ตอนที่ 494 : ก้าวข้าม

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่  494 : ก้าวข้าม

หากพวกมนุษย์ต้องไปเจอกับขุมกำลังของพันธมิตรกลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องตาย

 

“เซียนค่ายกลพูดถูก ราชาสัตว์อสูรบาดเจ็บอยู่ เขาคงไม่อาจจะช่วยอะไรมากได้ ตอนนี้เราคงต้องพึ่งตัวเอง” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “ เราคือรากฐานของมนุษย์ หากไม่มีมนุษย์อยู่ แม้ว่าเราจะรอดแต่มันก็ไม่มีความหมายอะไร…”

 

ฉินอู่ตี้พูดขึ้นมา “ เจ้าไม่ต้องพูดต่อแล้ว ทุกคนไม่ได้โง่ เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะเข้าใจว่าควรทำอะไร เจ้าแค่บอกมาว่าต้องทำยังไงบ้าง ”

 

ลั่วซู่หยางคิดเล็กน้อยและพูดขึ้นมา “ ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ดูแลสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมใหญ่ นี่เป็นเหตุผลที่ทุกคนรู้ว่าเราควรทำยังไง เพื่อดูแลพื้นที่เหล่านี้ รวมถึงการหาข้อมูลเรื่องอ้าวอู่ซู และหาข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรกลายพันธุ์ให้ได้มากที่สุด….”

 

ตามหลักตำราพิชัยสงครามที่ว่า  รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง  ตอนนี้พวกเขายังไม่เข้าใจพันธมิตรกลายพันธุ์ดีนัก แต่พันธมิตรกลายพันธุ์กลับรู้จักพวกเขาดี ซึ่งถือว่าทำให้พวกเขาเสียเปรียบอย่างมาก

 

“ ข้าเข้าใจแล้ว ” ฉินอู่ตี้พยักหน้า “ ข้าจะจัดการให้คนของจักรวรรดิฉินไปตรวจสอบ ”

 

เมื่อฉินอู่ตี้ออกตัว ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ที่เหลือก็เห็นด้วยทันที

 

ตอนนั้นมนุษย์กับพันธมิตรกลายพันธุ์ ต่างก็ลงมือแทบจะพร้อมกัน ด้านหนึ่งเฝ้าสุสานและหาข้อมูลของอ้าวอู่ซู อีกด้านจับตามองดูสุสานและมองหาโอกาส รวมถึงส่งคนไปยังเขตตะวันออกเพื่อค้นหาอัจฉริยะ  ตอนนี้หากมองดูจากภายนอกแล้ว สถานการณ์ยังสงบสุขอยู่ แต่อันที่จริงแล้วสถานการณ์ของทวีปป่ากลับตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่โลกนภา

 

นี่คือโลกขั้นที่ 7 ซึ่งแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย มันราวกับเวลาที่โลกนี้หยุดนิ่ง

 

ทันใดนั้นบนยอดเขาหลักที่จางหยูอาศัยอยู่ กลับมีปราณระเบิดออกมา

 

ร่างขนาดใหญ่พาดทอบนท้องฟ้าเหนือภูเขา มันอ้าปากออกพร้อมกับหลิงชี่ในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรถูกสูบเข้ามาในร่างนั้น

 

หลังจากที่สูบหลิงชี่จำนวนมากเข้าไป ร่างของมังกรโลหิตก็เพิ่มขนาดขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แค่ไม่กี่อึดใจมันก็บดบังไปทั้งภูเขาลูกนั้นรวมถึงภูเขาลูกอื่นๆด้วย แม้แต่สัตว์อสูรที่ตัวใหญ่ที่สุดบนทวีปป่าก็มีขนาดไม่ถึง 1 ใน 100 ของร่างนี้ได้เลย

 

กระทั่งร่างมังกรที่อยู่ในเรื่องบังสวรรค์ก็ไม่อาจจะเทียบกับนางได้

 

“ ทะลวงผ่านไปอีกขั้นแล้ว !”  จางหยูตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะ เขารับรู้ได้ถึงการเติบโตของร่างกายของนางและพลังที่แข็งแกร่ง เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

 

ตอนนั้นร่างเจ้าสำนัก, เซียนกระบี่พเนจร, เฒ่าเทียนจีและสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตะลึง

 

ใหญ่โตจริงๆ !

 

หากมองด้วยตาเปล่า มันก็ไม่มีใครเห็นได้ว่าตัวของอ้าวเสี่ยวหร่านใหญ่โตแค่ไหน มีแค่มองผ่านการรับรู้เท่านั้นที่จะเห็นขนาดของนางได้  พอจะคิดภาพออกได้ว่าร่างของนางจะใหญ่ขนาดไหน

 

แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ ก็อาจจะใช้เคลื่อนย้ายพริบตาได้ไม่เกินความยาวของตัวนาง

 

หลังจากนั้นสักพัก ร่างของอ้าวเสี่ยวหร่านก็หดลง แต่พลังของนางยังคงเพิ่มขึ้นต่อ พลังในตัวนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง พลังนี้บริสุทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับพลังที่พุ่งสูงขึ้น พลังนี้เต็มไปด้วยความกดดันราวกับพลังจากเทพเจ้าซึ่งทำให้ผู้คนอยากจะก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ให้ได้

 

ตอนที่ตัวของอ้าวเสี่ยวหร่านหดลงมาเหลือไม่กี่ฟุต ปราณภายในตัวนางก็เปลี่ยนไป มันได้แผ่พลังอันสูงส่งราวกับเทพออกมา ซึ่งเป็นพลังที่ผู้คนไม่อาจจะต้านทานได้ไหว

 

ต่อมาอ้าวเสี่ยวหร่านก็ปกคลุมไปด้วยลำแสงหลากสีพร้อมกับร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนไป

 

“ นี่คือ…การเปลี่ยนรูปร่าง ! ” จางหยูตาเป็นประกายขึ้นมา เมื่อเห็นแบบนั้น เขาก็รู้ว่าอ้าวเสี่ยวหร่านกำลังจะสร้างร่างกายขึ้นมา

 

สัตว์อสูรตัวอื่นๆ เมื่อขึ้นมาถึงขอบเขตหลิงซวนแล้ว พวกเขาจะเปลี่ยนร่างได้  แต่อ้าวเสี่ยวหร่านหลังจากที่บ่มเพาะมาถึงขอบเขตตุ้นซวนแล้วถึงจะเปลี่ยนร่างได้ นี่หากไม่เห็นกับตาจางหยูคงไม่เชื่อ

 

ทุกคนต่างก็รอดูฉากนั้นด้วยวามคาดหวัง

 

สักพักตอนที่ลำแสงที่ห่อหุ้มตัวนางหายไป มังกรตัวใหญ่ก็หายไปแทนที่ด้วยสาวน้อยวัย 16-17 ปี สวมชุดสีแดงไม่สวมรองเท้า ร่างของนางราวกับสลักขึ้นมาจากหยกซึ่งไร้ที่ติ นางค่อยๆลืมตาขึ้นมาและมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่สงสัยและดูบริสุทธิ์

 

เมื่อนางเห็นจางหยู นางก็ตาเป็นประกายและพุ่งมาอยู่ข้างๆจางหยู แล้วหัวเราะออกมา “ ท่านพี่ ! ”

 

นางวิ่งวนรอบจางหยู ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าเขา แล้วพูดขึ้น “ ข้าปกป้องท่านพี่ได้แล้ว ! ”

 

“ ฮี่ฮี่ เด็กโง่  ” จางหยูเผยรอยยิ้มยินดีออกมา เขาไม่คิดว่าทันทีที่อ้าวเสี่ยวหร่านตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่นางคิดกลับเป็นนางจะปกป้องเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในใจของอ้าวเสี่ยวหร่านแล้ว เขาสำคัญมากกว่าสิ่งใด

 

เขาสงบสติอารมณ์ลงและถามขึ้นมา “ เด็กน้อย บอกพี่มาที เจ้าแข็งแกร่งเท่าใดกัน ? เจ้าทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนไปแล้วรึ ?”

 

ร่างเจ้าสำนัก, เซียนกระบี่พเนจรและร่างอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าคาดหวังออกมา

 

“ ทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนรึ ?” อ้าวเสี่ยวหร่านแสดงสีหน้าสงสัยขึ้นมา“ ข้าไม่รู้….”

 

แม้ว่านางจะเปลี่ยนร่างและมีความฉลาดที่เพิ่มขึ้นมา แต่สุดท้ายนางก็แค่เด็กน้อย นางยังไม่อาจจะเข้าใจในหลายๆเรื่องได้ นางรู้แค่ว่านางแข็งแกร่งกว่าจางหยู และมีความสามารถที่จะปกป้องเขา

 

“ ช่างเถอะ แม้ว่าถามเจ้าไป เจ้าก็ตอบได้ไม่ชัดเจนอยู่ดี ให้ข้าดูเองดีกว่า ” จางหยูยิ้มออกมาและใช้มองทะลุขั้นสูงกับนาง

 

ในพริบตาข้อมูลของอ้าวเสี่ยวหร่านก็แสดงขึ้นในหัวของจางหยู

***

อ้าวเสี่ยวหร่าน

 

เพศ : ผู้หญิง

 

อายุ : 3 ปี

 

ร่างกาย : สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์กลายพันธุ์(ทำงาน), สัตว์อสูรกลืนกินสวรรค์(ทำงาน), หมาป่าละโมบ(ทำงาน), เผิงปีกทองคำ(ทำงาน), จิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์(ทำงาน), มังกรไฟ(ทำงาน), กิ้งก่าหลากสี(ทำงาน), อินทรีย์ปีกทอง(ทำงาน)…. 7 ดาวขั้นต่ำ(พัฒนาได้)

 

การรับรู้ : ไม่มี

 

พรสวรรค์พิเศษ : ดูดกลืนสายเลือด(6 ดาว), กลืนกิน(6 ดาว), คลั่งสังหาร(6 ดาว), ควบคุมมิติ(4 ดาว), ภาพลวงตา(5 ดาว), มังกรไฟ(5 ดาว), เปลี่ยนรูป(2 ดาว), ควบคุมลม(5 ดาว)…

 

ขอบเขต :ก้าวข้ามขั้นต่ำ

 

ทักษะ : เคลื่อนย้ายพริบตา, ควบคุมมิติ, ดูดซับสายเลือดขึ้น 6, กลืนกินขั้น 6, คลั่งสังหารขั้น 6, ควบคุมมิติขั้น 3, ภาพลวงตาขั้น 3…”

 

สถานะ : อยู่ในช่วงพัฒนา

***

“ ขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำ ! ”  รอยยิ้มบนใบหน้าของจางหยูดูสดใสยิ่งกว่าเดิม “ ทะลวงผ่านแล้ว  !”

 

เขาเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่า หลังจากขอบเขตตุ้นซวนแล้วยังมีขอบเขตก้าวข้ามอยู่

 

ขอบเขตก้าวข้ามที่ไม่ต้องสนใจขีดจำกัดของโลก และสามารถเดินทางไปโลกอื่นๆได้ สมกับชื่อของมันจริงๆ

 

“ สิ่งที่ข้าเดาก่อนหน้านี้เป็นจริง ในโลกนภา เมื่อทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนแล้ว มันจะก้าวข้ามระดับของยอดฝีมือระดับสูงสุด และขึ้นไปยังอีกระดับ…” อารมณ์ของจางหยูเปลี่ยนไปทันที “ มันหมายความว่าหลังจากที่ข้าทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนไปได้ ข้าก็จะขึ้นไปยังขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำ ! ”

 

อันที่จริงแล้วขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำนั้น คือยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดของโลก เพราะถูกโลกจำกัดเอาไว้ จึงไม่อาจจะแสดงพลังของขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำออกมาได้ มันก็เหมือนกับคนตัวใหญ่ที่โดนมัดมือมัดเท้า แม้ว่าจะมีร่างกายที่แข็งแรงแต่ก็ไม่อาจะใช้แรงออกมาได้

 

“ ขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำ ? ท่านพี่ อะไรคือขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำ ?” อ้าวเสี่ยวหร่านถามด้วยความสงสัย

 

นางไม่เคยได้ยินขอบเขตนี้มาก่อน ในความทรงจำที่นางได้รับมา มันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร และไม่รู้ว่านางแข็งแกร่งแค่ไหน

 

จางหยูยิ้มออกมา “ ขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำคือขอบเขตหลังจากทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนไปได้ แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วจะเท่ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด แต่อันที่จริงแล้วมันแข็งแกร่งกว่าเป็นร้อยเท่า ทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน ”

 

อ้าวเสี่ยวหร่านถามขึ้นมา “ งั้นขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำก็แข็งแกร่งสินะ ? ”

 

“ แข็งแกร่งมาก ! ” จางหยูลูบหัวอ้าวเสี่ยวหร่าน ก่อนจะลังเลเล็กน้อยแล้วตอบคำถามกลับไป

 

“ ท่านพี่บอกว่าข้าแข็งแกร่ง ดังนั้นคงยากที่จะจัดการข้าได้  ”  ใบหน้าของอ้าวเสี่ยวหร่านเผยรอยยิ้มพอใจออกมา “ ดีเลย จากนี้ไปข้าจะปกป้องท่านพี่เอง !  ใครที่กล้ามาหาเรื่องท่าน ข้าจะจัดการเขาเอง ! ”  นางยกหมัดเล็กๆขึ้นมาและทำท่าต่อยออกไป แต่นางไม่รู้เลยว่ามันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย มันกลับดูน่ารักแทนต่างหาก

 

จางหยูหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ ฮาฮา…จากนี้ไป ในอนาคตเจ้ารับหน้าที่ปกป้องข้าก็แล้วกัน ! ”

 

อ้าวเสี่ยวหร่านพยักหน้า “ ได้ ! ”

 

แต่จากนั้นสีหน้าของนางก็บิดเบี้ยวไป นางพูดขึ้นมา“ ท่านพี่ ท่านพาข้าไปหาพี่ซินซินได้หรือไม่ ?”

 

สุดท้ายนางก็ยังเป็นแค่เด็กน้อย นางยังอยากเล่นสนุกอยู่

 

“ นี่…พี่ไม่รู้ว่า พี่ซินซินของเจ้ากลับมาที่สำนักหรือยัง เจ้าลองไปดูก็ได้ ” จางหยูถอนหายใจออกมาและยิ้มอย่างขมขื่น “ แต่เจ้าต้องรับปากกับพี่ก่อนว่า เจ้าจะไม่เผยพลังของตัวเอง เจ้าห้ามออกจากสำนักไกลนัก เจ้าต้องฟังคำสังของอาจารย์โอวด้วย หากอาจารย์โอวต้องการให้เจ้าทำอะไร เจ้าก็ต้องช่วย  หากอาจารย์โอวห้ามเจ้าทำอะไร เจ้าก็ห้ามทำ ” เขาไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของนาง ในโลกป่าขั้นต่ำ ใครกันที่จะเป็นอันตรายต่อนางที่อยู่ขอบเขตก้าวข้ามขั้นต่ำได้?

 

อ้าวเสี่ยวหร่านพยักหน้าตอบรับ “ ข้ารับปากว่าจะไม่เปิดเผยพลังของตัวเอง ข้าจะไม่ออกจากสำนักไปไกลนักและข้าจะเชื่อฟังอาจารย์โอว ! ”

 

“ ดี ข้าจะไปส่งเจ้าก่อน เจ้าช่วยข้าบอกอาจารย์โอวทีว่า อีก 10 วันข้าจะกลับไปยังสำนัก ” จางหยูได้ทำการเปิดโลกนภาออก และส่งอ้าวเสี่ยวหร่านกลับไปยังสำนักคังเฉียง

 

ร่างของอ้าวเสี่ยวหร่านหายไปจากโลกนภา และต่อมาก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านพักภายในสำนักคังเฉียง

 

หลังจากที่ส่งอ้าวเสี่ยวหร่านออกไปแล้ว จางหยูก็ได้มองไปรอบๆและพูดกับร่างอื่นๆ “  เอาล่ะ ทุกคนทำการบ่มเพาะต่อ ”

 

อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องดี ที่ส่งอ้าวเสี่ยวหร่านออกไป หากนางยังอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาก็ไม่มีสมาธิกันแน่ๆ ยังไงซะการต้องบ่มเพาะอย่างเดียวก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ