“เข้าใจแล้ว”
เขายืนขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่นาที น้ำเสียงของเขาก็เย็นชา และภายใต้ความเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม กลับไปสู่การใช้อำนาจโดยอำเภอใจอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นเขาก็กลับไป
คุณท่านมองหลังของเขา และกำไม้เท้าแน่น
ผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อบ้านสมมาตรก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าท่าทางของเขาไม่ถูกต้อง จึงถามอย่างรวดเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณชายเป็นอะไร ทำไมสาวน้อยคนนั้นถึงรู้เรื่องนี้ พวกเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
เขาถามคำถามหลายข้อติดต่อกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาอยากรู้จริงๆ
แต่ ในบรรดาปัญหาเหล่านี้ ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดควรเป็นปัญหาสุดท้าย
สีหน้าของคุณท่านเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ “ฉันไม่รู้ บางทีตอนที่แสนรักฆ่าสุนัขครั้งนั้น อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นมัน!”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ตอนดิลกพาภรรยาและลูกๆมาที่นี่ ตอนแสนรักอายุได้สิบขวบเป็นปีที่เขาฆ่าสุนัข หลังจากนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสาวของเขาเห็นเหตุการณ์อย่างนี้อีก ดิลกจึงไม่ค่อยให้เธอมา”
“ดังนั้นตอนที่คุณชายอายุสิบขวบและบังเอิญ…ฆ่า เด็กผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะไม่เห็นมันสิ ทำไมถึงได้”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินถึงการพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ เขาก็เริ่มนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้วจึงเริ่มคาดเดา
ดิลกเป็นพ่อของเส้นหมี่ ตอนนั้นเส้นหมี่ เห็นอาการป่วยของแสนรักโดยบังเอิญ เมื่อเกิดความกลัว เส้นหมี่ก็มาที่นี่น้อยลง ในขณะนั้นดิลกไม่ได้ให้เหตุผล แต่คนฉลาดทุกคนรู้ดีในตอนนั้น
เมื่อแสนรักอายุสิบเอ็ดปี เขาก็ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาแบบปิด
ในช่วงเวลานั้น สาวน้อยตัวน้อยคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นกับแสนรักในสถานที่นั้น
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากคุณท่าน พ่อบ้าน และหมอในตอนนั้น และหมอคนนั้นก็ถูกคุณท่านจัดการเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย
แล้วเธอรู้ได้ยังไง
เหตุใดตอนนั้นเขาจึงมองเธอเป็นเด็กเรียบร้อย ที่แท้ก็เป็นเด็กสกปรก ไม่เชื่อฟัง หรือเขาให้น้อยไปหรือ
คุณท่านจ้องมองไปที่ประตู ด้วยดวงตาที่ดูน่ากลัวกว่าที่เคย!
——
ในเมือง โรงพยาบาลราษฎร์
ในห้องผู้ป่วย เด็กน้อยสามคนยืนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลมองศีรษะของหม่ามี๊ถูกพันด้วยผ้าก๊อซสีขาวหนาๆ และต่างก็น้ำตาไหล
“มันเป็นความผิดของแด๊ดดี้ ทำไมเขาไม่ไปช่วยหม่ามี๊ให้เร็วกว่านี้ ฉันบอกแล้วว่าหม่ามี๊อยู่ในอันตราย!”
คิวคิวเป็นคนแรกที่แสดงความไม่พอใจ จากนั้นน้ำตาก็ร้วง ‘เผละ’ และบ่นแด๊ดดี้พร้อมเสียงร้องไห้
ชินจังไม่พูดอะไรออกมา
แต่จากสีหน้าเศร้าๆและเสียใจของเขาก็แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เขาผิดหวังกับแด๊ดดี้มาก ปกป้องผู้หญิงตัวเองยังไม่ได้ ต้องเป็นผู้ชายแบบไหนกัน
รินจังก็ร้องไห้ออกมาอย่างง่ายดายไม่หยุด “พี่…พวกเรา…พวกเราหาคนอื่นมาเป็นแด๊ดดี้เถอะ แด๊ดดี้…ดูแลหม่ามี๊ไม่ดี ไปหาอาธิปกันเถอะ”
เด็กดีต้องการเปลี่ยนแด๊ดดี้ของเธอกะทันหัน
ตอนนั้นเคก็เข้ามาพร้อมกับยาพอดี เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เดินเข้ามาอย่างโซเซแทบจะคุกเข่าต่อหน้าคนทั้งสามตรงนั้น
“ที่รัก พวกเราใจเย็นกันก่อนดีไหม อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องไม่คาดคิด และแด๊ดดี้ของทุกคนก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย ถ้าเขารู้ เขาจะต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องหม่ามี๊ของทุกคนอย่างแน่นอน”
“จริงหรอ”
“จริงสิ คุณชายคิวคุณลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าใครเป็นคนช่วยคุณตอนที่ถูกลักพาตัวไป”
เคมียกเรื่องที่จะล้างสมองเด็กๆอย่างพวกเขาออกมาพูด
แน่นอนว่าเมื่อคิวคิวได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าเล็กๆหล่อเหลาเต็มไปด้วยน้ำตาก็เริ่มลังเล
ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง
“ใช่ คิดได้แล้วใช่มั้ยครับ คุณชายน้อยชินจังไม่ต้องพูดแล้ว แด๊ดดี้ดูแลหม่ามี๊ยังไง คุณก็เห็นไม่ใช่หรอ ครั้งสุดท้ายที่หม่ามี๊ของคุณพาคุณไปวิ่ง ทุกคนไปวิลล่าคริสเมืองYกัน แล้วใครมาปรากฏตัวตอนหม่ามี๊คุณโดนรังแกในที่สุด”
ชินจัง “……”
ชินจังไม่มีอะไรจะพูด
เคมองไปที่สาวน้อยอีกครั้ง
แน่นอน สาวน้อยก็เป็นแค่อา เธอบอกจะเปลี่ยนแด๊ดดี้ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เป็นเพียงแค่การเกลี้ยกล่อม
แต่ไม่คิดว่าสาวน้อยที่ดูซื่อ ตอนนี้จะมีท่าทางรุนแรง ทันทีที่เขาเข้ามา เธอก็รีบวิ่งไปที่ข้างเตียงและกำมือหม่ามี๊แน่นด้วยมือป้อมๆเล็กๆของเธอ
“อย่าเกลี้ยกล่อมหนู หนูไม่ชอบเขา! หม่ามี๊ได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะเขา แต่อาธิปไม่ทำ หนูไม่ชอบเขา หนูชอบอาธิป!!”
อย่าดื้อ!
เคคิดว่าเสียงเล็กๆนี้คงดังไปถึงทางเดินข้างนอกได้ จึงรีบไปปิดปากเล็กๆของเธอ
“โอเค โอเค คุณหนูไม่ต้องพูด ออกไปหาอาธิปกันเถอะ โอเคไหม” เคกลัวเจ้านายที่ไปถามอาการกับหมอจะกลับมา จึงรีบกอดสาวน้อยออกไป
รินจังถูกพาตัวไป และแน่นอนสองพี่น้องฝาแฝดก็ออกไปกับพวกเขาด้วย
ดังนั้นเมื่อแสนรักกลับมาที่ห้องผู้ป่วยพร้อมผลการตรวจ ในห้องผู้ป่วยเดี่ยวVIPขนาดใหญ่เท่านั้นก็เหลือเพียงผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเท่านั้น