ตอนที่ 915 อาชีพที่ยากที่สุดในโลก

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เลี้ยงลูกแฝดไม่ง่าย โชคดีที่มีคนในบ้านคอยช่วย สองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้โตมาด้วยความช่วยเหลือจากทุกคนในครอบครัว

“บางครั้งพ่อเหนื่อยจากฝึกทหารมาทั้งวันแทบไม่มีแรงเหลือแล้ว ผมร้องไห้กลางดึกพ่อก็ต้องขึ้นมาอุ้มกล่อมผมนอน แต่ผมยังไม่ทันหลับพ่อก็นั่งหลับก่อนแล้ว แม่หยิกพ่อเพราะเรื่องนี้บ่อยมาก บอกว่าผมไม่ตกหัวฟาดพื้นก็นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว ฮ่าๆ”

พออวี๋หมิงหลางนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองดวงแข็งมาก

“พรุ่งนี้นายกลับหน่วย เดี๋ยวฉันไปดูพ่อแทนนายเอง” เสี่ยวเชี่ยนพูด

ถึงพ่ออวี๋จะเข้มงวดกับลูกๆมาก แต่ก็เป็นพ่อที่มีความรับผิดชอบมากเช่นกัน

เธอไม่เคยคิดว่างานยุ่งจะเป็นเหตุผลที่ผู้ชายไม่ช่วยเลี้ยงลูก และยิ่งไม่เห็นด้วยที่ผู้ชายผลักภาระนี้ให้ผู้หญิงทั้งหมด

ผู้หญิงสมัยนี้หลายคนมีงานทำ กลางวันทำงานกลางคืนเลี้ยงลูก แบกรับหน้าที่ทั้งเลี้ยงครอบครัวและเลี้ยงลูก ผู้ชายบางคนที่เป็นเหมือนจู้จื่อกลับอิจฉาผู้ชายโบราณที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยได้เยอะแยะแถมยังใช้ชีวิตอย่างสำราญ แต่กลับมองข้ามไปว่าผู้ชายโบราณที่มีภรรยาหลายคนนั้นเป็นเพราะเขาเลี้ยงไหว ถ้ารายได้ของผู้ชายคนเดียวสามารถจ้างคนมาช่วยเลี้ยงลูกได้ ผู้หญิงก็คงได้ใช้ชีวิตอย่างในบทกลอน

ไม่ได้จะบอกว่าให้ผู้ชายหาเงินแล้วต้องมาแบกรับหน้าที่เลี้ยงลูกด้วยครึ่งหนึ่ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารายได้ของผู้ชายส่วนใหญ่สูงกว่าผู้หญิง แบกรับภาระเลี้ยงดูครอบครัว ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก แค่อยากให้ช่วยเลี้ยงลูกบ้างยามที่พวกเธอเหน็ดเหนื่อย แค่นั้นก็พอใจแล้ว

คนระดับพ่ออวี๋ยังช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาเท่าที่ตัวเองจะช่วยได้ แล้วผู้ชายบางคนมีสิทธิ์อะไรที่จะปล่อยปละละเลย?

“พรุ่งนี้คุณไปซื้ออาหารที่ร้าน ซื้อพวกหมูน้ำแดงน้อยหน่อยนะ ควบคุมปริมาณอย่าให้พ่อกินเยอะ พ่อน่ะชอบฉวยโอกาสตอนแม่ไม่อยู่แอบกินแอบดื่ม ให้เขากินน่ะได้ แต่ต้องควบคุมปริมาณด้วย” ปกติเสี่ยวเฉียงก็ชอบเถียงพ่อไปงั้น แต่ในใจก็แอบเป็นห่วงอยู่

“รู้แล้ว”

ธุระเสร็จหมดแล้ว เสี่ยวเฉียงยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ “พรุ่งนี้ผมจะไปแต่เช้าตรู่ เมียจ๋า คืนนี้ยังอีกยาวไกลถ้างั้น—”

“อุแว้~” เสียงเด็กทารกลอยมาชัดแจ๋วยิ่งกว่าเมื่อกี้

เสียงนี้ช่างแสบแก้วหู

เสี่ยวเชี่ยนหน้านิ่ว

“ลูกบ้านไหนกัน ร้องนานแล้วนะ”

เป็นเสียงร้องที่ไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป คล้ายกับกำลังป่วย

ไฟในห้องรับแขกสว่างขึ้น เจี่ยซิ่วฟางสวมเสื้อคลุมเดินออกมาพลางบ่น

“ลูกข้างบ้านร้องอีกแล้ว ช่วงนี้ชอบร้องตอนกลางคืน ต้าหลงกำลังจะสอบมันช่างน่า…”

เคยเลี้ยงลูกมาก่อนก็พอจะเข้าใจอารมณ์เวลาลูกร้องตอนกลางคืน แต่ประเด็นคือในบ้านมีเด็กกำลังจะสอบ ร้องกลางดึกแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อลูกชาย เจี่ยซิ่วฟางเดินไปที่ห้องต้าหลง เสี่ยวเชี่ยนรีบออกไปดึงแม่มา

“แม่จะทำอะไรน่ะ!”

“ฉันซื้อที่อุดหูไว้ให้น้องแก ไม่รู้ว่าใส่หรือเปล่า แม่จะไปดู อย่าให้กระทบการนอน”

“ช่างเถอะแม่ ต้าหลงก็โตเป็นหนุ่มแล้ว แม่จะเข้าๆออกๆห้องน้องเป็นว่าเล่นแบบนี้มันไม่เหมาะ”

เสี่ยวเชี่ยนแอบสงสารน้องชาย ได้ยินว่ามีหลายครั้งที่ตื่นมากลางดึกแล้วเห็นหน้าอ้วนๆของแม่ที่มาห่มผ้าให้ หลอนจนติดตราตรึงใจ

“แล้วถ้าน้องแกพักผ่อนไม่เพียงพอ—”

“คนอย่างต้าหลงที่นอนขี้เซาน่ะนะ ต่อให้ฝนตกฟ้าผ่าก็ไม่ตื่นหรอก แล้วนับประสาอะไรกับเสียงเด็กร้อง? หนูว่าคนที่เป็นปัญหาจริงๆน่ะแม่ต่างหาก”

“ฉันมีปัญหาตรงไหน!” เจี่ยซิ่วฟางไม่ยอม

“ต้าหลงเล่าให้หนูฟังหลายครั้ง แม่ชอบเข้าไปในห้องน้องโดยที่ไม่เคาะประตูก่อน เรื่องนี้มันไม่เหมาะ ต่อไปถ้าน้องแต่งงานแล้วอยู่ๆแม่เข้าไปในห้องลูกชายลูกสะใภ้จะยิ่งสร้างความรำคาญให้คนอื่นเข้าใจไหม?”

“ลูกคนนี้นี่! ตอนนี้รังเกียจแม่ตัวเองแล้วเหรอ? ตอนพวกแกเล็กๆคนที่ตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวก็ฉันทั้งนั้น โดยเฉพาะแกนังลูกเรื่องมาก! วันๆเอาแต่ร้องไห้งอแง ไม่เอาแกโยนทิ้งก็นับว่าบุญแล้ว พอโตมาทำเป็นรังเกียจแม่ นึกถึงตอนนั้น—”

เอาอีกแล้ว!

เสี่ยวเชี่ยนมองบน เธอจะทำไงกับแม่ดี พอได้เริ่มบ่นนึกถึงตอนนั้นบลาๆก็ไม่จบง่ายๆแน่

“ซิ่วฟาง กลับห้องไปนอนดีกว่า เด็กๆยังต้องพักผ่อนนะ” พ่อเลี่ยวสวมเสื้อคลุมเดินออกมาช่วยชีวิตเสี่ยวเชี่ยนจากการพร่ำพรรณนาของแม่ได้ทันเวลา

“ฝากไว้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ได้เห็นดีกันแน่!” เจี่ยซิ่วฟางทิ้งคำพูดที่ไม่ได้น่าเกรงกลัวเท่าไรไว้แล้วหมุนตัวเดินกลับห้อง

เสี่ยวเชี่ยน หึ ใส่ไล่หลังแม่ตัวเอง พรุ่งนี้ไม่รู้ใครจะจัดการใครกันแน่!

เธอต้องจัดการกับนิสัยไม่ดีของแม่ที่ไม่ชอบเคาะห้องนอนลูกก่อนเข้า ตอนนี้ต้าหลงไม่ใช่เด็กๆแล้ว นิสัยแบบนี้ต้องแก้

พอเข้าไปในห้องก็เห็นเสี่ยวเฉียงยิ้มหน้าบาน เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่ “ยิ้มอะไร!”

“อำนาจบารมีเหลือล้นจริงๆ”

เมียของเขาขนาดกลับบ้านตัวเองยังเป็นใหญ่ จะเด็กจะแก่ก็ต้องเชื่อฟังเธอหมด

“นายจะเข้าใจอะไร! เด็กร้องงอแงมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่พฤติกรรมของแม่ฉันมันเลวร้าย ต่อไปถ้ามีลูกสะใภ้อยู่ๆเปิดประตูทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องเขา ลูกสะใภ้จะรำคาญไหมล่ะ? อีกหน่อยฉันไม่อยากมาช่วยนั่งแก้ปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้หรอกนะ”

“เอาน่าๆ ฮองเฮาที่มากล้นด้วยบารมีของผมรีบนอนกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยจัดการนะ”

พอนอนลงบนเตียงเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ยินเสียงเด็กร้องเรื่อยๆ เธอมองเพดานคล้ายกับกำลังครุ่นคิด

“เสี่ยวเฉียง ตอนเล็กๆนายจำความได้ไวไหม?”

“ไวสิ ตอนเพิ่งเริ่มเข้าอนุบาลผมก็เริ่มจำความได้ชัดเจนแล้ว วันนั้นเสี่ยวซีจอมขี้ขลาดยืนร้องไห้หน้าประตูไม่ยอมเข้าห้อง ผมเลยดึงหางเปียลากเข้าห้องไป พอกลับบ้านก็โดนพ่อจัดการไปตามระเบียบ”

“ฉันไม่ได้จำความได้ไวขนาดนั้น เรื่องบางอย่างในวัยเด็กฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว”

“ไม่เห็นเป็นไร จำอดีตไม่ได้ ตอนนี้มีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว”

เสียงร้องงอแงของเด็กยังคงดังต่อเนื่อง แต่ความคิดของเสี่ยวเชี่ยนกลับไปไกลแล้ว ความผูกพันระหว่างพ่อแม่ประเทศนี้กับลูกมันช่างมีเพียงน้อยนิดจริงๆ

ตอนลูกเล็กๆรักลูกหมดทั้งหัวใจ แต่ความรักที่มีให้มากเกินไปนี้กลับทำให้พ่อแม่ส่วนหนึ่งปล่อยวางไม่ได้หลังจากลูกโต วันนี้ตอนที่รักษาพี่สะใภ้เธอบอกว่าการอุ้มลูกก็เป็นความรักอย่างหนึ่ง เมื่อกี้ที่เธอบอกแม่ว่าต้องรู้จักปล่อยลูกไปเมื่อถึงเวลา นั่นก็เป็นความรักเหมือนกัน

อาชีพพ่อแม่เป็นอาชีพที่ยากที่สุดในโลกจริงๆ

เสี่ยวเชี่ยนนอนหนุนแขนอวี๋หมิงหลาง มืออีกข้างของเขากอดเธอด้วยความเคยชิน ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเด็กแรกเกิด ทั้งสองคนกำลังเคลิ้มจะหลับ

ขณะที่ดวงตาเสี่ยวเชี่ยนเพิ่งปิดทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง เธอลืมตาสะลึมสะลือ อวี๋หมิงหลางลุกขึ้นมานั่งก่อนแล้ว เขาเองก็ได้ยินเสียง

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ดึกดื่นป่านนี้ไม่หลับไม่นอนมาเคาะประตูบ้านเธอทำไม?