มู่เฉียนซีตะลึงงัน “โดยปกติแล้วข้าเพียงแค่นำมันมาผสมยาเท่านั้น จะวางยาพิษเช่นนี้ให้คนอื่นได้อย่างไรเล่า”
“ซี… บางทีเจ้าอาจจะเคยวางยาแล้วจำไม่ได้” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงแผ่วเบา
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างโกรธ ๆ “จิ่วเยี่ย เจ้าอย่ามาสงสัยในจรรยาบรรณของข้าได้หรือไม่ พิษที่ข้าใช้นั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนอย่างมาก”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกคู่นั้นมองสตรีตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง ชัดเจนหรือ ? แต่เขาดูเหมือนจะถูกพิษของนางเข้าเสียแล้ว
เพราะศาลาเรือนรางเก้าชั้นเป็นเหตุ ทำให้เขาได้พบกับนางและปกป้องนาง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกวางยาพิษอย่างลับ ๆ ตั้งแต่แรก และตอนนี้มันก็เริ่มลงลึกขึ้นเรื่อย ๆ
จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงต่ำ “ซี… เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่วางยาพิษข้า ?”
มู่เฉียนซีเบ้ปากก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าคงทําให้คนผู้นั้นกลายเป็นโครงกระดูกขาวอย่างแน่นอน แต่ข้าขอบอกก่อนว่าเมื่อตอนแรกที่เจ้าจับข้ามานั้น ข้าคิดที่จะวางยาพิษเจ้า แต่ในที่สุดเจ้าก็ไม่ได้ทำอะไรข้า ข้าจึงไม่ได้ทําอะไรกับเจ้า”
“และหลังจากนั้น ข้าก็ไม่เคยคิดที่จะวางยาพิษเจ้าอีก”
ทว่าถึงแม้นางคิดที่จะวางยาเขา ก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถทำได้
“บางครั้งการต่อกรกับคนแกร่งผู้หนึ่ง วางยาพิษชนิดเดียวก็ถือว่ามากเพียงพอแล้ว” จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น เขาแทบอดไม่ได้ที่จะพานางไปในตอนนี้ จากนั้นก็ทำให้นางกลายเป็นสตรีของเขาอย่างแท้จริงเสียที เขาต้องการจะให้นางเป็นทุกสิ่งอย่างของเขาเพียงผู้เดียว
มู่เฉียนซีกล่าว “อืม แน่นอน การวางยาพิษของข้า ต้องสิ้นชีพในคราเดียว” จิ่วเยี่ยเองก็โดนพิฆาตไปในพิษเดียวเสียแล้วเช่นกัน เขานั้นไปชอบสตรียอดฝีมือในการใช้พิษผู้หนึ่ง แล้วเขาจะไม่สิ้นชีพด้วยการโจมตีในคราเดียวนี้ได้อย่างไร ?
จิ่วเยี่ยยังคงกอดมู่เฉียนซีต่อไป จนกระทั่งอาการบาดเจ็บบนร่างของนางดีขึ้นมากแล้วถึงจะยอมปล่อยนาง
มู่เฉียนซีล้วงเอารากสีดำโคนหนึ่งออกมา มันคือรากสีดำของเถาวัลย์หนามปีศาจ
เถาวัลย์ชนิดนี้ เพียงทำลายสาขาของพวกมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้รับมือกับพวกมันได้ ต้องทำลายที่รากหลักของพวกมันถึงจะเป็นผล
มู่เฉียนซีนำรากสีดำรากนี้ปรุงสกัดยา นางหวังว่ายานี้จะสามารถจัดการกับเถาวัลย์หนามปีศาจได้
เพียงแค่การโจมตีของเสี่ยวหงและอู๋ตี้ ยังไม่สามารถจัดการกับเจ้าสิ่งนั้นได้ เพื่อแก้แค้นให้กับตัวเอง นางจึงต้องคิดค้นยาพิษขึ้นมาเพื่อใช้โจมตี
ขวดยาขวดใหญ่ถูกปรุงออกมา มู่เฉียนซีมองไปที่ของเหลวสีใสนั้นก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ตัวอย่างทดลองไม่เพียงพอและยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ การศึกษาเรื่องพืชของข้านั้นน้อยเกินไป ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลมากเพียงใด”
ในโลกนี้ นางไม่ค่อยได้เห็นพืชที่มีพลังโจมตีสูงเช่นนี้เลย นางเคยพบก็แต่ดอกไม้กินคนเขตร้อนเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่ได้ศึกษาพืชที่เป็นพิษมากนัก
แต่ในที่แห่งนี้กลับไม่เหมือนกัน มีพืชมากมายที่มีพลังในการฆ่าล้างอันน่าหวาดกลัว เถาวัลย์หนามปีศาจที่ได้พบเจอในวันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ดูเหมือนว่านับจากนี้ไป นางจะมีเรื่องให้ศึกษาเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง นางสามารถวางยาพิษคนอื่น ๆ และสัตว์วิญญาณได้ก็จริง ทว่านางไม่มีทางที่จะวางยาพิษเหล่าพืชที่ก้าวร้าวเหล่านี้ได้เลย
มู่เฉียนซีเตรียมจะจากไปพร้อมกับยานั้น และจิ่วเยี่ยก็กลายมาเป็นผู้ส่งนางอีกครา เขาไปส่งมู่เฉียนซี และนางก็ได้บุกเข้าไปในดงเถาวัลย์หนามปีศาจอีกครั้ง
คนทั่วไปนั้น หากสามารถหลบหนีจากเถาวัลย์หนามปีศาจออกมาได้อย่างปลอดภัย นั่นถือว่าเป็นโชคดีอย่างที่สุดแล้ว และชาตินี้คงไม่ต้องการประสบกับเรื่องอันน่าสยดสยองเช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่มู่เฉียนซีนางกลับบ้าบิ่นเข้ามาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะเถาวัลย์หนามปีศาจนี้ทำได้เพียงแค่โจมตีโดยไม่มีจิตสํานึกใด ๆ มันคงคิดว่ามู่เฉียนซีเป็นคนประหลาดพิลึกกึกกือ
“วารีสะท้านสวรรค์!” มู่เฉียนซีตะโกน
นางเดินเข้าไป ยังไม่ทันที่เถาวัลย์หนามปีศาจจะโจมตี ก็รีบชิงลงมือก่อนมัน
— ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! —
เถาวัลย์หนามปีศาจที่ถูกโจมตีเริ่มขยายล้อมรอบอย่างรวดเร็ว
— ตูม! ตูม! —
ในวงล้อมที่มืดสนิทนี้ การต่อสู้อันแสนดุเดือดเริ่มต้นขึ้นแล้ว
— แควก! —
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะรวดเร็วปานใด นางก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงนี้ได้เลย เสื้อผ้าของนางถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าตระหนกตกใจ
ทว่านางยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ตะโกนออกไปอย่างเยือกเย็น “บุปผาหลั่งสายฝน!”
— ปัง! —
ขวดยานั้นถูกมู่เฉียนซีโยนออกมา นางจัดการทำให้แน่ใจว่าขวดยาแตกกระจายเพื่อกระจายยาไปทั่วทุกมุม
ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นของยาทันที เป็นเวลาเดียวกันกับที่การโจมตีของเถาวัลย์หนามปีศาจเริ่มบ้าคลั่งมากขึ้น ทว่ามู่เฉียนซีกลับพบว่ามันได้กลายเป็นเหมือนคนตาบอด ไม่สามารถหาเหยื่อได้
มู่เฉียนซีคิดกับตนเอง ‘แม้ว่ายาที่ข้าปรุงขึ้นจะไม่ทําให้พลังของมันอ่อนแอลง แต่ก็สามารถตัดการรับรู้ของเหยื่อได้ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดีมาก’
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “อู๋ตี้ เสี่ยวหง รีบหารากของมันเร็วเข้า ข้าต้องศึกษามันให้มากกว่านี้”
“ได้เลยนายท่าน”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้เชื่อฟังคําสั่ง พวกมันทั้งสองตัวเริ่มมองหารากของเถาวัลย์หนามปีศาจไปรอบ ๆ ทั่วทุกทิศทาง
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ทันใดนั้นเอง ดินเกิดแยกออกมา มู่เฉียนซีจำต้องเร่งมือ นางรีบรวบรวมรากของเถาวัลย์หนามปีศาจ
ทว่าในตอนนั้นเอง พลังการรับรู้ของเถาวัลย์หนามปีศาจก็ได้ฟื้นคืนกลับมา เถาวัลย์นับไม่ถ้วนพันรอบมู่เฉียนซีและแขวนนางไว้กลางอากาศ
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าเถาวัลย์หนามปีศาจกําลังดูดเลือดของนาง อู๋ตี้และเสี่ยวหงเห็นเหตุการณ์ พวกมันบันดาลโทสะรุนแรง!
“เจ้าปีศาจช่างเลื้อยตัวบัดซบ! รีบปล่อยนายท่านของข้าประเดี๋ยวนี้!”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
มู่เฉียนซีร่วงลงมาจากอากาศ แต่เพียงไม่นานนางก็ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจดูดเลือดไปไม่น้อยเลย บาดแผลบนร่างของนางดูน่ากลัวกว่าครั้งแรกเสียอีก!
ทว่าไม่ใช่ว่าไม่มีกําไร อย่างน้อยนางก็ได้ตัวอย่างรากส่วนใหญ่มา มู่เฉียนซีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฉับพลันทันใดกระบี่มังกรเพลิงก็พุ่งผ่านอากาศออกไปอีกครั้ง
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! —
มีเสียงดังสนั่นขึ้น ถนนสายใหญ่ถูกมู่เฉียนซีระเบิดออกไปอย่างบ้าคลั่ง มู่เฉียนซีพุ่งเข้าไปอีกครั้ง เหยื่อที่สดใหม่เช่นนี้จะหลบหนีนางไป เถาวัลย์หนามปีศาจนั้นจะยอมปล่อยไปได้เช่นไร ?
ดังนั้น เถาวัลย์หนามปีศาจจึงเริ่มล่าอย่างบ้าคลั่ง มันคว้าขาของมู่เฉียนซีที่อยู่บนพื้นเอาไว้ได้
“โอ๊ย!” มู่เฉียนซีร้องเสียงดัง ขาของนางถูกแทงทะลุ และใบหน้าของนางก็ซีดเผือดไร้สีเลือด
กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาตวัดฟันพวกมันให้ขาดออก ร่างของนางนั้นได้ขดเป็นลูกฟางกลม ๆ กลิ้งออกไปเพื่อหลีกไปอยู่ระยะปลอดภัย
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ฝนหนามสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาเสมือนห่าฝนตามเวลาที่นางคาดการณ์เอาไว้
“โฮกกก!”
“เหมียว!”
อู๋ตี้และเสี่ยวหงเห็นนายท่านของพวกเขามีแผลบาดเจ็บอยู่เต็มทั้งร่าง พวกมันโกรธมาก รีบรุดเข้าไปกันหนามนั้นอย่างบ้าคลั่ง
แต่หลังจากที่พวกมันได้ปัดป้องเรียบร้อยก็พบว่านายท่านของตนไม่อยู่แล้ว เสี่ยวหงกับอู๋ตี้กล่าวขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “บุรุษผู้นั้นจะจัดการได้ไวเกินไปแล้วกระมัง!”
…
“อ๊ะ!” มู่เฉียนซีเผลอร้องออกมาเล็กน้อยขณะที่จิ่วเยี่ยรักษาบาดแผลให้นางเหมือนเช่นคราที่เพิ่งผ่านมานี้
จิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น “หากเจ้าเจ็บ เจ้าสามารถตะโกนออกมาได้ ข้าไม่ห้าม”
มู่เฉียนซี “ไม่ ข้ายังไหว ยังอยู่ในขอบเขตที่ข้าสามารถทนได้ ไม่เป็นไร”
“อวดดี”
“ข้าไม่ได้อวดดี แต่ความสามารถในการอดทนของข้าดีต่างหากเล่า!”
จิ่วเยี่ยขมวดคิ้ว สตรีบางคนชอบอวดดีนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะให้บทเรียนนางเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูบ้าง เมื่อจัดการกับบาดแผลส่วนมากเสร็จแล้ว ท้ายที่สุดเขาจะจัดการกับบาดแผลใหญ่
ริมฝีปากของเขานั้นประทับวางลงไปบนแผล จากนั้นเขาออกแรงดึงหนามที่แหลมคมนั้นออกมาจากแผลที่มีเลือดสด ๆ ของมู่เฉียนซี ในเวลานั้นมู่เฉียนซีทั้งรู้สึกชาและรู้สึกเจ็บไปในเวลาเดียวกัน
“โอ๊ย! จิ่วเยี่ย ข้าเจ็บมาก เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่ ? เบา ๆ หน่อยเถอะ”
“ข้ารู้ผิดแล้ว ต่อไปไม่ทำตัวอวดเก่งแล้ว เจ็บแล้วข้าก็ร้องตะโกนออกมายังไม่พออีกหรืออย่างไร ?”
“ไม่พอ”
หลังจากที่เขากล่าวออกมาสองคำนั้น เขาก็ได้รีบพันแผลให้นางอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากสีแดงสดที่เปื้อนเลือดนั้นหนีบริมฝีปากของมู่เฉียนซีเอาไว้
“อื้อ!”
เสื้อคลุมสีดำกับผิวสีขาวเปื้อนเลือดพัวพันอยู่ด้วยกัน ช่างเป็นภาพแปลกประหลาดทว่าสวยงามน่าอัศจรรย์ใจ
.