ตระกูลเจียง ลานฝึกซ้อม
“วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงได้มารวมกันที่นี่ล่ะ”
“เจ้ารีบมองไปบนเวทีเลย นั่นไม่ใช่นายน้อยใหญ่แห่งตระกูลหม่า หม่าเหยาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงได้ถูกมัดไว้ล่ะ”
“เจียงหวู่และผู้อาวุโสสูงสุดก็ถูกมัดด้วยนี่ แล้วนั่นไม่ใช่นายน้อยใหญ่เหรอนั่น”
…
เมื่อเห็นคนทั้งสามถูกมัดเอาไว้บนเวที พร้อมด้วยเจียงเหวิ่น และเจียงหยวน ทุกคนต่างก็เริ่มพูดคุยกัน
“ทุกคน พวกเราจะจัดการคนของตระกูลเจียงที่คิดคดทรยศรวมหัวกับคนนอกเช่นใดดี”
เจียงเหวิ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและแฝงเอาไว้ซึ่งความโกรธเกรี้ยว
“ทำลายตันเถียน ไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันนอกคุกมืดอีก”
“ตอนนี้เจียงหวู่และเจียงหลี่ไม่พอใจตำแหน่งของตนที่ได้รับ คิดร่วมหัวกับคนนอก นายน้อยใหญ่ของตระกูลหม่า คิดจะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลของข้า พวกเราควจะทำเช่นใด”
“สวะ”
“ใช่ พวกมันเป็นเศษสวะชัดๆ”
ในตอนนี้ เจียงหวู่และเจียงหลี่อยู่ในสภาพตื่นตระหนก เมื่อเห็นความโกรธแค้นของผู้คนโดยรอบ นี่ทำให้ทั้งสองรีบอ้อนวอนร้องขาความเมตตาในทันที “ขะข้าเป็นเชื้อสายของท่านนะ ท่านพี่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงหยวนสบถออกมาอย่างดัง ก่อนจะหันไปดูหนอนแมลงของตระกูลที่คุกเข่าอยู่แทบเท้า ก่อนจะหัวเราะลั่นแล้วพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แกยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นน้องชายของพ่อข้าอีกงั้นรึ”
“ใช่ พวกมันกล้าที่จะรวมหัวกับตระกูลหม่า พวกเราว่าควรจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นต่างก็ส่งเสียงทำนองเห็นด้วยกันไปหมด
ยังไงซะ เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นตระกูลตัวเองที่ยากเกินกว่าจะทานทนได้
“เจียงหวู่ แกเป็นน้องชายของข้าก็จริง แต่ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ แกที่เล็งตำแหน่งของข้าจนทำได้ทุกอย่าง นอกเสียจากผลประโยชน์ของตระกูลไม่ใช่รึไง ถึงขนาดตั้งขบวนการเพื่อโค่นล้มข้า”
“แต่ข้า…ข้าอุตส่าห์ปิดตาลงข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ข้านึกไม่ถึงว่าแกถึงกับรวมหัวกับตระกูลหม่าแบบนี้”
อันที่จริงเจียงเหวิ่นรู้มานานแล้วว่าเจียงหวู่คิดอยากจะได้ตำแหน่งของเขา แต่เขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าน้องชายของเขาจะกระสันต์อยากได้จนถึงขนาดทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้แบบนี้
“ท่านพี่ ขะข้าผิดไปแล้ว ขะข้าจะเสียการบ่มเพาะของข้าไปไม่ได้”
เจียงหวู่พูดอ้อนวอนออกมาในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดจากปากพี่ชายตน การสูญเสียจุดตันเถียนของผู้บ่มเพาะนั้นไม่ได้ต่างไปจากการปล่อยให้ตายทั้งเป็นแต่อย่างใด
“ท่านพ่อ หากท่านไม่อยากจะลงมือด้วยตัวเอง ให้หยวนเอ๋อร์ผู้นี้เป็นผู้ลงมือเถิด”
เจียงเหวิ่นที่เห็นก็มีสีหน้าเขร่งขรึมขึ้นมามากกว่าเดิม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดออกมา “ไม่ได้ พ่อต้องเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง พ่อต้องทำให้สมกับที่เป็นผู้นำของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลเจียงแล้ว”
“ท่านพี่…”
ใบหน้าของเจียงหวู่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองถูกผนึกจุดตันเถียนเอาไว้ นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจจะใช้พลังที่บ่มเพาะเอาไว้อย่างลำบากออกมาได้
ฝุ่บ
เจียงเหวิ่นไม่แสดงท่าทางอะไรออกมามากมาย เขาเพียงข้ายกมือขวาก่อนจะฟาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยไอพลังวิญญาณลงไปที่จุดตันเถียนของคนทั้งสอง
เจียงหวู่และเจียงหลี่สิ้นสติลงในทันทีหลังจากโดนทำลายจุดตันเถียนไป
“จบสักที”
ตอนนี้เป็นเจียงหยวนที่ถอดถอนลมหายใจออกมา
“งั้นก็ได้เวลาปล่อยข้าไปแล้วสิ”
หม่าเหยาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว
เจียงเหวิ่นที่ได้ยินก็สบถออกมาทีหนึ่งแล้วพูดออกมา “ปล่อยรึ ปล่อยเจ้าเนี่ยนะ เจ้าที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนทรยศในตระกูลของข้าแล้วมาอยู่ในตระกูลของข้าถึงที่แล้วน่ะนะ ทำไมข้าจะต้องปล่อยเจ้ากลับไปง่ายๆด้วย”
“เพราะข้าคือนายน้อยตระกูลหม่ายังไงล่ะ ก่อนหน้านี้ที่ข้ากลัวเป็นเพราะมันกระทันหัน แต่ตอนนี้ข้าไม่กลัวแล้ว”
หม่าเหยาเมื่อพูดจบก็ได้หัวเราะออกมา ราวกับไม่เห็นตระกูลเจียงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“ตระกูลหม่า ไอ้ตระกูลระดับสองในเมืองเทียนหยางมาหมื่นปีนั่นน่ะรึ เป็นตระกูลอันดับสองมาตลอดกาลแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องพวกเราเนี่ยนะ”
“น่าขันอะไรเยี่ยงนี้ ข้าขอคิดแทนเจ้านะ ไอ้ขยะ เจ้าลืมไปแล้วรึเปล่าว่านายน้อยของพวกข้านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน”
“หรือแกยังคิดอยู่ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของเมืองเทียนหยางอยู่อีก”
ถึงแม้ว่าสีของผู้คนในตระกูลเจียงของเขานี้จะดูเปลี่ยนเร็วไปสักหน่อย แต่ในตอนนี้ เจียงหยวนกลับรู้สึกว่ามันฟังรื่นหูอย่างประหลาดเมื่อได้ยิน
“บรรพบุรุษของเราออกจากด่านฝึกตนแล้ว ตอนนี้เขาเป็นรัดับนักรบ 4 ดาว แม้ว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะต่อสู้กับเขาด้วยกัน เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
เมื่อพูดจบ หม่าเหยาก็หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น
“บรรพบุรุษตระกูลหม่าน่ะนะ ไอ้แก่นั่นมันยังอยู่อีกเรอะ แถมยังมีระดับบ่มเพาะไปถึงขั้นนั้นแล้วอีกเนี่ยนะ”