ตอนที่ 916 มนุษย์ที่ซับซ้อนและมีความขัดแย้งในตัวเอง

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

ไม่ต้องรอให้ทางเสี่ยวเชี่ยนลุกขึ้นก่อน เจี่ยซิ่วฟางกับพ่อเลี่ยวก็ออกไปแล้ว

พ่อเลี่ยวไปเปิดประตู มีผู้หญิงวัยกลางคนยืนอยู่ด้วยท่าทางโมโหฉุนเฉียวพลางชี้หน้าด่าพ่อเลี่ยว

“ผอกันทีคนบ้านหนี้ ผู้เฒ่าบ้านข่อยหัวใจบ่ดี ดึกดื่นๆอย่ามาเฮ็ดเสียงดัง!”

ฟังจากสำเนียงไม่ใช่คนที่นี่ พอเปิดประตูก็โวยวายด้วยสำเนียงท้องถิ่น พ่อเลี่ยวถึงกับยืนงง

“เขาบอกว่า พอกันทีคนบ้านนี้ คนแก่บ้านเขาหัวใจไม่ดี กลางค่ำกลางคืนอย่ามาทำเสียงดัง” อวี๋หมิงหลางออกมาแปลให้

ประตูห้องต้าหลงถูกเปิดออก ดูจากสภาพก็รู้ว่ายังไม่นอน “ใครมาโวยวายหน้าบ้านเรา! มารังแกพวกเราใช่ไหม!”

ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนที่เดินออกมาถีบเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู

“ไม่ต้องออกมาวุ่นวาย กลับเข้าไปนอนเลยไป ใส่หูฟัง ถ้ายังกล้าแอบอ่านการ์ตูนตอนกลางคืนอีกล่ะก็ฉันจะฉีกทิ้งให้หมด!”

ดูก็รู้ว่าน้องเฮงซวยคนนี้ยังไม่นอน คงกำลังมุดอยู่ในผ้าห่มเปิดไฟฉายส่องการ์ตูนอ่านอยู่

ไม่กล้าเปิดไฟเพราะกลัวแม่รู้

ต้าหลงตกใจกลัวจนไม่กล้าออกไป รีบเอาการ์ตูนซ่อนใต้หมอน เขากวาดตามองไปทั่วห้อง หรือพี่เขาจะติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้อง? รู้หมดทุกอย่าง!

หลบแม่ที่ไม่เคาะประตูก่อนเข้าห้องได้ แต่หลบดวงตาสวรรค์ของพี่สาวไม่ได้!

“พี่คะ เคาะผิดบ้านแล้วค่ะ บ้านเราไม่มีเด็ก มีแต่นักเรียนที่เตรียมสอบเข้ามหาลัย” เจี่ยซิ่วฟางอธิบาย

เธอเข้าใจแล้ว คงเป็นเสียงเด็กร้องที่ดังมาจากบ้านตรงข้าม

มีครอบครัวใหม่เพิ่งย้ายเข้ามา เจี่ยซิ่วฟางยังไม่เจอเลยด้วยซ้ำ

“หา! ขอโทษนะ! ข่อยโมโห ผู้เฒ่าบ้านข่อยโรคหัวใจกำเริบ เพิ่งจะกินยาไป ข่อยเลยมาดูว่าบ้านไหนที่ส่งเสียงหนวกหู! ถ้าไม่ใช่บ้านนี้ก็บ้านอื่น!” ผู้หญิงคนนี้หันไปเคาะประตูบ้านตรงข้าม

พลังอาฆาตและทำลายล้างที่น่ากลัวแบบนี้เป็นการอธิบายได้ดีถึงความโกรธแบบสุดกำลังของผู้หญิงวัยทองยามที่ถูกรบกวนการนอน

ชั้นบนมีเสียงเปิดประตู ทำเสียงหนวกหูกลางดึกแบบนี้ เป็นบ้านไหนก็คงนอนไม่หลับ

ประตูห้องตรงข้ามถูกเปิดออก ด้านหลังผู้ชายวัยหนุ่มที่หน้าตาเหนื่อยล้ามีผู้หญิงอุ้มเด็กที่กำลังแผดเสียงร้องงอแง สองคนนี้ขอบตาคล้ำหนักมาก

“มีอะไร?”

“เฮ็ดอิหยังกัน? ข่อยต้องเป็นคนถามพวกเจ้ามากกว่า! ทำไมไม่ดูแลเด็กบ้านเจ้าให้ดี? วันๆเอาแต่ส่งเสียงร้อง แล้วชาวบ้านเขาจะนอนกันยังไง? บ้านข่อยมีผู้เฒ่า โรคหัวใจกำเริบก็เพราะเสียงเด็กน้อยนี่ล่ะ!”

“เบาๆหน่อย เด็กมันร้องพวกเราก็จนปัญญา โอ๋แล้วก็ไม่ยอมนอน เด็กมันไม่เข้าใจพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะนะป้า”

“ไม่เข้าใจโว้ย! บ่ได้สงบเล้ยตั้งแต่ข่อยย้ายเข้ามา พวกเจ้าไหวบ่ บ่ไหวก็ย้ายออกไป อย่าอยู่รบกวนชาวบ้าน!”

“เอ๊ะป้านี่ยังไง บ้านนี้พวกเราควักเงินซื้อเอง พวกเราอยากอยู่ก็จะอยู่ ป้าทนไม่ไหวก็ย้ายออกไปสิ!” อาจเพราะหงุดหงิดที่ลูกร้องงอแงเป็นทุนเดิม พ่อวัยหนุ่มคนนี้จึงพูดจาไม่เกรงใจ

ป้าวัยทอง ปะทะ พ่อลูกอ่อนที่นอนไม่หลับเพราะลูกก่อกวน สงครามนี้ได้เริ่มต้นขึ้น

เพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นบนส่งตัวแทนลงมาดูเหตุการณ์ ไม่มีใครพูดอะไร ยืนเกาะราวบันไดมองลงมาข้างล่าง

พอเห็นสองคนนี้กำลังจะทะเลาะกัน เจี่ยซิ่วฟางก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ลูกชายเธอกำลังจะสอบ ทะเลาะกันหนวกหูเดี๋ยวจะรบกวนเด็กเธอจึงเดินเข้าไปหวังเกลี้ยกล่อมให้สงบ

“อย่าทะเลาะกันเลย ดึกป่านนี้คนอื่นนอนกันอยู่นะ บ้านฉันมีลูกที่กำลังจะสอบเข้ามหาลัย มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีไหม?”

“บ้านเจ้ามีเด็กจะสอบงั้นก็ยิ่งต้องออกมาโวยวาย มีเด็กเวรเอาแต่ร้องแบบนี้จะให้คนอื่นทำไง!” หญิงวัยกลางคนดึงเจี่ยซิ่วฟางเข้ามา

“เรียกใครเด็กเวร!” ถึงอีกฝ่ายจะพูดสำเนียงท้องถิ่น แต่พ่อลูกอ่อนคนนี้ก็พอฟังออกว่าไม่ใช่คำพูดดี จึงตอบโต้ด้วยความโมโห

“ลูกเจ้าน่ะสิ!” หญิงวัยกลางคนชี้หน้าพ่อลูกอ่อน เสี่ยวเฉียงกับพ่อเลี่ยวรีบเข้าไปห้ามทัพฝ่ายละคน เป็นเพื่อนบ้านมาทะเลาะกันดึกๆดื่นๆอีกหน่อยจะทำไง!

ส่วนผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ด้านหลังทำได้แค่มองเหตุการณ์นี้อย่างจนปัญญา เด็กที่เธออุ้มอยู่ร้องไห้หนักกว่าเดิม

เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปผ่านตัวพ่อลูกอ่อนเลยไปหาผู้หญิงคนนั้น “ทำไมเด็กคนนี้ร้องหนักแบบนี้ล่ะคะ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อุ้มมาโอ๋แล้วก็ยังร้องไม่หยุด…พวกเราก็ไม่ได้อยากรบกวนคนอื่น” ผู้หญิงคนนั้นน้ำตาคลอ เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนบ้านจริงๆ แต่ลูกเธอเป็นแบบนี้

เสี่ยวเชี่ยนเอามือไปแตะหน้าผากเด็กแล้วก็ตกใจมากที่ตัวเด็กร้อนจี๋

“เด็กไข้ขึ้น!”

“ตัวเริ่มร้อนตั้งแต่บ่าย ฉันอ่านหนังสือเลี้ยงเด็กดูในนั้นเขียนว่าเด็กตัวร้อนหน่อยๆไม่ต้องสนใจ เด็กมีภูมิคุ้มกันของตัวเอง สามารถเยียวยาตัวเองได้”

“ยังจะพูดมาก ยังไม่รีบพาเด็กไปโรงพยาบาลอีก! ตัวร้อนขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นหนักหรอก”

“ไปโรงพยาบาล…?” พ่อแม่หนุ่มสาวคู่นี้ถึงกับงง ลูกของพวกเขาก่อนป่วยก็ชอบร้องตอนดึกอยู่แล้ว ครั้งนี้พวกเขาเลยคิดว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ เนื่องจากไม่มีคนแก่อยู่ด้วย ความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กจึงได้จากในตำรา

“อุณหภูมิผิดปกติ รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะ”

“แต่ว่า…ในหนังสือ…” เห็นได้ชัดว่าคุณแม่ยังสาวคนนี้เชื่อตำราทุกอย่าง ยังไม่ทันจะพูดจบอยู่ๆเด็กก็เปลี่ยนไป ตัวแข็งทื่อ มีอาการชัก ตาเหลือก อาการผิดปกติเหล่านี้ทำให้เธอถึงกับร้องด้วยความตกใจ ผู้เป็นพ่อหยุดทะเลาะแล้วรีบเข้ามาดู ป้าที่มาหาเรื่องก็เข้ามาดูด้วย

เสี่ยวเฉียงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบโทร120 (รถฉุกเฉิน)

“ไอ๊หยา! นี่มันเป็นไข้จนชักแล้ว! รีบวางเด็กลงเร็ว!” ป้าที่เมื่อครู่ยังด่าฉอดๆอยู่รีบสั่งให้แม่เด็กวางเด็กนอนลง ปากก็พูดไม่หยุด “เด็กไม่กี่เดือนถ้าเป็นไข้จะชักได้ง่าย เลิกกลัวได้แล้ว! วางนอนราบ จับหัวหันไปถ้าอ้วกจะได้ไม่สำลัก!”

“ฉัน ฉันจะไปหายามาเดี๋ยวนี้!” แม่เด็กตกใจทำอะไรไม่ถูก

“หยุด! ตอนนี้ห้ามป้อนยา! เดี๋ยวก็สำลักตายหรอก! ข่อยมีลูกสะใภ้อยู่คนป้อนยาตอนลูกชัก ดีที่ไม่จุกคอตาย ปลดกระดุมเสื้อออก แม่หนูนี่ก็อย่ายืนเฉย ไปเอาผ้าสะอาดกับตะเกียบมาเร็ว!”

ป้าคนนั้นสั่งเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนรีบเข้าบ้านไปหาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก หญิงวัยกลางคนนำผ้าเช็ดหน้าพันกับตะเกียบแล้วกดไว้ที่ปากเด็ก “ทำแบบนี้เด็กจะได้ไม่กัดลิ้นตัวเอง หลานข่อยเคยชัก หมอที่อนามัยก็ทำแบบนี้นี่แหละ”

สมองของเสี่ยวเชี่ยนกำลังสืบค้นข้อมูลการเลี้ยงเด็ก นึกได้ว่านี่เป็นอาการชักหลังไข้ขึ้นสูง วิธีของป้าคนนี้ถูกต้องแล้ว

“แม่ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวลดไข้หน่อย ทุกคนช่วยเงียบๆด้วยค่ะ”

ทุกคนเริ่มมีงานขึ้นมาทันที เพื่อนบ้านที่ดูอยู่ตรงบันไดก็เข้ามาช่วย ตอนทะเลาะกันไม่กล้าเข้ามายุ่ง แต่พอเห็นเด็กเกิดปัญหาพวกเขาก็ยินดีช่วย

รถฉุกเฉินมาพาตัวเด็กไปอย่างรวดเร็ว ค่ำคืนกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เสี่ยวเชี่ยนยืนมองตามรถฉุกเฉินที่ริมหน้าต่าง เสี่ยวเฉียงเดินเข้ามาถาม

“คิดอะไรอยู่เหรอ?”

“คิดว่ามนุษย์เรานี่ซับซ้อนและก็ขัดแย้งในตัวเองดีนะ…”

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกอยู่อย่างเดียว

มนุษย์เราบางครั้งเห็นร้ายๆ แต่กลับเพียงเพราะความดีเพียงน้อยนิดก็ทำให้ดูดีขึ้นมาทันตา

“คุณนี่นะ รีบนอนเถอะ ผมจะไปคุยเป็นเพื่อนต้าหลงหน่อย ดูท่าทางเหมือนเขาจะยังไม่ง่วง” เสี่ยวเฉียงตบบ่าเธอหันตัวจะเดินออก แต่เสี่ยวเชี่ยนดึงเขาไว้