“นายน้อย ระวังจะเป็นกลลวงนะขอรับ”
ในตอนนี้ ชายแก่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังหม่าหยาได้คว้าแขนของหม่าเหยาเอาไว้พร้อมกับพูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มลึก
“อะไร มันจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไง มันก็แค่เศษขยะไม่ใช่ผู้บ่มเพาะด้วยซ้ำ มีอะไรที่ข้าต้องกลัวมัน” มีหรือที่ในทีนี้หม่าเหยาจะคิดฟังคำแนะนำของใครอีก เขาเพียงแค่ต้องการที่ระบายอารมณ์ และนี่ทำให้เขาเดินพุ่งตรงเข้าไปในตรอกด้วยฝีเท้าที่ดังลั่น
ชายแก่ที่เห็นก็ทำได้เพียงส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา
หลังจากที่เห็นว่าเจียงหยวนยังคงไม่เห็นตน นี่ทำให้หม่าเหยาเดือดดาลจนตะโกนออกไปดังลั่น
“เจียงหยวน ส่งผลจันทรามาให้ข้าแล้วคุกเข่าขอขมาข้าเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่า ใครกันแน่ที่สมกับการเป็นอัจฉริยะแห่งเมืองเทียนหยางในตอนนี้”
เจียงหยวนที่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มละไม ก่อนจะจูงมือของเฉียวเว่ยไว้ที่ด้านหลังของตนแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โอ้ มาแล้วนี่”
“ระวังตัวนะเจ้าคะนายน้อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ท่าทีของชายแกเปลี่ยนไปในทันที เขารีบวิ่งเข้าไปดีงหม่าเหยาเอาไว้หมายจะดึงเขาออกไปจากตรอกนี้ให้เร็วที่สุด
แต่มันก็ยังช้าเกินไป
“ผนึก”
หลังจากพูดออกมา ทั่วทั้งตรอกก็มีชั้นสีเหลืองอมน้ำตาลของพลังวิญญาณห่อหุ้มเอาไว้ จนไม่ว่าใครที่มองจากด้านนอกก็เห็นเพียงแค่พลังวิญญาณสีเหลืองที่อบอวลเท่านั้น
“พลังวิญญาณหนาแน่นนัก นี่ไม่ใช่พลังของผู้ที่อยู่ในระดับนักรบเป็นแน่”
ชายแก่ไม่กล้าที่จะวู่วาม ร่างกายของเขาสั่นไหวไปมา ก่อนจะที่ฝืนตัวเองให้หันหลังกลับได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจียงหยวนได้หายไปจากจุดเดิมไปแล้ว เหลือเพียงเฉียวเว่ยที่อยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น
“ไม่เลว เจ้าคิดได้ถูกแล้วว่ามันคือกลลวง และนี่คือรางวัลของเจ้า”
ในตอนนี้ เสียงที่ระรื่นหูได้ดังขึ้นที่ด้านหลังของชายแก่ และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสก็ได้เกิดขึ้นผ่านอกของเขา
เมื่อชายแก่ก้มหน้าลง เขาเห็นเพียงกระบี่ยาวสามนิ้วที่ทะลวงอกของตัวเองออกมา
“นะ ระรีบ…”
*ตุ๊บ*
ร่างของชายแก่ร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น พร้อมกับไร้ชีพจรแห่งชีวิต
“กะแก…แกบ่มเพาะได้แล้ว…”
“ถ้าใช่แล้วยังไงล่ะ”
เจียงหยวนสบถออกมาทีหนึ่งพร้อมฝ่ามือขวาของเขาที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับมีดที่ฟาดฟันตีท้ายทอยของหม่าเหยาแล้วสลบไป
“ตอนนี้ ข้าคงจะต้องไปหาไอ้แก่สองคนนั่นเพื่อทำแต้มสักหน่อยแหะ”
….
ภายใต้การรุมล้อมของคนกลุ่มหนึ่ง เจียงหวู่ที่อดรนทนไม่ไหวอีกได้คำรามลั่นถามออกมาราวกับไม่พอใจในสิ่งที่ได้พบเห็น “คนของกลุ่มหัวเสือรึ ทำไมพวกเจ้าถึงไปช่วยเจียงเหวิ่นกัน”
เจียงหลี่ที่สงสัยไม่ต่างกันได้คำรามลั่นออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “หลิวเฟิงรึ ไม่ใช่ว่าข้าจ่ายเงินแกให้ไปฆ่าเจียงหยวนไม่ใช่รึไง ห้ะ”
หลิวเฟิงที่ได้ยินก็หัวเราะลั่นก่อนจะพูดตอบ “เฮ้ออออ เศษขยะชิ้นสองชิ้นอย่างพวกเจ้ากลับกล้าที่จะหาเรื่องหัวหน้าของพวกข้าเนี่ยนะ”
“พี่ชายกลุ่มหัวเสือ ขอบคุณพวกท่านในวันนี้มากจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องแล้วล่ะ”
“ท่านพ่อ เป็นข้าเองที่ขอให้หลิวเฟิงมาคุ้นกันท่าน”
เป็นตอนนี้ ร่างของหม่าเหยาได้เดินออกมาด้วยสภาพประหลาด ก่อนที่จะมีอีกร่างหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังได้เดินออกมา
“หยวนรึ”
“เจียงหยวน?”
ตอนนี้คนทั้งสามไม่คิดว่าเจียงหยวนจะออกมาในเวลาแบบนี้
“อะไรกัน ข้าไม่คิดว่าขยะเช่นแกจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้”
เจียงหยวนที่ได้ยินก็จ้องมองอย่างดูแคลน ก่อนจะใช้มือของเขาที่คว้าจับหม่าเหยาเอาไว้เขวี้ยงจนหม่าเหยาไปกองกับพื้น ก่อนที่จะถอนพลังวิญญาณที่ฝังไว้ในร่างของหม่าเหยาออกมา
“อ้ะ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้อจะยอมให้ทุกอย่างกับเจ้า”
เมื่อหม่าเหยาได้สติและเห็นท่าทางของเจียงหยวนในตอนนี้ก็รีบลุกลี้ลุกลนออกมาในทันที
เมื่อเทียบกับอีกสองคนแล้ว เจียงเหวิ่นที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นน้อยที่สุดก็ได้เร่งถามออกมาในทันที “นายน้อยตระกูลหม่า..หม่าเหยารึ เจ้าไปทำอะไรถึงได้ไปอยู่กับหยวนกัน”
“เจียงหวู่และเจียงหลี่มันคิดใช้ตระกูลหวังเป็นฉากบังหน้าด้วยความร่วมมือกับของนายน้อยตระกูลหม่า หม่าเหยาต้องการตำแหน่งของท่านพ่อ”
เจียงหยวนพูดออกมาโดยไม่เว้นช่วงลมหายใจก่อนจะจับจ้องไปที่เจียงหวู่และเจียงหลี่ด้วยสายตาที่เย็นยะเยียบ
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงเหวิ่นก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวจนพูดออกมา
“เจียงหวู่ เจียงหลี่ ข้าไม่เคยคิดว่าพวกเจ้าอยู่ต่ำกว่าข้าเลยแม้แต่น้อย แต่เจ้ากลับไม่พอใจตำแหน่งที่ข้ามอบให้รวมหัวกับคนในคนนอกเพื่อโค่นล้มข้าเนี่ยนะ ข้าไม่เคยคิดจริงๆว่าพวกแกสองคนจะบ้ายศถาได้ถึงขนาดนี้”
“ลูกพี่ อยากให้พวกข้าลงมือฆ่าไอ้ขยะสองตัวนี่เลยหรือไม่”
หลิวเฟิงที่เห็นท่าทางของเจียงหยวนในตอนนี้ก็รีบเสนอตัวขึ้นมา
เจียงหยวนส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดตอบอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้อง พวกมันยังพอมีประโยชน์อยู่ มัดพวกมันเอาไว้รวมถึงหม่าเหยาด้วย แล้วคุมตัวพวกมันกลับตระกูลเจียงไป”