“มีผู้อาวุโสระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือ?! นี่พวกเขากำลังทำอะไรกัน?”

หลิวหยูหลานตกตะลึง ในช่วงเวลาปกตินั้นตำหนักสืบทอดจะมีทหารยอดฝีมือในระดับสมปรารถนาที่คุ้มกันอยู่ ผู้อาวุโสในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้

เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณแต่ละคนล้วนครอบครองทักษะลับที่ทรงอำนาจมาจากศิลาจารึกแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่อีก

ทว่าหากข้างในตำหนักสืบทอดมีผู้อาวุโสระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวอยู่หลายคนจริงๆล่ะก็ จากนั้นแผนการของพวกเธอในครั้งนี้ก็คงจะล้มเหลว เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วเมื่อใดที่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณไหวตัวขึ้นมา พวกเธอก็จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

“ไม่เป็นไร ข้าสามารถที่จะจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย”

เซี่ยปิงตบหน้าอกของตนเอง บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหา

“สามารถที่จะจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย? อย่ามาตลกที่นี่ นี่คือยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เจ้าจะมีพลังอำนาจในการเอาชนะยอดฝีมือในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าเจ้าสามารถรับประกันได้หรือว่ามันจะไม่เกิดเสียงดังขึ้นมาแม้แต่เล็กน้อย?”

หลิวหยูหลานพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ในตอนนี้พวกเรานั้นอยู่ในรังของศัตรู เพียงแค่สัญญาณของปัญหาแม้แต่น้อย ก็จะทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางในทันที”

“เมื่อถึงเวลานั้น ทั่วทั้งสำนักวิญญาณสาขาหลักก็จะกลายเป็นศัตรูของพวกเรา”

เธอคิดว่าการที่ข้างในตำหนักสืบทอดมียอดฝีมืออยู่หลายคนนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือกำลังเสริมที่จะตามมา นี่คือภัยอันตรายที่ถึงแก่ชีวิต ไม่สามารถที่จะทำอะไรสิ้นคิดได้

“ไม่มีปัญหา การที่ต้องการจะจัดการกับพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก”

เซี่ยปิงหรี่ตามอง เขาได้ก้าวเข้าไปที่ตำหนักสืบทอดและเคาะประตูโดยตรง

ทันใดนั้นหน้าประตูของตำหนักสืบทอดก็มีเสียง ก๊อก ก๊อก ดังขึ้นมา

“เจ้าคนเสียสตินี่!”

หลิวหยูหลานปรารถนาที่จะจับตัวเซี่ยปิงมาอัดอย่างป่าเถื่อนทันที แม้แต่การรนหาที่ตายก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าจะเคาะประตูอย่างโง่เขลาเช่นนี้ นี่มันไม่ใช่เป็นการทำให้ศัตรูค้นพบตนเองหรือ?

พวกเธอได้เดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะปล้นชิงทักษะลับของสำนักวิญญาณ ควรที่จะหลบซ่อนตำแหน่งของตนเองถึงจะถูก ไม่คาดคิดว่าจะมีมารยาทขึ้นมาในตอนนี้ เคาะประตูก่อนเข้าไป เกรงกลัวว่าคนอื่นๆจะไม่รู้ เจ้าปีศาจต่างถิ่นที่โง่เขลานี่ ท้ายที่สุดแล้วมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไรกัน?

“ใครกัน ใครกันที่เคาะประตูอยู่ข้างนอก ไม่รู้หรือว่าพวกเราผู้อาวุโสกำลังทำการสืบทอดทักษะลับของศิลาจารึกอยู่? หากขัดจังหวะการตระหนักรู้ของพวกเราและส่งผลให้จิตวิญญาณของพวกเราเสียหายนั้น เจ้าจะสามารถรับผิดชอบเรื่องนี้ได้หรือไม่?!”

ประตูหน้าของตำหนักสืบทอดได้เปิดขึ้นมาทันที ชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีเทาได้วิ่งออกมาอย่างโมโห เคราของเขาชี้ตั้งขึ้น สีหน้านั้นโมโหอย่างมาก เหมือนกับปรารถนาที่จะอัดผู้ที่เคาะประตูนี้อย่างป่าเถื่อน

ซู่ ซู่ ซู่!!!

เดิมทีชายชราระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จำนวน5-6คนที่กำลังหลับตาและพยายามสืบทอดทักษะลับอยู่นั้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน หันมามองด้วยสีหน้าที่โมโห มองไปที่ประตู ดูเดือดระอุอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าตนเองได้สั่งการไม่ให้ใครเข้ามารบกวนในเวลานี้อย่างแน่นอน

ทว่ากลับมีใครบางคนที่ขัดคำสั่งของพวกเขา เข้ามาสร้างปัญหาที่ตำหนักสืบทอดแห่งนี้ นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?

โชคดีที่พวกเขานั้นเพิ่งเริ่มต้นการทำความเข้าใจทักษะลับของศิลาจารึกนี้ หากเข้าไปสู่การรับรู้ที่ลึกซึ้งและสะดุ้งขึ้นมาเช่นนี้ล่ะก็ บางทีอาจจะทำให้พวกเขาตกใจสะดุ้งขึ้นจนหัวใจวายขึ้นไปสู่สวรรค์ก็เป็นได้

เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้พวกเขาโมโหมากเพียงใด

“ท่านผู้อาวุโส ขออภัยด้วย ข้าเพิ่งมาใหม่ ต้องการที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนตำหนักสืบทอด ข้าต้องขอโทษจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะเข้ามารบกวนพวกท่าน” เซี่ยปิงพูดออกมาพร้อมกับจับมือของหลิวหยูหลานขึ้นมาเช่นกัน ทำเหมือนกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของตนเอง ก้าวเข้าไปในตำหนักสืบทอดโดยตรง

“หึหึ นี่คือตำหนักสืบทอดของสำนักวิญญาณที่โด่งดังอย่างนั้นหรือ ดูไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้ บ้านของข้ายังมีขนาดที่ใหญ่กว่านี้อีก การตกแต่งของที่นี่ก็ไม่ได้ดูสละสลวย ไม่ได้ดูโดดเด่นและเฉิดฉาย ไม่สง่างามแม้แต่น้อย”

เขากำลังวิพากษ์วิจารณ์สถานที่แห่งนี้

พูดตามตรง ตำหนักสืบทอดนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่ เป็นเพียงแค่ห้องโถงห้องหนึ่ง รอบๆนั้นว่างเปล่า มีเพียงแค่ศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางของตำหนักสืบทอดแห่งนี้

บนศิลาจารึกนั้นก็มีอักขระโบราณนับไม่ถ้วนที่ถูกจารึกไว้ เหมือนกับว่ามีปริศนาของจักรวาลอยู่ เส้นลวดลายกระพริบแสงอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าเป็นทางช้างเผือกของจักรวาลก็ว่าได้ เหมือนกับว่าซ่อนความลับของจักรวาลไว้อยู่ ดูล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้

เข้ามาเยี่ยมเยียน?!

สีหน้าที่โมโหของผู้อาวุโสสำนักวิญญาณเหล่านี้เปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าที่ซีดเผือดทันที นี่มันเจ้าลูกผู้ดีมีเงินจากไหนกัน เห็นตำหนักสืบทอดของสำนักวิญญาณเป็นที่ไหนกัน ต้องการที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนก็เข้ามาเยี่ยมเยียนอย่างนั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดจาดูถูกเหยียดหยามบอกว่าตำหนักสืบทอดไม่ได้ดูสละสลวย อีกทั้งยังบอกว่าไม่ใหญ่เท่ากับบ้านของตนเอง

บัดซบ สิ่งที่สำคัญที่สุดของตำหนักสืบทอดนั้นก็คือศิลาจารึก นี่คือรากฐานของพลังอำนาจ เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมรดกของสำนักวิญญาณมานานนับหมื่นปี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการตกแต่งของสถานที่แห่งนี้แม้แต่น้อย

อีกทั้งการที่เข้ามาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้ก็ได้นำผู้หญิงมาข้างกายเช่นกัน เดินเข้ามาอย่างไร้มารยาท ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าพวกเขาผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณจะอนุญาตหรือไม่

มองดูท่าทางของเจ้าบัดซบนี่ ดูเหมือนจะเห็นสำนักวิญญาณเป็นบ้านของตนเองก็ว่าได้ นำพาผู้หญิงของตนเองเข้ามาเที่ยวเล่น ไม่ได้มีความเคารพนับถือต่อสถานที่สำคัญของสำนักวิญญาณแม้แต่น้อย

บางทีหากพวกเขาไม่ถือสาล่ะก็ เจ้านี่ก็อาจจะต้องการเข้ามาร่วมรักกับผู้หญิงในสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

“เจ้าบัดซบ ใครกันที่บอกเจ้าว่าสำนักวิญญาณเป็นสถานที่ที่เจ้าจะสามารถเข้ามาเที่ยวเล่นได้ ไอ้บัดซบไหนกันที่อนุญาตให้เจ้าเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ล่วงรู้หรือไม่ว่าการที่จะบุกรุกเข้ามาในตำหนักสืบทอดนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง มีโทษจำคุกนานหลายร้อยปีหรืออาจถึงขั้นถูกประหารชีวิตในทันที!”

ชายชราที่สวมชุดคลุมสีเทาจ้องมองเซี่ยปิงอย่างโมโห

ชายชราคนอื่นๆก็โมโหอย่างมากเช่นกัน มีสีหน้าที่มืดมน เพราะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป การกระทำของเซี่ยปิงนั้นดูเปิดเผยและไม่เกรงกลัวอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้การที่สำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นก็ไม่ได้ต้อนรับผู้บุกรุกมานานหลายพันปีนั้น พวกเขาจึงไม่คาดคิดว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเองในตอนนี้นั้นจะเป็นปีศาจต่างถิ่นได้

“มีความผิดร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทว่าข้าก็มีคนหนุนหลังอยู่”

เซี่ยปิงบ่งบอกว่าตนเองมีภูมิหลังที่ล้ำลึก

เป็นลูกผู้ดีมีเงินจริงๆ!

เห็นเจ้านี่ที่แสดงท่าทางที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆก็โมโหจนปอดเกือบที่จะระเบิดออกมา ใครกันในสำนักวิญญาณสาขาหลักที่ไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่การปาก้อนหินออกไปอย่างมั่วซุ่มนั้น ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณหรือว่าผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ทุกๆคนต่างก็มีสถานะที่สูงส่ง

สำหรับเจ้าเด็กนี่ที่ต้องการจะแสดงความยโสโอหังออกมาต่อหน้าพวกเขาผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณนั้น มั่นใจเพราะว่าตนเองมีคนหนุนหลังอยู่นั้น ช่างเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำยิ่งนัก

คาดการณ์ได้ว่าชายคนนี้คงจะคุ้นชินกับการใช้อำนาจของตระกูลในการข่มเหงผู้อื่น มาถึงที่สำนักวิญญาณสาขาหลักก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง อีกทั้งยังคิดว่าสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นจะปล่อยให้เขาได้ทำอะไรตามอำเภอใจ

“มีผู้หนุนหลังตูดข้าสิ ข้าอยากจะรู้เหมือนกับว่าไอ้บัดซบที่ไหนกันที่หนุนหลังเจ้าอยู่ถึงได้ทำให้เจ้าแสดงความหยิ่งผยองออกมาเช่นนี้ คิดว่าสามารถฝ่าฝืนกฎของสำนักวิญญาณโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้เจ้าจะเป็นลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณ วันนี้เจ้าก็จะต้องได้รับการลงโทษ ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้”

ชายชราชุดคลุมสีเทาและคนอื่นๆต่างก็ระเบิดอารมณ์ออกมา พวกเขาตัดสินใจที่จะลงโทษเจ้าลูกผู้ดีมีเงินนี่อย่างสาสม ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆก็อาจจะทำตามพฤติกรรมของเจ้านี่ได้ ซึ่งจากนั้นกฎระเบียบของสำนักวิญญาณจะมีความศักดิ์สิทธิ์อะไรอีก

ในตอนนี้เซี่ยปิงก็ได้ลงมืออย่างกะทันหัน นำขวดแก้วออกมาจากแหวนห้วงมิติและโยนลงไปที่พื้น

ทันใดนั้นก็มีหมอกสีแดงกลุ่มหนึ่งที่ลอยออกมาจากขวดแก้วที่แตกทันที กระจายออกไปทั่วทั้งตำหนักสืบทอดอย่างรวดเร็ว

ทว่าหมอกสีแดงเหล่านี้ ก็คือพิษสลายพลังงานที่เซี่ยปิงได้รับมาจากเฉินเหว่ยนั่นเอง พิษนี้มีผลในการสลายพลังงานของร่างกายมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถที่จะออกฤทธิ์ได้อย่างกะทันหัน

อะไรกัน?!

ชายชราชุดสีเทาและคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งตกใจ ไม่คาดคิดว่าเจ้าลูกผู้ดีมีเงินนี่จะกล้าทำเช่นนี้ โยนขวดแก้วในตำหนักสืบทอดแห่งนี้อย่างไม่คาดคิด ทว่าเมื่อพวกเขาค้นพบหมอกสีแดงที่กระจายไปรอบๆตำหนักสืบทอดแห่งนี้ ร่างกายของพวกเขาก็ได้สูดพิษสลายพลังงานเข้าไปแล้ว