บทที่ 231 เขาควรปกป้องเธออย่างดี

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“เข้าใจแล้ว”
เขายืนขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่นาที น้ำเสียงของเขาก็เย็นชา และภายใต้ความเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม กลับไปสู่การใช้อำนาจโดยอำเภอใจอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นเขาก็กลับไป
คุณท่านมองหลังของเขา และกำไม้เท้าแน่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านสมมาตรก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าท่าทางของเขาไม่ถูกต้อง จึงถามอย่างรวดเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณชายเป็นอะไร ทำไมสาวน้อยคนนั้นถึงรู้เรื่องนี้ พวกเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
เขาถามคำถามหลายข้อติดต่อกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้จริงๆ
แต่ ในบรรดาปัญหาเหล่านี้ ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดควรเป็นปัญหาสุดท้าย
สีหน้าของคุณท่านเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ “ฉันไม่รู้ บางทีตอนที่แสนรักฆ่าสุนัขครั้งนั้น อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นมัน!”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ตอนดิลกพาภรรยาและลูกๆมาที่นี่ ตอนแสนรักอายุได้สิบขวบเป็นปีที่เขาฆ่าสุนัข หลังจากนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวของเขาเห็นเหตุการณ์อย่างนี้อีก ดิลกจึงไม่ค่อยให้เธอมา”
“ดังนั้นตอนที่คุณชายอายุสิบขวบและบังเอิญ…ฆ่า เด็กผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะไม่เห็นมันสิ ทำไมถึงได้”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินถึงการพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ เขาก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้วจึงเริ่มคาดเดา
ดิลกเป็นพ่อของเส้นหมี่ ตอนนั้นเส้นหมี่ เห็นอาการป่วยของแสนรักโดยบังเอิญ เมื่อเกิดความกลัว เส้นหมี่ก็มาที่นี่น้อยลง ในขณะนั้นดิลกไม่ได้ให้เหตุผล แต่คนฉลาดทุกคนรู้ดีในตอนนั้น
เมื่อแสนรักอายุสิบเอ็ดปี เขาก็ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาแบบปิด
ในช่วงเวลานั้น สาวน้อยตัวน้อยคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับแสนรักในสถานที่นั้น
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากคุณท่าน พ่อบ้าน และหมอในตอนนั้น และหมอคนนั้นก็ถูกคุณท่านจัดการเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย
แล้วเธอรู้ได้ยังไง
เหตุใดตอนนั้นเขาจึงมองเธอเป็นเด็กเรียบร้อย ที่แท้ก็เป็นเด็กสกปรก ไม่เชื่อฟัง หรือเขาให้น้อยไปหรือ
คุณท่านจ้องมองไปที่ประตู ด้วยดวงตาที่ดูน่ากลัวกว่าที่เคย!
——
ในเมือง โรงพยาบาลราษฎร์
ในห้องผู้ป่วย เด็กน้อยสามคนยืนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลมองศีรษะของหม่ามี๊ถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาวหนาๆ และต่างก็น้ำตาไหล
“มันเป็นความผิดของแด๊ดดี้ ทำไมเขาไม่ไปช่วยหม่ามี๊ให้เร็วกว่านี้ ฉันบอกแล้วว่าหม่ามี๊อยู่ในอันตราย!”
คิวคิวเป็นคนแรกที่แสดงความไม่พอใจ จากนั้นน้ำตาก็ร้วง ‘เผละ’ และบ่นแด๊ดดี้พร้อมเสียงร้องไห้
ชินจังไม่พูดอะไรออกมา
แต่จากสีหน้าเศร้าๆและเสียใจของเขาก็แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เขาผิดหวังกับแด๊ดดี้มาก ปกป้องผู้หญิงตัวเองยังไม่ได้ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนกัน
รินจังก็ร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดายไม่หยุด “พี่…พวกเรา…พวกเราหาคนอื่นมาเป็นแด๊ดดี้เถอะ แด๊ดดี้…ดูแลหม่ามี๊ไม่ดี ไปหาอาธิปกันเถอะ”
เด็กดีต้องการเปลี่ยนแด๊ดดี้ของเธอกะทันหัน
ตอนนั้นเคก็เข้ามาพร้อมกับยาพอดี เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เดินเข้ามาอย่างโซเซแทบจะคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสามตรงนั้น
“ที่รัก พวกเราใจเย็นกันก่อนดีไหม อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องไม่คาดคิด และแด๊ดดี้ของทุกคนก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย ถ้าเขารู้ เขาจะต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องหม่ามี๊ของทุกคนอย่างแน่นอน”
“จริงหรอ”
“จริงสิ คุณชายคิวคุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าใครเป็นคนช่วยคุณตอนที่ถูกลักพาตัวไป”
เคมียกเรื่องที่จะล้างสมองเด็กๆอย่างพวกเขาออกมาพูด
แน่นอนว่าเมื่อคิวคิวได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าเล็กๆหล่อเหลาเต็มไปด้วยน้ำตาก็เริ่มลังเล
ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง
“ใช่ คิดได้แล้วใช่มั้ยครับ คุณชายน้อยชินจังไม่ต้องพูดแล้ว แด๊ดดี้ดูแลหม่ามี๊ยังไง คุณก็เห็นไม่ใช่หรอ ครั้งสุดท้ายที่หม่ามี๊ของคุณพาคุณไปวิ่ง ทุกคนไปวิลล่าคริสเมืองYกัน แล้วใครมาปรากฏตัวตอนหม่ามี๊คุณโดนรังแกในที่สุด”
ชินจัง “……”
ชินจังไม่มีอะไรจะพูด
เคมองไปที่สาวน้อยอีกครั้ง
แน่นอน สาวน้อยก็เป็นแค่อา เธอบอกจะเปลี่ยนแด๊ดดี้ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เป็นเพียงแค่การเกลี้ยกล่อม
แต่ไม่คิดว่าสาวน้อยที่ดูซื่อ ตอนนี้จะมีท่าทางรุนแรง ทันทีที่เขาเข้ามา เธอก็รีบวิ่งไปที่ข้างเตียงและกำมือหม่ามี๊แน่นด้วยมือป้อมๆเล็กๆของเธอ
“อย่าเกลี้ยกล่อมหนู หนูไม่ชอบเขา! หม่ามี๊ได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะเขา แต่อาธิปไม่ทำ หนูไม่ชอบเขา หนูชอบอาธิป!!”
อย่าดื้อ!
เคคิดว่าเสียงเล็กๆนี้คงดังไปถึงทางเดินข้างนอกได้ จึงรีบไปปิดปากเล็กๆของเธอ
“โอเค โอเค คุณหนูไม่ต้องพูด ออกไปหาอาธิปกันเถอะ โอเคไหม” เคกลัวเจ้านายที่ไปถามอาการกับหมอจะกลับมา จึงรีบกอดสาวน้อยออกไป
รินจังถูกพาตัวไป และแน่นอนสองพี่น้องฝาแฝดก็ออกไปกับพวกเขาด้วย
ดังนั้นเมื่อแสนรักกลับมาที่ห้องผู้ป่วยพร้อมผลการตรวจ ในห้องผู้ป่วยเดี่ยวVIPขนาดใหญ่เท่านั้นก็เหลือเพียงผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเท่านั้น