“คุณหนูชู เราจะทำเรื่องไม่ดีกับเสี่ยวหลัวจริงๆงั้นเหรอ?” ไป่หลิง ถาม

“ฉันแค่อยากให้เขาทำตัวขายหน้าออกมาด้วยตัวเองก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ชูเยว่พูดออกมาด้วยโกรธอยู่นิดหน่อย จากนั้นก็หยิบน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว มาจากชามผลไม้ที่ถูกเสิร์ฟโดยบริกรแล้วดื่มลงไป “ฉันโกรธมากเมื่อเห็นเขาผายลมน่ารังเกียจและส่งกลิ่นเหม็นออกมา ฉันอยากจะเตะเขาขึ้นไปยังขอบฟ้าส่งเขาให้ออกไปไกลลิบ”

อนิจจา……

ไป่หลิง สูดหายใจเข้าลึก แล้วส่ายหัวมองดูสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่า ชูเยว่ ไม่อยากยกเลิกแผนการของเธอ

หลังจากเงียบไปพักหนึ่งทันใดนั้นไป่หลิงก็ตระหนักได้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเป็นจริงเป็นจังกัลผู้ชายมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อ: “เธอเป็นจริงเป็นจังกับ เสี่ยวหลัว มากขนาดนี้ ระวังจะหลงรักเขาเข้านะ ฮิฮิ … ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ชูเยว่เกือบจะสำลักน้ำผลไม้ของเธอ เธอชี้ไปที่เสี่ยวหลัวและพูดว่า “เธอคิดว่าฉันเนี้ยจะชอบเขา นอกเหนือไปจากความหล่อเหลาของเขาแล้ว การเล่นเกมของเขาก็โอเค แต่ฉันเนี้ยนะจะชอบเขา?”

“สิ่งนี้ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจน ฉันเคยเห็นในละครทีวีบ่อยๆ ตอนนี้เธอและเสี่ยวหลัวเป็นเหมือนสถานะเริ่มต้นของตัวละครเอกทั้งชายและหญิงในละครทีวี พวกเขาจะทะเลาะกันก่อนและหลังจากที่ทะเลาะกัน พวกเขาก็จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกของพวกเขา และแสดงความรู้สึกของพวกเขาออกมาในที่สุด” ไป่หลิง หัวเราะ

“ไร้สาระ แม้ว่าผู้ชายทุกคนในโลกจะตายกันหมดแล้วเหลือเขาอยู่เพียงแค่เขาคนเดียว ฉันก็ไม่ชอบเขาอยู่ดี” ชูเยว่ กล่าวอย่างอวดดี

ไป่หลิง พูดกระตุ้นชูเยว่อย่างจงใจก่อนที่จะหันหน้าออกไปที่ฟลอร์เต้นรำ: “ไม่มีใครสามารถพูดได้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต”

“ไป่หลิง เธอจงใจยั่วโมโหฉันใช่ไหม เธอต้องการที่จะลิ้มรสของการถูกทำโทษอีกครั้งใช่ไหม” นิ้วเรียวยาวของชูเยว่ ยื่นขึ้นมา ใบหน้าหยกสีขาวนวลของเธอก็มีรอยของยิ้มมารน้อย ปรากฏออกมาบนใบหน้าของเธอ

ไป่หลิงรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งตัว มือทั้งสองข้างของเธอวางไว้บนหน้าอกและแสร้งทำเป็นดูบอบบางและน่าสงสาร “ราชินีชู ฉันพูดออกมาโดยไม่คิด ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆนะ“จากนั้นเธอก็หาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของ ชูเยว่ อย่างรวดเร็ว” ดูสิเสี่ยวหลัวกำลังจะเต้นแล้ว”

การเบี่ยงเบนความสนใจประสบความสำเร็จ ชูเยว่หันเหความสนใจของเธอไปที่ฟลอร์เต้นรำอย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้เสี่ยวหลัว คิดถึงการเต้น ฝาง ชูหลาน บางส่วนร่างกายของเขาก็เริ่มขยับขึ้นอย่างช้าๆ แต่แขนของเขามันแข็งทื่อทำให้การเต้นของเขามันดูอึดอัดและตลกมาก

“วิธีการเต้นนี้มันคืออะไร ทำไมฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน!”

“มันเรียกว่าการเต้นที่ไร้ระเบียบ และเขาก็ไม่เข้าใจวิธีการเต้น เขาทำตัวอย่างกับไก่ตาบอดที่กระโดดไปมาและเต้นไปรอบๆ”

“ใช่, ใช่, การเต้นแบบนี้มันเรียกว่าการเต้นจริงๆงั้นเหรอ, ฮ่า, ฮ่า, ฮ่า … ”

มีเสียงหัวเราะอยู่รอบๆตัวเขา ทุกคนในที่นี้ กำลังมองเสี่ยวหลัว ที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำเหมือนตัวตลก

รอยยิ้มของ ฝู เจียเว่ย ที่อยู่บนใบหน้าของเขากว้างขึ้น มีสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามและสบประมาทเป็นครั้งคราวอยู่ในดวงตาของเขา คนแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขา และมันยากที่เขาจะขึ้นมาสง่างามเท่าเขา

ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง มองหน้ากันและหัวเราะออกมา ในสายตาของพวกเธอเสี่ยวหลัวที่มาจากชนบทเป็นเพียงคนที่ต่ำต้อยและทำได้เพียงแสดงตลกให้พวกเธอดูก็เท่านั้น

ในขณะนั้นการกระทำของเสี่ยวหลัว ก็เปลี่ยนไปเป็นการเต้นแบบมีระบบ การเคลื่อนไหวที่เป็นเอกลักษณ์ของ ไมเคิล แจ็คสัน ในการเอียงตัวในอวกาศทำให้ ผู้คนรู้สึกว่าเขาถึงปลดเปลื้องจากแรงดึงดูดของโลก และเคลื่อนไหวในอวกาศได้อย่างไหลลื่น พวกเขาตกใจกับมันมาก!

“เฮ้ มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี้ย?”

ปากของทุกคนเปิดกว้างอยู่พักหนึ่ง มันเป็นการเต้นที่ไม่เป็นระเบียบอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในวินาทีต่อมามันกลับพลิกกลับในทันที และทักษะการเต้นของเขาก็กลายเป็นไร้ขอบเขตไปแล้ว

รอยยิ้มบนใบหน้าของ ฝู เจียเว่ย,ฝาง ชูหลาน และ เย่ หยิงหยิง แข็งค้าง

ชูเยว่และไป่หลิง ที่มองอยู่ไกลๆ ก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสี่ยวหลัวจะมีทักษะการเต้นเช่นนี้ได้

เสี่ยวหลัวราวกับกลายเป็นคนละคน เขาบิดร่างของเขาทุกส่วนราวกับว่าเขาบังคับร่างกายของเขาได้ดั่งใจ มันไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นเลยนอกจากการเต้นที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

“นี่มันคือทักษะการเต้นอะไรกัน”

ชายคนหนึ่งกำลังเตรียมที่จะกินเค้ก แต่เมื่อมองไปที่ฟลอร์เต้นรำ เมื่อเขาเห็นการบิดร่างกายไปมาที่ไม่เหมือนกับมนุษย์ของเสี่ยวหลัว เขาก็เหมือนกับถูกกระแทกโดยอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น จนเค้กที่อยู่ในมือของเขาตกลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว

ร่างกายของเสี่ยวหลัวตีลังกากลับหลังอย่างรวดเร็วกลางอากาศและลอยตัวพุ่งไปที่โต๊ะอาหาร

เมื่อทุกคนคิดว่าเขากำลังจะพุ่งชนโต๊ะอาหาร เสี่ยวหลัวก็บังคับร่างกายของเขาพลิกกลับหลัง 360 องศา และตกลงที่ตรงมุมโต๊ะและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

เสี่ยวหลัว ถอนหายใจออกมา และหยิบไวน์แดงหนึ่งแก้วขึ้นมาจากบนโต๊ะอาหารแล้วยกขึ้นดื่ม

ความเงียบเกิดขึ้นที่ฟลอร์เต้นรำ!

พวกเขาอ้าปากค้างและมองไปที่ เสี่ยวหลัว ที่กำลังยืนอยู่ ในความคิดของพวกเขา การแสดงของเสี่ยวหลัว มันราวกับเป็นการเต้นของหุ่นยนต์ที่อยู่นอกโลก

“เปะ….เปะ….เปะ…”

ผู้ชายคนหนึ่งปรบมืออย่างช้าๆเพื่อเสี่ยวหลัว วินาทีต่อมาก็มีเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังสนั่น แขกเหล่านี้กำลังแสดงออกว่าชอบการเต้นรำของเสี่ยวหลัว

อย่างไรก็ตามตอนนี้ ฝาง ชูหลาน กำลังมีความรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ จากมุมมองของมืออาชีพแล้ว วิธีการเต้นของเสี่ยวหลัวนั้นดีมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการเต้นกลางอากาศหรือการพลิกตัวและการตีลังกาที่ลื่นไหล การเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างเข้าที่เข้าทางและสนุกมาก เขาเต้นได้ดีกว่าเธอ

“ราชินีชู ดูเหมือนว่าแผนการของเธอจะล้มเหลวลงซะแล้ว เสี่ยวหลัวไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ตัวเองขายหน้า แต่เขายังได้รับความชื่นชมจากทุกคนอีกด้วย” ไป่หลิง กล่าวด้วยความยินดี

ชูเยว่กระพริบตาของเธอ จากนั้นเธอก็กลับมาสู่ความเป็นจริง และรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เธออดไม่ได้ที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วพูดว่า “อุบัติเหตุนี่เป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน ผู้ชายคนนี้ จะรู้วิธีการเต้นได้อย่างไร!”

“ฉันคิดว่ามันดีกว่านะที่จะลืมมันไป ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอและเธอก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้”

“ไม่ฉันไม่ล้มเลิก ไม่งั้นเขาจะคิดว่าฉันสามารถรังแกได้ง่ายๆ ” ชูเยว่ ส่ายหน้าของเธอ เธอมุ่งมั่นที่จะดำเนินแผนการต่อไป

ไป่หลิงถอนหายใจ “เธอจะทำให้เขาขายหน้าได้อย่างไร หลังจากที่แผนการของเธอล้มเหลว?”

“ฉันไม่ได้เตรียมไว้แค่แผนเดียว แต่ฉันยังเตรียมสามแผนให้กับเขา” ชูเยว่ ยิ้ม

“สามแผน!”

ไป่หลิงตื่นตกใจแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ราชินีชู เธอคงจะเกลียดเสี่ยวหลัวมากเลยสินะ!”

เธอรู้สึกผิดกับเสี่ยวหลัวจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาแค่ขัดแย้งกับราชินีชู โดยบังเอิญแค่ไม่กี่ครั้ง? ทำเธอจะต้องเป็นจริงเป็นจังกับเขาขนาดนั้นด้วยนะ

เสี่ยวหลัวจ้องมองไปที่ ฝาง ชูหลาน และพูดด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น: “คุณฝาง ฉันเต้นพอใช้ได้ไหม?”

“ก็ไม่เลวเลย มันดีมาก!”

ฝาง ชูหลาน กล่าวตอบเขาด้วยความชื่นชม แต่ในใจของเธอกลับกำลังก่นด่าเขาอยู่:“ไอลูกหมานี่ มันกำลังเยอะเย้ยฉันอยู่แน่ๆ”

เสี่ยวหลัวยิ้มเพียงเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขากำลังรู้สึกว่าเขากำลังตกเป็นเป้า มิฉะนั้นเด็กๆที่ร่ำรวยเหล่านี้ จะมาสอนเขาเต้นได้อย่างไร

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็คิดถึงชูเยว่ในทันที

เสี่ยวหลัวหันไปมองชูเยว่ และขมวดคิ้ว เขาถอนหายใจอยู่ภายในใจ: “ผู้หญิงคนนี้ ยากที่จะรับมือจริงๆ กว่าจะได้เงินสองล้านมานี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!”

ในเวลานั้น ฝู เจียเว่ย ก็เดินเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลังและกอดไหล่ของเขาราวกับว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน“พี่หลัว พี่เป็นคนที่ถ่อมตนจริงๆ พี่สามารถเต้นได้ดี แต่พี่กลับบอกว่าพี่ทำไม่ได้และผมก็ไปหาชูหลานเพื่อมาสอนพี่ จากสิ่งที่ผมเห็นพี่ควรที่จะเป็นคนสอน ชูหลาน มากกว่าซะอีก”

“บางครั้ง มันก็เป็นเรื่องดีที่จะถ่อมตน” เสี่ยวหลัว กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เนื่องจากประโยคนี้มีความหมายที่ลึกซึ้ง ฝู เจียเว่ย อดไม่ได้ที่จะแข็งค้าง การแสดงออกของเขาเริ่มผิดธรรมชาติ หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง“ใช่แน่นอนพี่ชายของผม ว่าแต่พี่อยากจะลองเล่นสนุ๊กเกอร์ดูหน่อยไหม?”