ตอนที่ 749

Elixir Supplier

749 บินข้ามเขาไปพร้อมกับเธอ

 

“คุณเป็นคนทำให้เขาป่วยจริงๆน่ะเหรอคะ?” ดวงตาที่งดงามของซูเสี่ยวซวีกระพริบปริบๆ

 

“จริงสิ เป็นฝีมือของผมเอง” หวังเย้าพูด

 

“ฮาฮา สมควรแล้ว” ซูเสี่ยวซวีพูดพร้อมกับปรบมืออย่างยินดี

 

“เธอคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ?” หวังเย้าถามด้วยความแปลกใจ

 

“คุณทำถูกแล้วล่ะค่ะ” เธอตอบ

 

ความเห็นในบางเรื่องของซูเสี่ยวซวีนั้นออกจะเรียบง่ายอยู่บ้าง ขอแค่หวังเย้าคิดว่าเรื่องนั้นถูก เธอก็จะเห็นด้วยกับเขาในทุกๆเรื่อง บางครั้ง ความรักก็ทำให้บางคนโง่ลงได้

 

“การที่ผมไม่รักษาเขา จะไม่เป็นอะไรแน่นะ?” หวังเย้าถาม

 

ถ้าซูเสี่ยวซวีต้องการให้เขารักษาโฮ่วชื่อต๋า เขาก็จะทำแค่บรรเทาความเจ็บปวดให้เพียงเท่านั้น

 

“ค่ะ ไม่ต้องไปรักษาเขาหรอกค่ะ” เธอพูด

 

“เรามาพูดเรื่องอื่นกันดีกว่านะ” หวังเย้าพูด

 

เขาได้พูดถึงเรื่องสถานที่แห่งความตายทั้งสองแห่งบนเนินเขาซีชาน และเรื่องที่เมี่ยวซานติงวางแผนที่จะตั้งค่ายกลขึ้นที่นั่น

 

“โอ้โห สุดยอดไปเลย!” ซูเสี่ยวซวีอุทาน

 

“ใช่ ฉันจะไปพาเธอไปดูที่นั่นเอง” หวังเย้าพูด เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด “รอก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวฝนก็หยุดตกแล้ว”

 

หลังจากผ่านไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า ฝนก็หยุดตก

 

“โอเค เราไปดูที่นั่นกันเถอะ” หวังเย้าพูด

 

ในตอนที่พวกเขากำลังจะเดินออกไปจากคลินิกนั้น ก็มีสามีภรรยาคู่หนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับเด็กอายุ 5 ขวบอีกคน

 

“หมอหวัง ช่วยตรวจดูลูกชายของเราหน่อยได้ไหม?” ผู้เป็นแม่ถามด้วยความกังวล

 

ใบหน้าของเด็กน้อยซีดเผือด เขามีอาการหายใจถี่เร็ว หวังเย้าจึงตัดสินใจอยู่ที่คลินิกต่อเพื่อตรวจดูอาการของเด็ก

 

เมื่อเขาตรวจดูอาการของเด็กแล้ว เขาก็คิดในใจขึ้นมา แปลก!

 

เขาเอามือเปิดปากของเด็กดู มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา ด้านในปากยังคงมีเศษอาหารหลงเหลืออยู่ เด็กอาจจะเพิ่งอาเจียนไป ที่สำคัญกว่านั้น หวังเย้ายังพบพยาธิขนาดเล็กอยู่ภายในปากของเด็กด้วย

 

เขาจับชีพจรของเด็กดู เขาค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในร่างกายของเด็กมีแมลงพิษอยู่ และพวกมันก็ได้ล่วงล้ำเข้าสู่อวัยวะภายในแล้ว

 

“เขาท้องเสียไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ เขาท้องเสีย แล้วก็อ้วกด้วย” ผู้เป็นแม่ที่มีเหงื่อไหลซกพูด

 

“เขาป่วยมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ได้สามวันแล้ว” แม่ของเด็กพูด

 

“คุณได้พาเขาไปโรงพยาบาลรึยังครับ?” หวังเย้าถาม

 

“พาไปแล้ว หมอบอกว่า เขามีพยาธิอยู่ในตัว” แม่เด็กพูด “หมอเลยจ่ายยาฆ่าพยาธิมาให้ แต่พอลูกชายของฉันกินยาเข้าไป เขาก็อ้วกออกมา แล้วยังท้องเสียหนักมากด้วย ร่างกายของเขาจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

 

“เข้าใจแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

หมอตรวจพบพยาธิในร่างกายของเด็กเจอก็จริง แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันมีอยู่มากเท่าไหร่ จำนวนยาที่ให้มาจึงไม่เหมาะสมกับการรักษา และไปกระตุ้นพยาธิเหล่านั้นให้สร้างความเสียหายต่อร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของเด็กนั้นเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่อยู่แล้ว ตอนนี้ อวัยวะภายในร่างกายของเขาจึงทำงานไม่เป็นระบบ

 

“ฟังนะครับ ผมจะจ่ายยาให้คุณสองตัว” หวังเย้าพูด “คุณต้องให้เขากินยาตามที่ให้ไป แล้วเขาก็จะดีขึ้นภายในสามวัน จากนั้นก็พาเขามาหาผมอีกรอบ”

 

“ได้” แม่เด็กพูด

 

หนึ่งในนั้นเป็นยากำจัดพยาธิ ซึ่งมีส่วนผสมของพลัม, ส้ม, รูบาร์บ, ป้านเซี่ย, หวงชิน, ซานเชียน ส่วนยาอีกตัวหนึ่งก็คือซุปเป่ยหยวน ที่มีส่วนผสมของ ตังกุย, หลินจือ, และหวงจิง ยาทั้งสองรวมแล้วมีราคาหลายร้อยหยวน

 

“ให้ทำยาตามใบสั่งนี้นะครับ” หวังเย้าพูด “เอายาให้เขาดื่มทันทีที่ทำเสร็จ เขาจะยังอ้วกและท้องเสียอีกหลายรอบ เรื่องนี้ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เขาจะไม่เป็นอะไร อย่าให้เขาทานอะไรหนักๆ รวมถึงพวกเนื้อสัตย์ อาหารรสเผ็ดและของเย็นทุกอย่างก็ห้ามนะครับ”

 

“ขอบคุณค่ะ หมอ” สองสามีภรรยาจากไปพร้อมกับลูกของพวกเขา

 

“หมอหวังคะ เด็กคนนั้นเป็นอะไรเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“เขามีพยาธิอยู่ในร่างกายมากเกินไปน่ะ” หวังเย้าตอบ

 

“พยาธิเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ใช่ ผมคิดว่า น่าจะเกิดจากสุขอนามัยที่ไม่ดี” หวังเย้าพูด

 

อาการป่วยหลายอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จากอาหารที่ทานเข้าไป หวังเย้าค่อนข้างมั่นใจว่า เด็กจะต้องไปกินอะไรที่ไม่ควรเข้า หรืออาจจะไม่ได้ล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหาร

 

“แล้วพยาธิพวกนั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขาไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“เรื่องนี้มันก็พูดยากนะ” หวังเย้าพูด “พยาธิได้เข้าไปถึงอวัยวะภายในของเขาแล้ว การจะจัดการกับพยาธิที่เข้าไปในสมองของเขาก็ถือเป็นเรื่องที่ลำบากเอาการเลยล่ะ”

 

เรื่องของพยาธินั้นไม่ในเรื่องที่จะทำเป็นเล่นไปได้ เพราะพวกมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมามากมาย

 

“เราขึ้นไปบนเนินเขาซีชานกันเถอะ” หวังเย้าพูด

 

ทั้งสองเดินออกไปจากคลินิก เส้นทางขึ้นเขานั้นเต็มไปด้วยดินโคลนจากฝนที่ตกลงมาเป็นเวลานาน จึงทำให้รองเท้าของซูเสี่ยวซวีเต็มไปด้วยดินโคลนเหล่านั้น

 

หวังเย้ารีบปล่อยพลังฉีออกมาครอบตัวเขากับซูเสี่ยวซวีเอาไว้ พลังฉีได้จัดการปิดกั้นน้ำและดินโคลนออกจากตัวพวกเขา

 

“ถึงแล้ว นี่เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งความตาย” หวังเย้าพูด

 

พื้นที่โดยรอบดูปกติ แต่หากสังเกตพูดดีดีก็จะพบว่า ที่แห่งนี้ไม่มีพืชพรรณขึ้นแม้แต่ต้นเดียว และมีเพียงดินทรายให้เห็นเท่านั้น

 

“ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนะคะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เธอพูดถูก หญ้าสักต้นก็ไม่ขึ้นที่นี่” หวังเย้าพูด

 

“แสดงว่า พิษของแมลงพวกนั้นจะต้องร้ายแรงมากแน่ๆ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

“เธออยากเห็นพวกมันรึเปล่า?” อยู่ๆหวังเย้าก็ถามขึ้นมา

“ค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพยักหน้า

 

“ฉันจะเอาให้เธอดู” หวังเย้าหยิบขวดแก้วขึ้นมา

 

ด้านในมีแมลงสีดดำอยู่หลายตัว ท่าทางของพวกมันดูดุร้ายมาก

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” ซูเสี่ยวซวีรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ถึงยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ชอบสิ่งมีชีสิตที่น่าขยะแขยง แต่เธอก็ยังเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อมองดูแมลงเหล่านั้น “น่ากลัวจัง”

 

เหล่าแมลงขยับตัวราวกับพวกมันเข้าใจคำพูดของซูเสี่ยวซวี เธอจึงตกใจและถอยร่นออกไป

 

“ทำตัวดีดี!” หวังเย้าเขย่าขวดเบาๆ แมลงทั้งหมดหยุดการกระทำของพวกมันและนอนหงายท้องอยู่ภายในขวดแก้ว

 

“พวกมันเข้าใจคำพูดของคุณด้วยเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีถาม

 

“ไม่หรอก แต่ผมกำลังฝึกพวกมันอยู่” หวังเย้าพูด

 

เขาไม่ได้ฆ่าแมลงพวกนี้ เพราะเขายังอยากจะศึกษาพวกมันอยู่ และพวกมันก็อึดมาก ขอแค่มีอาหารให้ พวกมันก็จะไม่ตาย

 

อีกที่หนึ่งก็เหมือนกับที่นี่ เราจะไปดูที่ตรงนั้นกันไหม?” หวังเย้าชี้ไปบนยอดเขา

 

ด้านบนมีช่องเขาที่เป็นทางผ่านของลมอยู่ด้วย ซึ่งเหมาะกับการสร้างค่ายกลตามแผนของเมี่ยวซานติง

 

“ไปค่ะ” ซูเสี่ยวซวีพูด

 

พวกเขาเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยต้นหญ้า เพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปบนยอดเขา อยู่ๆก็มีสายลมพัดมาวูบหนึ่ง จนทำให้ซูเสี่ยวซวีเกือบเสียการทรงตัว

 

“ที่นี่ลมแรงมากเลยนะคะ” เธอพูด

 

“ตรงนี้เป็นช่องที่ลมผ่าน ที่นี่เลยมีลมพัดแรงตลอดเวลา” หวังเย้าพูด

 

“พวกคุณคิดจะนำพาลมจากที่นี่ไปที่สถานที่แห่งความตายเหรอคะ?” ซูเสี่ยวซวีมองไปยังสถานที่แห่งความตายที่เธอและหวังเย้าเดินจากมา

 

วูซซซซ! ลมหอบใหญ่พัดเข้ามา ซูเสี่ยวซวีเสียการทรงตัวอีกครั้ง ในตอนที่เธอเกือบล้มลงไปนั้น แขนที่แข็งแกร่งของหวังเย้าก็รับร่างของเธอเอาไว้จากด้านหลัง

 

“ใช่ เราคิดจะนำลมไปทางนั้น” หวังเย้าพูด

 

“เขาโอบไหล่ซูเสี่ยวซวีเอาไว้ ร่างกายของเธอนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม และมันทำให้เขารู้สึกดีมาก ทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปอีกครู่หนึ่ง

 

“ให้ผมอุ้มเธอไปดีไหม?” หวังเย้าปล่อยซูเสี่ยวซวีออก

 

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ มันยิ่งทำให้เธอดูหน้ามองขึ้นไปอีก “ค่ะ”

 

“มาสิ!” หวังเย้าย่อตัวลง ซูเสี่ยวซวีเกาะหลังและยื่นมือโอบรอบลำคอของหวังเย้าเอาไว้

 

“ไปกันเลย!” หวังเย้ากระโดดตรงไปยังยอดเขา

 

เส้นทางบนเขาเต็มไปด้วยความขรุขระ แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดหวังเย้าได้ เขาทั้งวิ่งและกระโดดเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปบนยอดเขาได้อย่างอิสระ ภาพที่เห็น ราวกับว่าเขากำลังบินอยู่

 

เพียงหนึ่งก้าวกระโดด หวังเย้าก็พุ่งไปได้ไกลเกือบ 20เมตร เขาร่อนลงพื้นและกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง

 

“วิเศษไปเลย!” ซูเสี่ยวซวีตะโกนออกมาพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง เธอมีความสุขที่สุด

 

หวังเย้าแบกเธอไว้ด้านหลังตั้งแต่เนินเขาซีชานไปจนถึงเนินเขาหนานชาน เขาดูราวกับจะบินไปที่เนินเขาตงชานก่อนจะไปถึงเนินเขาหนานชาน ในที่สุดเขาก็กระโดดมาถึงบนยอดเขา

 

โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนส่งเสียงเห่าอยู่ภายในแปลงสมุนไพร

 

ต้าเซี่ยบินตรงมายังจุดที่หวังเย้าและซูเสี่ยวซวีกำลังลอยตัวอยู่

 

สายลมพัดผ่านตัวพวกเขาไป ครู่ต่อมา พวกเขาก็ร่อนลงที่ตีนเขา

 

“สนุกไหม?” หวังเย้าปล่อยตัวซูเสี่ยวซวีลงอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเพราะความตื่นเต้น

 

“ค่ะ มันวิเศษไปเลย!” ซูเสี่ยวซวีไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเธอในเวลานี้ได้เลย มันยิ่งกว่าคำว่ามหัศจรรย์ มันมีความหวานล่ำและตื่นเต้นปะปนกันไป

 

“กลับไปที่คลินิกกันเถอะ” หวังเย้าพูด

 

ขณะเดียวกันนั้น ภายในตัวเมืองเหลียนชาน คู่สามีภรรยาที่เพิ่งพาลูกของพวกเขาไปรักษากับหวังเย้า ก็ได้เอายาให้ลูกชายของพวกเขากินเข้าไป

 

“ลูกรู้สึกยังไงบ้างจ๊ะ?” แม่เด็กถาม

 

“ผมเจ็บที่พุงฮะ” เด็กพูดพร้อมกับเอามีกุมท้องของเขาเอาไว้ ท้องของเขาส่งเสียงร้องออกมา ไม่นานเขาก็ผ่ายลมออกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็น “ผมอยากเข้าห้องน้ำฮะ”

 

เขารีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ ครู่ต่อมา เขาก็ส่งเสียงร้องเรียกพ่อแม่

 

“ลูกเป็นอะไรไหม?” พ่อแม่ของเด็กรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อดูลูกชายของพวกเขา เด็กชายชี้ไปที่โถส้วมด้วยสีหน้าตกตะลึง ภายในโถส้วมเต็มไปด้วยพยาธิที่เขาเพิ่งถ่ายออกไป พวกมันยังคงขยับตัวไปมา ดูน่าขยะแขยง

 

“ลูกจะไม่เป็นอะไร ทุกอย่างโอเค พยาธิพวกนี้มันอยู่ข้างในตัวลูก ตอนนี้พวกมันออกมาแล้ว จากนี้ลูกก็จะไม่ปวดท้องอีกแล้วนะจ๊ะ” แม่เด็กกดชักโครกเพื่อชำละล้างพยาธิ

 

“ฮะ” เด็กชายยังคงตกใจไม่หาย เขาทำเพียงพยักหน้า “ผมอยากถ่ายอีกแล้ว”

 

“ไม่เป็นไรจ๊ะ ลูกถ่ายเอาพยาธิออกมาให้หมด ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พ่อกับแม่จะรออยู่ข้างนอกนี้ไม่ไปไหน” แม่เด็กพูดอย่างอ่อนโยน เธอลูบศีรษะของเด็กชายด้วยความรัก

 

เธอและสามีรอคอยอยู่ด้านนอกห้องน้ำ เพื่อรอให้ลูกชายของพวกเขาถ่ายอยู่ด้านใน หลังจากนั้น เด็กชายก็รู้สึกหิว พวกเขาจึงให้เขากินยาอีกตัวเข้าไป ซึ่งมันก็คือ ซุปเป่ยหยวน เพื่อช่วยให้ร่างกายของเด็กชายแข็งแรงขึ้น หลังจากที่กินยาเข้าไป เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก

 

“ลูกอยากพักสักหน่อยไหมจ๊ะ?” แม่เด็กถาม

 

เด็กชายเป็นเด็กที่เชื่อฟัง เขากลับไปที่ห้องและล้มตัวลงนอน ครู่ต่อมา เขาก็หลับไป

 

“หมอคนนี้เก่งมากเลยนะคะ” แม่เด็กพูด

 

“แน่นอนอยู่แล้ว คนฒ่าคนแก่ที่หมู่บ้านก็ไปรักษากับเขากันหมด อาการปวดหัวของพวกเขาหายเป็นปลิดทิ้ง ดูเหมือนว่าเขาจะรักษาได้ทุกโรคเลยล่ะ” สามีของเธอพูด