูทีวี ตอนนี้กลับดูอย่างเพลิดเพลิน

ใจเชอร์รีนสงสัยเล็กน้อย จึงเดินเข้าไป สายตาตกไปที่จอทีวี กำลังออกอากาศ รายการคุณพ่อไปไหน

รายการนี้โดยทั่วไปแล้วครูที่โรงเรียนก็ดูกัน ตอนแรกเธอยังไม่ค่อยสนใจ แต่พอนานๆ ไป เธอพบว่ามันน่าสนใจมาก

ตอนนี้นิดหน่อยกำลังล้างกะหล่ำปลี ตัวเล็กๆ อ้วนกลมเล็กน้อยและค่อนข้างขาวนวล กำลังพยายามเอากะหล่ำปลีไปที่หน้าก๊อกน้ำแล้วล้างทำความสะอาดมัน

หลังจากเสร็จก็เอามามันออก แล้วหมุนตัวหันมา ชามกะหล่ำปลีที่เพิ่งล้างหกคว่ำลงพื้น ดวงตาสีดำหลุกหลิก เธอร้องเรียกหาพ่ออย่างร้อนรน

“เด็กคนนี้เหมือนกับแกตอนยังเด็กจริงๆ มักจะชอบมาแย่งล้างจาน ซักเสื้อผ้า สุดท้ายตัวเองก็เปียกมะลอกมะแลก” กนกอรระลึกความหลังด้วยรอยยิ้ม

เธอยิ้มทันที เรื่องในวัยเด็กตัวเธอมีความทรงจำแค่เพียงเล็กน้อย แต่แม่กลับจำได้อย่างชัดเจน

ดูนิดหน่อยบนหน้าจอที่ทั้งน่ารักและฉลาด ทันใดนั้นก็นึกถึงลูกในท้องของตัวเอง

ลูกของเธอ รู้สึกฟุ้งซ่านสับสนโดยไม่รู้ตัว……

ไม่มีอารมณ์จะดูรายการทีวีอีกต่อไป เธอหันหลังเดินเข้าห้องด้วยจิตใจเหม่อลอย

ฉันจะทำยังไงดี

ไม่ใช่แค่จิตใจ แม้แต่สมองก็ยังฟุ้งซ่าน นี่ไม่ใช่คำถามง่ายๆ

แค่คิดครู่เดียว ศีรษะของเธอก็มีอาการปวดเล็กน้อย ราวกับมีเข็มมาเจาะ ปวดตุ้บๆ ถี่ยิบ

อยากให้ตัวเองผ่อนคลายก่อน ไม่ว่าจะเป็นสมองหรือร่างกาย

อีกสามวันจะมีการสอบปลายภาค ทางโรงเรียนได้ส่งข้อมูลเวลาและวิชาสำหรับสอบปลายภาคมาแล้ว รวมถึงการเตรียมตัวเข้าสอบ เธอจึงจะเอาออกมาดู

มือไปสัมผัสกระเป๋า แต่กลับว่างเปล่า เธอชะงัก จากนั้นถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกลับบ้านมาโดยไม่มีกระเป๋าสะพายหลัง

ถ้าอย่างนั้นกระเป๋าหายไปไหน

โรงแรมเอเทนส์ หรือว่าบนรถของออกัส

ถ้าเป็นโรงแรมเอเทนส์ก็แล้วไป แต่ถ้าตกบนรถของออกัส งั้นก็……

เธอหน้าถอดสี ใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนจะเด้งออกมานอกอก หยิบเอาโทรศัพท์มือถือมา โทรไปยังแผนกต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรมเอเทนส์

หลังจากนั้น โทรศัพท์มือถือก็ค่อยๆ ลื่นตกจากมือของเธอ เธอทรุดตัวนั่งลงบนเตียง อ้าปากค้าง

ใบผลตรวจนั่นตกบนรถของออกัส……