ตอนที่ 359 ลูกปลอดภัยหรือไม่?

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 359 ลูกปลอดภัยหรือไม่?

น้ำเสียงอ้อนวอนของสาวใช้เจือความกังวลมากจริง ๆ แต่อันหลิงเกอมิมีเวลาสนใจเพราะตอนนี้สิ่งที่ควรสนใจมีเพียงหวังซื่อที่กำลังนอนเจ็บปวดอยู่บนเตียง

ทั่วทั้งใบหน้าของหวังซื่อเต็มไปด้วยเหงื่อ นางนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่เช่นนั้น หมอทำคลอดที่อยู่รอบกายก็เดินไปเดินมาด้วยความวุ่นวาย บ้างก็สั่งให้สาวใช้ไปเตรียมน้ำร้อน มีด กรรไกรและของอื่น ๆ เอาไว้

ที่นี่มีเพียงมิกี่คนที่หวังซื่อพามาจากบ้านเก่า พวกที่เหลือล้วนเป็นคนใช้แต่เดิมของจวนโหว เมื่อโดนหมอสั่งวนไปวนมาจึงดูวุ่นวายและมิค่อยเป็นระเบียบเท่าไรนัก

อันหลิงเกอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็เห็นหวังซื่อมีดวงตาเลื่อนลอยคล้ายกำลังพับปิด เหมือนว่ามิได้สติแล้ว ทว่าปากก็ยังเปล่งเสียงครวญครางออกมา ริมฝีปากล่างถูกกัดจนซีดและเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจนเต็มหน้าทำให้ผมปรกหน้าเปียกชื้นไปหมด เห็นได้ชัดว่าทรมานมากเพียงใด

“คุณหนูใหญ่…”

ขณะที่ตาพร่าเลือน หวังซื่อก็เห็นเงาของอันหลิงเกอจึงเรียกออกมาเสียงเบาและดวงตาก็เป็นประกายขึ้นราวกับมีความหวังอีกครั้ง

อันหลิงเกอส่งเสียงตอบนาง จากนั้นก็นั่งลงข้างเตียงแล้วกุมมือของนางเอาไว้ “อาสะใภ้รอง ตอนนี้ท่านมิต้องคิดอันใดมาก เพียงแค่ทำตามที่หมอสั่งก็พอ เขาบอกให้ทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้น ท่านต้องปลอดภัยทั้งแม่และลูกแน่เจ้าค่ะ”

แม้นางศึกษาวิชาแพทย์มา แต่ยังมิเคยผ่านเรื่องการทำคลอดมาก่อน ประสบการณ์ด้านนี้ยังสู้เหล่าหมอทำคลอดมิได้ ดังนั้นต้องทำตามที่หมอสั่งจักดีที่สุด

หวังซื่อฝืนยิ้มออกมา นางรู้สึกราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายกำลังหลุดลอยไป บริเวณท้องของนางมีอาการปวดเป็นระลอกจนถึงขั้นขมวดคิ้วแน่น แทบมิมีแรงแม้แต่จักพูดเสียด้วยซ้ำ

“นำโสมแผ่นเข้ามา”

หมอคนหนึ่งเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของหวังซื่อ จากนั้นก็หันไปสั่งสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง

โชคดีที่หวังซื่อตั้งครรภ์ ที่นี่จึงมีการเตรียมยาสมุนไพรบำรุงร่างกายไว้มิน้อย สาวใช้เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วเพียงครู่เดียวก็ไปนำสมุนไพรเข้ามา จากนั้นใส่เข้าไปในปากของหวังซื่อ

“ฮูหยินหวัง ท่านอดทนหน่อย เด็กใกล้คลอดออกมาแล้ว”

ท่านหมอเห็นหวังซื่อเริ่มมีแรงและได้สติขึ้นมาจึงรีบให้กำลังใจเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจักทนความเจ็บปวดมิไหวจนหมดสติไปอีกรอบ

หวังซื่อส่งเสียงอู้อี้ออกมาเป็นการตอบรับ จากนั้นก็ร้องเสียงแหลม มือที่ถูกอันหลิงเกอกุมไว้พลันกำหมัดแน่น เล็บยาวของนางจึงข่วนลงที่ฝ่ามือของอันหลิงเกอ

แต่อันหลิงเกอยังกุมมือของหวังซื่อเอาไว้ด้วยท่าทางปกติ ราวกับมิรู้สึกถึงความเจ็บปวดแต่อย่างใด ทั้งยังคอยปลอบนางเบา ๆ อีกด้วย “อาสะใภ้รอง ท่านได้ยินที่หมอบอกแล้วใช่หรือไม่ ท่านต้องอดทนเอาไว้ แค่อดทนเอาไว้อีกพักเดียวก็จักปลอดภัยทั้งแม่และลูกเจ้าค่ะ”

คล้ายหวังซื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้มามากแล้ว ดังนั้นถ้อยคำของอันหลิงเกอจึงมิสามารถกระตุ้นหรือมอบพลังแก่นางได้ หวังซื่อยังมีท่าทีอ่อนแรงราวกับพร้อมหมดสติได้ตลอดเวลา

“นึกถึงห่าวเกอร์เอ๋อไว้เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเอ่ยถึงบุตรชายของหวังซื่อขึ้นมา “ปีนี้ห่าวเกอร์เอ๋อสอบได้*ทั่นฮวา ตอนนี้ได้ทำงานที่ศาลต้าหลี่แล้ว เขาอายุยังน้อยและมีอีกหลายอย่างที่ยังมิรู้จึงต้องการให้มารดาเยี่ยงท่านคอยแนะนำ ท่านมิอยากอยู่ดูเขาแต่งภรรยาหรือเจ้าคะ ? ”

อันหลิงเกอพยายามกระตุ้นหวังซื่อเพื่อให้นางอยากมีชีวิตรอด หลังจากที่อันหลิงเกอบรรยายอนาคตของอันหลิงห่าวแล้ว ภายในแววตาของหวังซื่อจึงเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ความเจ็บปวดรุนแรงที่ปะทุขึ้นมาทำให้หวังซื่อกัดฟันและยังร้องออกมาอย่างทนมิไหว “ฮูหยินหวังรีบออกแรงเบ่งเร็ว เด็กกำลังจักคลอดออกมาแล้ว เห็นศีรษะแล้วอีกนิดเดียวเท่านั้น ! ”

อันหลิงเกอกุมมือของหวังซื่อแน่นขึ้น หวังซื่อหลับตาลงมิรู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหนทำให้นางออกแรงเบ่งตามมือของหมอที่กดท้องลงมาด้านล่างจนในที่สุดเด็กก็คลอดออกมาได้สำเร็จ

เสียงเด็กร้องทำให้หวังซื่อยิ้มได้ แต่เพียงพริบตาเดียวก็หมดสติไป

อันหลิงเกอรีบยื่นมือไปตรวจลมหายใจของนาง เมื่อรู้ว่านางแค่หมดสติเนื่องจากอ่อนเพลียจึงรีบออกใบสั่งยาแล้วให้สาวใช้ไปเตรียมยาบำรุงร่างกายไว้

หมอทำคลอดต่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หวังซื่อและลูกปลอดภัยสำหรับพวกตนถือเป็นข่าวดีที่สุด

อันหลิงเกอเพิ่งมีเวลาหันไปมองสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น แต่เห็นสาวใช้คนนั้นมีท่าทีว้าวุ่นใจ สีหน้าดูไร้ความยินดีแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังดูผิดหวังเสียมากกว่า

เมื่อรู้สึกถึงสายตาของอันหลิงเกอ สาวใช้คนนั้นก็รีบปรับสีหน้าทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ “เพราะคุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย ฮูหยินหวังจึงปลอดภัยทั้งแม่และลูก บ่าวขอขอบคุณท่านแทนฮูหยินหวังด้วยเจ้าค่ะ ! ”

แววตาของอันหลิงเกอดูราบเรียบพลางมองสาวใช้อย่างประเมินอยู่ครู่หนึ่ง นางรับรู้ได้ทันทีว่าสาวใช้คนนี้กำลังมีปัญหาบางอย่างแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา

หวังซื่อปลอดภัยทั้งแม่และลูก อันหลิงเกอก็วางใจจึงส่งคนไปแจ้งข่าวแก่ฮูหยินผู้เฒ่าและให้สาวใช้อีกคนไปแจ้งแก่อันอิงหาว จากนั้นจึงกลับไปที่เรือนฉีอู๋

ผ่านไปแค่ครึ่งวัน ภายในจวนก็มีข่าวแพร่ออกมาโดยบอกว่าที่ครั้งนี้หวังซื่อปลอดภัยทั้งแม่และลูกก็เป็นเพราะมีอันหลิงเกอคอยช่วยอยู่ด้านข้าง

อันหลิงเกอได้ฟังข่าวไร้สาระที่ปี้จูเล่าก็ขมวดคิ้วมุ่น

“เหตุใดหรือเจ้าคะ ? คุณหนู ท่านช่วยฮูหยินหวังเอาไว้ได้ เหตุใดจึงดูมิดีใจเลยเจ้าคะ ? ”

แววตาของอันหลิงเกอเข้มขึ้น ภายในดวงตาสีนิลมีอารมณ์บางอย่างที่มิสามารถอธิบายได้ “ข้ามิได้เป็นคนช่วยอาสะใภ้รอง ตอนที่ข้าไปถึงเรือนของนางก็มีหมอทำคลอดช่วยนางอยู่แล้ว ข้าแค่ปลอบอาสะใภ้รองมิกี่ประโยคเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นข้ามิได้ทำอันใดเลย”

เพราะนางมิได้ทำอันใด แต่ในจวนก็มีข่าวเช่นนี้ออกมาจึงทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ

“บางทีอาจเพราะสาวใช้ข้างกายฮูหยินหวังรู้สึกขอบคุณท่านจึงไปเอ่ยชมให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังก็ได้เจ้าค่ะ” ปี้จูนึกถึงสาวใช้ที่มาขอร้องให้คุณหนูไปช่วยจึงคาดเดาขึ้นมา

สาวใช้คนนั้นท่าทางเหมือนเป็นห่วงฮูหยินหวัง แม้มารยาทดูมิค่อยดีเท่าไร แต่เมื่อเห็นว่าฮูหยินหวังและลูกปลอดภัย ในใจก็คงรู้สึกขอบคุณคุณหนูใหญ่มากนั่นเอง

อันหลิงเกอเม้มริมฝีปากครู่หนึ่งแต่มิได้เอ่ยเรื่องท่าทีแปลก ๆ ของสาวใช้คนนั้นออกมา

สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างวุ่นวาย ต่อให้นางสังเกตเห็นว่าสาวใช้คนนั้นดูแปลกไป แต่คนอื่นก็คงมิเชื่อนางอยู่ดี

เพราะความสนใจของทุกคนอยู่ที่หวังซื่อหมด เหตุใดจึงมีนางเพียงคนเดียวที่สังเกตเห็นความผิดปกติของสาวใช้ตัวเล็ก ๆ หรือว่านางมิได้ใส่ใจความปลอดภัยของหวังซื่อเลยหรือ ?

อันหลิงเกอปิดตำราแพทย์ในมือลง นางตัดสินใจมินึกถึงเรื่องนี้อีก นางเพียงสั่งให้ปี้จูไปเตรียมสมุนไพรสามสี่ชนิดมาเพราะอยากจัดยาด้วยตนเอง จากนั้นนำมาบดเป็นผง แล้วแบ่งใส่เป็นขวดเล็ก ๆ เอาไว้

อีกมิกี่วันหลังจากนี้มู่จวินฮานก็ต้องไปม่อเป่ยแล้ว นางมิสามารถช่วยอันใดเขาได้มากนักจึงทำได้เพียงเตรียมยาสำหรับป้องกันตัว จำพวกยาป้องกันงู แมลง หนูและมด หรือยาจินฉวงที่มีสรรพคุณห้ามเลือดได้ดี นางได้เตรียมไว้ครบทุกอย่างโดยมิขาดตกบกพร่อง

*ทั่นฮวา คือตำแหน่งของผู้ที่สอบขุนนางจิ้นซื่อได้เป็นอันดับที่สาม สามารถได้เป็นขุนนางในราชสำนักแล้วแน่นอน ส่วนผู้ที่สอบได้จิ้นซื่ออันดับหนึ่งจะเรียกว่าจอหงวน อันดับสองเรียกว่าปั้งเหยี่ยน