บทที่ 14 อุบัติเหตุรถยนต์หกปีก่อน

รักหวานอมเปรี้ยว

ภายในห้องทำงาน เปปเปอร์เคาะนิ้วชี้บนโต๊ะเป็นจังหวะ

ราวกับเขากำลังรออะไรอยู่

ผ่านไปประมาณห้านาที ผู้ช่วยเหมันตร์กลับมา “คุณผู้ชาย แม้จะยุ่งยาก แต่ยังตรวจเจอครับ”

ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น “อะไรที่ยุ่งยาก?”

“กล้องวงจรปิดของถนนสุขเกษม ถนนเส้นนั้นถูกปิดไปนานแล้ว และคลิปวิดีโอที่บันทึกเอาไว้เมื่อหกปีก่อนไม่ได้หาได้ง่ายๆ หลังจากนั้นช่างซ่อมคอมบอกผมว่าเขามี เขาบอกว่าอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อหกปีก่อนเป็นเรื่องใหญ่มาก ในตอนนั้นเขาจึงบันทึกเอาไว้ รู้ว่าผมตามหาวิดีโอ จึงเอามาให้ผม”

หลังจากผู้ช่วยเหมันตร์พูดจบ มองไปทางคุณผู้ชายอย่างระมัดระวัง “รถของคุณส้มเปรี้ยวในคลิปวิดีโอ ถูกรถเก๋งสีฟ้าอีกคันชนเข้าจริงๆ ท่านอยากดูไหมครับ?”

ปีนั้นมายมิ้นท์ขับรถออดี้สีฟ้า

“ไม่ต้อง” สีหน้าของเปปเปอร์เรียบเฉย กำชับต่อ “เอาคลิปมาให้ผม จากนั้นจัดการคนนั้น อย่าให้เขาออกไปพูดจาส่งเดช”

“เข้าใจแล้วครับ”

ผู้ช่วยเหมันตร์อยู่กับคุณผู้ชายมานาน จึงเข้าใจความต้องการของเขาไปโดยปริยาย เห็นได้ชัดเจนมาก คุณผู้ชายไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ และไม่ต้องการให้คุณนายคนก่อนต้องเข้าคุกเพราะเรื่องนี้

เปปเปอร์จ้องมองปากกาหมึกซึมจมอยู่ในความคิดนานสองนาน

ผ่านไปสักพัก เขาหยิบเสื้อโค้ต กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์

เพิ่งจะเข้ามาในห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะมีความสุขดังมาจากด้านใน

ไม่รู้ว่าพิศมัยกับส้มเปรี้ยวคุยเรื่องน่าขำอะไรกันอยู่ บรรยากาศกลมเกลียวสุดๆ แม้แต่ปีโป้ที่ปกติเกเรก็นั่งเล่นมือถืออยู่เงียบๆ ด้านข้าง

พิศมัยสังเกตที่ประตู รีบลุกขึ้น “เปปเปอร์กลับมาแล้ว”

ส้มเปรี้ยวก็ลุกขึ้นตาม ดูอ่อนโยนและสวยเพียบพร้อม

เปปเปอร์พยักหน้า ส่งเสื้อโค้ตให้คนรับใช้ “กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ดูมีความสุขจังเลย?”

ส้มเปรี้ยวเหลือบมองพิศมัย อมยิ้มเล็กน้อย “คุณป้าเล่าเรื่องตอนเด็กของคุณให้ฉันฟัง สนุกดีค่ะ”

พิศมัยแกล้งทำเป็นโกรธ “ส้มเปรี้ยว ทำไมถึงเรียกคุณป้า? เธอคือว่าที่สะใภ้ของฉัน ควรเรียกฉันว่าแม่ได้แล้ว”

ใบหน้าของส้มเปรี้ยวแดงระเรื่อ มองไปทางชายหนุ่มอย่างเขินอาย “ยังเร็วไปค่ะ”

“เป็นคนในครอบครัว อย่าเขินสิ แม่พูดจริงไหม เปอร์?” พิศมัยจงใจหยอกล้อสองคน แม้แต่ปีโป้ด้านข้างก็พูดแทรกขึ้น “ต่อจากนี้ผมเรียกว่าพี่ส้มเปรี้ยวไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนเป็นพี่สะใภ้!”

ใบหน้ารูปไข่ของส้มเปรี้ยวยิ่งแดงขึ้น

เปปเปอร์ถอนหายใจ “แม่ครับ ทั้งสองคนอย่าแกล้งส้มเปรี้ยวสิ เธอขี้อาย”

พิศมัยรู้สึกน่าขำ “ดูลูกสิ ยังไม่ทันแต่งสะใภ้เข้ามาก็ปกป้องสุดๆ ก็ได้ๆ แม่ไม่รบกวนเวลาอยู่ด้วยกันของลูกทั้งสองแล้ว แม่จะออกไปข้างนอกพูดคุยสัพเพเหระกับพวกพี่ๆ”

ปีโป้ก็ขยิบตาหัวเราะหึหึ กะพริบตาคลุมเครือ “พี่ใหญ่ ผมก็ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ”

หลังจากพวกเขาออกไป ก็เหลือเพียงแค่สองคน

ส้มเปรี้ยวก้าวขึ้นมา จับมือของชายหนุ่ม ท่าทางลังเล “เปปเปอร์ ช่วงนี้คุณพ่อเอาแต่ถามเรื่องรถชนของฉัน คุณได้พูดอะไรกับท่านหรือเปล่าคะ?”

เปปเปอร์ส่ายหน้า “ไม่มีนะ”

“ดูเหมือนคุณพ่อจะรู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์ แต่ฉันไม่เคยบอกเขาเลยนี่นา? น่าแปลกจริงๆ” หยุดไปสักพัก เธอก็ถอนหายใจออกมาอีก “ฉันให้อภัยคุณมายมิ้นท์ไปแล้ว ไม่อยากสืบหาความจริง”

“คุณไม่เกลียดเธอเหรอ?”

“ไม่เกลียดค่ะ เธอเป็นคนน่าสงสาร เธอรักคุณมาก ถึงได้ทำอะไรที่บ้าบิ่นแบบนี้” ส้มเปรี้ยวเหมือนกับบัวพันกลีบรู้ภาษา ที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ทำให้คนสบายใจเหลือเกิน

เปปเปอร์ลูบไล้เส้นผมของเธอ ด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง “ส้มเปรี้ยว คุณมักจะใจดีแบบนี้ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยคุณก็เป็นแบบนี้ ผมยังจำได้ ตอนนั้นคุณเขียนในจดหมายว่าสมัยเด็กคุณเคยช่วยชีวิตหนูตัวเล็กตัวหนึ่ง เอามาเลี้ยงไว้บนเตียง คุณพ่อของคุณแทบโมโหมากเพราะเรื่องนี้”

พูดถึงตรงนี้ มุมปากของเขายกขึ้น “น่าสนใจ”

รอยยิ้มของส้มเปรี้ยวแข็งทื่อ รีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว “พูดถึงเรื่องเมื่อก่อนทำไม นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงเลย ฉันได้ยินปีโป้บอกว่า ช่วงนี้ท่านย่าสุขภาพไม่ค่อยดี ฉันอยากไปเยี่ยมท่าน”

นึกถึงความเย็นชาที่คุณย่ามีต่อเขา เปปเปอร์ไตร่ตรองสักพักหนึ่ง “พรุ่งนี้จะพาคุณไป”

“ค่ะ”

จนเมื่อฝ่ายชายขึ้นไปชั้นบน ส้มเปรี้ยวถึงจะหยิบมือถือออกมาโทรหาเบอร์หนึ่ง “เป็นยังไงบ้าง?”

“คุณหนู จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ขั้นตอนต่อไปจะให้ทำอย่างไรครับ?”

“ก่อนงานเลี้ยงหนึ่งวัน ฉันอยากเห็นการค้นหายอดนิยม”

“เข้าใจแล้วครับ”