บทที่ 244 ความผิดพลาดครั้งใหญ่
ท่อเหล็กถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีโดยกระทรวงศึกษา เมื่อใส่ผงสมุนไพรและโคจรพลังลมปราณเข้าไปแล้ว ผงสมุนไพรเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหมอกควันเลือนรางลอยตัวอยู่ในอากาศพ่นออกไปจากปลายท่ออีกด้านหนึ่ง
นี่คือควันที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีน้ำหนักเบา
เมื่อผงสมุนไพรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นควันลอยคลุ้งอยู่ในกรงขัง สัตว์ร้ายที่เป็นเป้าหมายของการวางยาสลบก็ยากที่จะหลบหนีได้
บัดนี้ มี่หรู่หยานจำเป็นต้องควบคุมพลังลมปราณให้ดี ควันสลบลอยเข้าไปยังพื้นที่ที่หมาป่าน้ำแข็งถูกจองจำ เมื่อมันได้สูดดมควันเข้าไป เจ้าหมาป่าก็ชะงักเล็กน้อย
และภายใต้การจ้องมองของสายตานับไม่ถ้วน หมาป่าน้ำแข็งเริ่มยืนโซเซ ใช้เวลาประมาณ 5 ลมหายใจ ควันสลบก็ลอยตลบอบอวลอยู่ในม่านพลังที่หมาป่าน้ำแข็งถูกกักขังอยู่ในกรง
เด็กสาวต้องรักษาระดับพลังลมปราณเอาไว้
แต่การทำเช่นนั้นก็เผาผลาญพลังของนางเป็นจำนวนมาก
ต้องมีพลังลมปราณเหนือระดับธรรมดาเท่านั้น ถึงจะสามารถทำต่อไปได้
ด้านในกรงขังจะแบ่งอาณาเขตสัตว์ร้ายทั้ง 3 ชนิดด้วยม่านพลัง ควันสลบที่ถูกเป่าเข้าไปจะไม่ลอยข้ามม่านพลังไปรบกวนสัตว์อสูรชนิดอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียงกันเด็ดขาด ดังนั้น หมาป่าน้ำแข็งจึงต้องสูดดมควันสลบแต่เพียงผู้เดียว และมันก็มีสีหน้าท่าทางหงุดหงิดใจไม่ใช่น้อย หมาป่าน้ำแข็งส่งเสียงคำรามไม่หยุดยั้ง พื้นหินใต้เท้าของมันปรากฏรอยแตกร้าวเหมือนใยแมงมุม…
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่งานง่ายเลยที่มี่หรู่หยานจะสามารถวางยาสลบได้สำเร็จ
แต่โชคดีที่เมื่อผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย เจ้าหมาป่าน้ำแข็งที่ถูกรมควันก็ไม่อาจต้านทานอานุภาพของยาสลบได้อีกต่อไป มันเดินโซเซไปรอบอาณาเขตของตนเอง ก่อนที่จะล้มลงไปหมดสติในที่สุด
มี่หรู่หยานระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สองขาของนางไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายก็ต้องล้มฟุบลงมานั่งบนพื้นเช่นกัน
เด็กสาวรีดเค้นพลังแทบทั้งหมดที่มีในร่างกาย เสื้อคลุมของนางเปียกชุ่มด้วยหยาดเหงื่อ ใบหน้าขาวซีดปราศจากสีเลือดราวกับเป็นใบหน้าของคนป่วยหนัก มี่หรู่หยานนั่งหอบหายใจอย่างน่ากลัว และจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษาเข้ามาตรวจสอบอาการว่าปลอดภัยดีหรือไม่
นี่คือสัญญาณของการใช้พลังลมปราณมากเกินไป
แต่ไม่ว่าอย่างไร มี่หรู่หยานก็สามารถผ่านการทดสอบได้เรียบร้อยแล้ว
เหมยซือหยวนร้องตะโกนออกมาเสียงดังว่า “มี่หรู่หยาน ใช้เวลาไปทั้งหมด 52 ลมหายใจ มีความสามารถเรื่องการปรุงยาและควบคุมพลังลมปราณอยู่ในระดับปานกลางทั้งคู่!”
พลัน กลุ่มผู้เข้าแข่งขันหันหน้ามาพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่
สำหรับการทดสอบก่อนหน้านี้ มี่หรู่หยานถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้เข้าแข่งขันที่ทำคะแนนดีมาโดยตลอด
นางเป็นดาวเด่นและมีฐานะเป็นศิษย์อัจฉริยะประจำสถาบัน
แต่ครั้งนี้ มี่หรู่หยานกลับผ่านการทดสอบได้อย่างเฉียดฉิว
ดูเหมือนว่าปัญหาใหญ่ของนางจะอยู่ที่การปรุงยาสมุนไพร
ถ้าสามารถจดจำได้ตั้งแต่แรกว่าสมุนไพรแต่ละชนิดสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง มี่หรู่หยานก็จะสามารถประหยัดเวลาได้มากกว่านี้หลายเท่า
แต่การยืนดูอยู่เฉยๆ มันง่ายกว่าการลงมือทำอยู่แล้ว
หลังจากนั้น เหมยซือหยวนก็ขานชื่อผู้เข้าแข่งขันตามลำดับหมายเลขประจำตัว
พรานป่ามืออาชีพเปิดประตูเข้าไปด้านในกรงขังและเคลื่อนย้ายหมาป่าน้ำแข็งตัวที่สลบออกไป ก่อนที่จะนำตัวใหม่เข้ามาแทนที่
แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยก็คือ ผู้ที่เข้ารับการทดสอบต่อจากมี่หรู่หยาน มีถึง 5 คนที่วางยาสลบล้มเหลว
รวมถึงตงฟางจัน
เด็กหนุ่มมีความรู้ทางด้านตำราน้อยมาก เมื่อต้องมาปรุงยาสมุนไพร เขาจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมุนไพรแต่ละชนิดสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง ตงฟางจันเสียเวลาอยู่ครึ่งค่อนวันในการพยายามรมควันหมาป่าน้ำแข็ง แต่รีดเค้นพลังลมปราณจนหมดร่างกาย หมาป่าน้ำแข็งก็ไม่มีทีท่าว่าจะสลบแม้แต่น้อย
สุดท้าย ตงฟางจันก็ถูกเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษายกตัวใส่เปลหามออกไปทำการรักษาที่ห้องพยาบาลในสภาพที่หมดแรงข้าวต้ม
สำหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบแล้วนั้น จะถูกจัดให้นั่งอยู่ในพื้นที่พิเศษ ซึ่งมีม่านพลังกางกั้นเอาไว้
บรรดาผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ จะสามารถมองเห็นพวกเขาได้ แต่ไม่สามารถพูดคุยกันได้ตามปกติ เพราะทางกระทรวงศึกษาต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ผู้เข้าแข่งขันสามารถสอบถามสูตรที่ใช้ในการปรุงยาของกันและกันได้
ผู้ที่เข้ารับการทดสอบเป็นคนที่ 7 คือเยว่เว่ยหยาง
นักบวชสาวยังคงมีฝีมือเลิศล้ำ
นางใช้เวลา 20 ลมหายใจในการผสมสมุนไพร 6 ชนิดเข้าด้วยกัน และใช้เวลาอีก 10 ลมหายใจในการโคจรพลังลมปราณผ่านท่อเหล็ก เมื่อควันสลบคละคลุ้งเต็มม่านพลังในกรงขังเพียง 3 ลมหายใจ หมาป่าน้ำแข็งก็น้ำลายฟูมปากและล้มลงหมดสติ
เยว่เว่ยหยางใช้เวลาไปทั้งสิ้น 33 ลมหายใจ หลินเป่ยเฉินได้แต่เบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
ในทันใดนั้น เขานึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เมื่อตอนรับประทานอาหารกลางวัน เขาไม่ควรพูดออกไปเลยว่า ‘โชคดีที่ข้ายังมีความสามารถอยู่บ้าง’ เพราะขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเห็นกับตาของตนเองแล้วว่าเยว่เว่ยหยางมีฝีมือน่ากลัวขนาดไหน
แล้วเขาก็นึกถึงเรื่องที่เยว่เว่ยหยางพูดถึงการยกน้ำหนักของพี่สาวเขาขึ้นมาโดยทันที…
ความจริงแล้ว นับจากเริ่มการแข่งขันตั้งแต่บททดสอบแรกเป็นต้นมา เยว่เว่ยหยางออมมือให้เขามาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?
เฮ้อ นี่แหละนะผู้หญิง
มีอะไรทำไมไม่พูดกันตรงๆ?
ทำไมจะต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาด้วย?
หลินเป่ยเฉินได้แต่ถอนหายใจ
“เยว่เว่ยหยาง ใช้เวลา 33 ลมหายใจ มีความสามารถในการปรุงยาและควบคุมพลังลมปราณอยู่ในระดับสูงทั้งคู่” เมื่อสิ้นเสียงประกาศผลคะแนน ในหอประชุมก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที
เยว่เว่ยหยางสามารถใช้เวลาวางยาสลบได้รวดเร็วขนาดนี้ ก็จะต้องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน
บังเอิญเหลือเกินที่ผู้เข้าแข่งขันคนต่อไป ซึ่งจะต้องรับบททดสอบถัดจากเยว่เว่ยหยาง ก็คือหลิงเฉิน
และนางก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง หลิงเฉินเลือกวางยาสลบเสือสายฟ้า เด็กสาวใช้เวลาปรุงยา 10 ลมหายใจ ใช้เวลาโคจรพลังลมปราณอีก 2 ลมหายใจ แต่รอคอยจนครบกำหนดระยะเวลาแล้ว เสือสายฟ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะสลบ สุดท้ายการทดสอบของนางจึงต้องจบลง
หลิงเฉินไม่สามารถวางยาสลบเสือสายฟ้าได้สำเร็จ
นางไม่ผ่านการทดสอบ
ทุกคนได้แต่เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่มีใครคิดเลยว่าหลิงเฉินจะไม่ผ่านการทดสอบ
เพราะนางคือความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของเมืองหยุนเมิ่ง
หลายคนตกตะลึงจนลืมหายใจ
โดยเฉพาะหลินเป่ยเฉิน
หลิงเฉินไม่ผ่านการทดสอบได้อย่างไร?
ที่ผ่านมาก็เห็นๆ กันอยู่ว่านางมีความสามารถเหนือกว่าผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่
นางเป็นเด็กสาวคนเดียวกับที่สามารถทำให้เซินเฟยได้รับบาดเจ็บและสามารถปัดป้องการโจมตีของไป๋ไห่ชินได้สำเร็จ
ผลการสอบวิชาพืชสมุนไพร นางก็ได้คะแนนเต็มร้อย
พลัน หลินเป่ยเฉินนึกถึงผลคะแนนการแข่งขันฝ่าพายุลูกธนู ซึ่งหลิงเฉินก็สามารถทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน…หรือว่านางจะเป็นอะไรไปนะ?
หรือว่า…
ตอนที่อยู่ในโรงอาหาร หลินเป่ยเฉินเห็นเด็กสาวยืนเหม่อมองท้องฟ้าอยู่เพียงลำพังบนสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ ขณะนั้นเขาไม่คิดว่านางจะเป็นอะไร แต่มาตอนนี้ เด็กหนุ่มก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังยืนอยู่ที่ขอบเหว เบื้องหน้าเป็นทะเลที่แสนสวยงาม แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกโดดเดี่ยวอย่างนี้?
เหมยซือหยวนประกาศผลคะแนนของหลิงเฉิน
แน่นอนว่านางไม่ผ่านการทดสอบ
นี่หมายความว่าเด็กสาวผู้เป็นยอดอัจฉริยะและความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของเมือง มีโอกาสสูงที่จะตกรอบ
หลิงเฉินเดินไปยังพื้นที่ๆ จัดไว้ให้สำหรับผู้ที่เข้ารับการทดสอบแล้ว สีหน้าของนางยังคงเรียบเฉยเย็นชา ไม่สนใจสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่จ้องมองมาด้วยความตะลึงงัน คล้ายกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยทั้งสิ้น
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบด้วยความรู้สึกที่ไม่เป็นมงคลอีกครั้ง
มันทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิสนใจการทดสอบหลังจากนั้นสักเท่าไหร่
“ตัวเราเองไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรสักนิด ไอ้ครั้นจะใช้โทรศัพท์ช่วยคำนวณสูตรปรุงยา เราก็ไม่รู้อีกว่าสมุนไพรทั้ง 10 ชนิดในกล่องนั้นมีอะไรบ้าง แต่จะพึ่งพาแอปรายละเอียดยาพิษหมื่นชนิดก็หมดหวังอีกเหมือนกัน ในนั้นมีแต่ข้อมูลยาพิษทั้งนั้น และสมุนไพรชนิดเดียวที่มีพอจะมีข้อมูลอยู่ในแอป ก็สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีพลังต่ำกว่าระดับปรมาจารย์เท่านั้น ซึ่งมันหมายความว่าคงใช้ไม่ได้ผลกับเสือสายฟ้า แต่ถ้าเราอยากเอาชนะเฉาพั่วเถียน เราก็ต้องหาวิธีวางยาสลบเสือสายฟ้าให้ได้!”
“บททดสอบนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
ในขณะที่เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาจมตัวอยู่กับในห้วงคิดของตนเอง สุดท้าย เสียงตะโกนของเหมยซือหยวนก็ดังกึกก้อง…
“คนต่อไป หลินเป่ยเฉิน!”
ในที่สุด ก็ถึงคราวของหลินเป่ยเฉินต้องเข้ารับการทดสอบแล้ว