บทที่ 38 ผู้สืบทอดตระกูลหม่า

ข้าแค่อยาก “กิน” อย่างเงียบๆ

ตระกูลเจียง ลานฝึกซ้อม

“วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงได้มารวมกันที่นี่ล่ะ”

“เจ้ารีบมองไปบนเวทีเลย นั่นไม่ใช่นายน้อยใหญ่แห่งตระกูลหม่า หม่าเหยาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขาถึงได้ถูกมัดไว้ล่ะ”

“เจียงหวู่และผู้อาวุโสสูงสุดก็ถูกมัดด้วยนี่ แล้วนั่นไม่ใช่นายน้อยใหญ่เหรอนั่น”

เมื่อเห็นคนทั้งสามถูกมัดเอาไว้บนเวที พร้อมด้วยเจียงเหวิ่น และเจียงหยวน ทุกคนต่างก็เริ่มพูดคุยกัน

“ทุกคน พวกเราจะจัดการคนของตระกูลเจียงที่คิดคดทรยศรวมหัวกับคนนอกเช่นใดดี”

เจียงเหวิ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและแฝงเอาไว้ซึ่งความโกรธเกรี้ยว

“ทำลายตันเถียน ไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันนอกคุกมืดอีก”

“ตอนนี้เจียงหวู่และเจียงหลี่ไม่พอใจตำแหน่งของตนที่ได้รับ คิดร่วมหัวกับคนนอก นายน้อยใหญ่ของตระกูลหม่า คิดจะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลของข้า พวกเราควจะทำเช่นใด”

“สวะ”

“ใช่ พวกมันเป็นเศษสวะชัดๆ”

ในตอนนี้ เจียงหวู่และเจียงหลี่อยู่ในสภาพตื่นตระหนก เมื่อเห็นความโกรธแค้นของผู้คนโดยรอบ นี่ทำให้ทั้งสองรีบอ้อนวอนร้องขาความเมตตาในทันที “ขะข้าเป็นเชื้อสายของท่านนะ ท่านพี่”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงหยวนสบถออกมาอย่างดัง ก่อนจะหันไปดูหนอนแมลงของตระกูลที่คุกเข่าอยู่แทบเท้า ก่อนจะหัวเราะลั่นแล้วพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แกยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นน้องชายของพ่อข้าอีกงั้นรึ”

“ใช่ พวกมันกล้าที่จะรวมหัวกับตระกูลหม่า พวกเราว่าควรจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด”

เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นต่างก็ส่งเสียงทำนองเห็นด้วยกันไปหมด

ยังไงซะ เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นตระกูลตัวเองที่ยากเกินกว่าจะทานทนได้

“เจียงหวู่ แกเป็นน้องชายของข้าก็จริง แต่ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ แกที่เล็งตำแหน่งของข้าจนทำได้ทุกอย่าง นอกเสียจากผลประโยชน์ของตระกูลไม่ใช่รึไง ถึงขนาดตั้งขบวนการเพื่อโค่นล้มข้า”

“แต่ข้า…ข้าอุตส่าห์ปิดตาลงข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ข้านึกไม่ถึงว่าแกถึงกับรวมหัวกับตระกูลหม่าแบบนี้”

อันที่จริงเจียงเหวิ่นรู้มานานแล้วว่าเจียงหวู่คิดอยากจะได้ตำแหน่งของเขา แต่เขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าน้องชายของเขาจะกระสันต์อยากได้จนถึงขนาดทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ได้แบบนี้

“ท่านพี่ ขะข้าผิดไปแล้ว ขะข้าจะเสียการบ่มเพาะของข้าไปไม่ได้”

เจียงหวู่พูดอ้อนวอนออกมาในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดจากปากพี่ชายตน การสูญเสียจุดตันเถียนของผู้บ่มเพาะนั้นไม่ได้ต่างไปจากการปล่อยให้ตายทั้งเป็นแต่อย่างใด

“ท่านพ่อ หากท่านไม่อยากจะลงมือด้วยตัวเอง ให้หยวนเอ๋อร์ผู้นี้เป็นผู้ลงมือเถิด”

เจียงเหวิ่นที่เห็นก็มีสีหน้าเขร่งขรึมขึ้นมามากกว่าเดิม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดออกมา “ไม่ได้ พ่อต้องเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเอง พ่อต้องทำให้สมกับที่เป็นผู้นำของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลเจียงแล้ว”

“ท่านพี่…”

ใบหน้าของเจียงหวู่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองถูกผนึกจุดตันเถียนเอาไว้ นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจจะใช้พลังที่บ่มเพาะเอาไว้อย่างลำบากออกมาได้

ฝุ่บ

เจียงเหวิ่นไม่แสดงท่าทางอะไรออกมามากมาย เขาเพียงข้ายกมือขวาก่อนจะฟาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยไอพลังวิญญาณลงไปที่จุดตันเถียนของคนทั้งสอง

เจียงหวู่และเจียงหลี่สิ้นสติลงในทันทีหลังจากโดนทำลายจุดตันเถียนไป

“จบสักที”

ตอนนี้เป็นเจียงหยวนที่ถอดถอนลมหายใจออกมา

“งั้นก็ได้เวลาปล่อยข้าไปแล้วสิ”

หม่าเหยาพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว

เจียงเหวิ่นที่ได้ยินก็สบถออกมาทีหนึ่งแล้วพูดออกมา “ปล่อยรึ ปล่อยเจ้าเนี่ยนะ เจ้าที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนทรยศในตระกูลของข้าแล้วมาอยู่ในตระกูลของข้าถึงที่แล้วน่ะนะ ทำไมข้าจะต้องปล่อยเจ้ากลับไปง่ายๆด้วย”

“เพราะข้าคือนายน้อยตระกูลหม่ายังไงล่ะ ก่อนหน้านี้ที่ข้ากลัวเป็นเพราะมันกระทันหัน แต่ตอนนี้ข้าไม่กลัวแล้ว”

หม่าเหยาเมื่อพูดจบก็ได้หัวเราะออกมา ราวกับไม่เห็นตระกูลเจียงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“ตระกูลหม่า ไอ้ตระกูลระดับสองในเมืองเทียนหยางมาหมื่นปีนั่นน่ะรึ เป็นตระกูลอันดับสองมาตลอดกาลแล้วยังมีหน้ามาหาเรื่องพวกเราเนี่ยนะ”

“น่าขันอะไรเยี่ยงนี้ ข้าขอคิดแทนเจ้านะ ไอ้ขยะ เจ้าลืมไปแล้วรึเปล่าว่านายน้อยของพวกข้านั้นแข็งแกร่งขนาดไหน”

“หรือแกยังคิดอยู่ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของเมืองเทียนหยางอยู่อีก”

ถึงแม้ว่าสีของผู้คนในตระกูลเจียงของเขานี้จะดูเปลี่ยนเร็วไปสักหน่อย แต่ในตอนนี้ เจียงหยวนกลับรู้สึกว่ามันฟังรื่นหูอย่างประหลาดเมื่อได้ยิน

“บรรพบุรุษของเราออกจากด่านฝึกตนแล้ว ตอนนี้เขาเป็นรัดับนักรบ 4 ดาว แม้ว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะต่อสู้กับเขาด้วยกัน เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

เมื่อพูดจบ หม่าเหยาก็หัวเราะออกมาอย่างดังลั่น

“บรรพบุรุษตระกูลหม่าน่ะนะ ไอ้แก่นั่นมันยังอยู่อีกเรอะ แถมยังมีระดับบ่มเพาะไปถึงขั้นนั้นแล้วอีกเนี่ยนะ”