เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 332
ตอนหัวของเทียนฉี่ปรากฏออกมากลางอากาศ จางเยว่หานหน้าซีดทันที ทรุดลงบนพื้น

จบแล้ว จบสิ้นแล้ว มิน่าล่ะตอนที่ลู่ฝานได้ยินเธอใช้วิธีนี้ใส่ร้ายเขา จึงมีสีหน้าประหลาด มิน่าล่ะไม่ว่าเธอยั่วโมโหลู่ฝานยังไง เขาก็ไม่ฆ่าเธอ

ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง มีเทียนฉี่มองทุกอย่างอยู่บนท้องฟ้า ลู่ฝานจึงไม่กลัว และไม่มีทางฆ่าเธอ

ถ้าเป็นเช่นนั้น ลู่ฝานก็กลายเป็นฆาตกรฆ่านักเรียนสถาบันเดียวกันน่ะสิ

จางเยว่หานรู้สึกเย็นไปทั้งตัว เธอรู้กฎของสถาบันอยู่แล้ว

คนที่ใส่ร้ายนักเรียนสถาบันเดียวกัน คนที่จิตใจโหดเหี้ยม คนนั้นต้องโดนทำลายผลการฝึกตน โดนไล่ออกจากสถาบันสอนวิชาบู๊

ทุกคนพากันเงยหน้ามองฟ้า ทุกคนเกือบลืมไปแล้ว ทั้งเก้าคณะของสถาบันสอนวิชาบู๊ ล้วนอยู่ภายใต้การสังเกตของเทียนฉี่

ฟ้ามองการกระทำของเราอยู่

คำพูดเหล่านี้ เห็นได้ชัดที่สุดในสถาบันสอนวิชาบู๊

อาจารย์เซินถูพูดเสียงดังว่า “เทียนฉี่ นายรู้เหตุการณ์ฝั่งนี้ใช่ไหม”

จางเยว่หานมองฟ้า ด้วยความหวังสุดท้าย

เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทียนฉี่จะไม่รู้ ในสถาบันสอนวิชาบู๊ คนที่บาดเจ็บจนพิการ คนที่โดนทำร้าย คนที่ตายเพราะสัตว์อสูรมีทุกปี ไม่เคยเห็นเทียนฉี่ออกมาพูดอะไรยุติธรรม ทำเรื่องอะไรที่ยุติธรรมเลย

ทำไมเมื่อเรื่องเกี่ยวกับเธอ เทียนฉี่ต้องออกมาเป็นพยานด้วย

ไม่แน่เทียนฉี่อาจเป็นแค่ตัวแสดง เพื่อมาข่มขู่นักเรียนใหม่เท่านั้น

แต่น่าเสียดาย ต่อมาเทียนฉี่หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ฉันรู้อยู่แล้ว ในเก้าคณะใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่มีอะไรที่ฉันไม่รู้”

เพียงประโยคเดียว ทำลายความหวังของจางเยว่หานจนแหลกสลาย ปากของเธอสั่นไปหมด

เซินถูพูดว่า “งั้นนายเล่าเหตุการณ์ออกมาสิ”
เทียนฉี่พูดว่า “พวกนายรู้กฎอยู่แล้ว เล่าเหตุการณ์ไม่ได้ แต่อาจารย์แบบพวกนายดูได้ โดยรวมเป็นอย่างไร พวกนายแยกแยะกันเอาเองว่าควรจัดการยังไง เป็นเรื่องของพวกนาย เรื่องเล็กๆ แบบนี้ ทำไมต้องให้ฉันออกหน้าพูด ฉันคงยุ่งวุ่นวายมาก เด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นหรือตาย พวกนายจัดการกันเอาเองเถอะ”

พูดจบ มีแสงสามดวงร่วงลงมาจากฟ้า

ร่วงลงมาตรงหน้าอาจารย์เซินถู เมิ่งอวิ๋นและเสวียนเจิน

ในลำแสง มีเงาคนเคลื่อนไหว อีกทั้งยังมีเสียงเบาๆ เป็นเหตุการณ์ของลู่ฝานกับจางเยว่หานที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

นักเรียนคนอื่นพากันมองไปยังจางเยว่หาน

เงาของเทียนฉี่หายไปแล้ว แต่ทุกคนได้ยินคำพูดเขาอย่างชัดเจน

“เด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นหรือตาย พวกนายจัดการกันเอาเอง”

คำพูดนี้กำลังบอกว่า ความรับผิดชอบทุกอย่างอยู่ที่จางเยว่หาน อย่าบอกนะว่าใส่ร้ายจริงๆ

ผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้ชื่อเสียงของตัวเองใส่ร้ายอีกฝ่ายเหรอ

นี่ต้องแค้นเคืองขนาดไหน ต้องหน้าไม่อายขนาดไหนกัน!

เห็นจางเยว่หานทรุดลงกับพื้นอีก นักเรียนที่ฉลาดหน่อย เริ่มเดาได้แล้ว

เสวียนเฟิงที่อยู่บนกิ่งไม้ ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจว่านักเรียนที่ได้ฉายาว่าแข็งแกร่งที่สุดคนใหม่ของคณะบังเหินอย่างจางเยว่หาน จะมีความสามารถแค่ไหน วันนี้ได้เห็น ดูหมิ่นชื่อเสียงของคณะบังเหินชัดๆ”

หลัวตานที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “น่าเศร้าใจ น่าหดหู่”

ทั้งสองหันหลังเดินออกไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อ

เฉียวเซวียนก็ส่งเสียงหึออกมา พูดช้าๆ ว่า “พวกผู้หญิง จิตใจคับแคบ ไม่มีราศี อยู่ในวิชาบู๊ได้ยังไง”

เมื่อพูดจบ เฉียวเซวียนก็เดินออกไป

อาจารย์ทั้งสามท่านดูทุกอย่างในลำแสงจนจบ ต่างมีสีหน้าประหลาด