[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 418: จูบจากนางฟ้า!

หลิงหยุนกดลิฟท์ลงมาชั้นล่างของโรงแรม เมื่อขึ้นรถได้ก็ขับมุ่งหน้าไปยังบ้านเลขที่-1 ในทะเลสาบจิงฉูทันที

เมื่อไปถึง เขาก็พบว่าทุกคนทั้งเหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ ตี้เสี่ยวอู๋ และเจ้าขาวปุยต่างก็รวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังนี้

ทันทีที่หลิงหยุนก้าวลงจากรถ เงาสีขาวของเจ้าขาวปุยก็พุ่งออกมา และเพียงแว้บเดียวก็มุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน รูปร่างและสีหน้าท่าทางของมันทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจ

“เจ้าอย่าดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากจนเกินไป หลังจากนี้อีกห้าวันข้าจะพาเจ้าไปหาที่เพื่อกลายร่าง” หลิงหยุนลูบขนสีขาวที่นุ่มลื่นราวกับผ้าซาตินของเจ้าขาววปุยพร้อมกับกระซิบบอก

ใบหน้าเล็กๆของเจ้าขาวปุยผงกขึ้นลงเป็นการรับบรู้ ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายระยิบบระยับของมัน จ้องมองหลิงหยุนอย่างประจบสอพลอ

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่ากุ่ย ตู้กู่โม่ และตี้เสี่ยวอู๋ ต่างก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อทักทายหลิงหยุน หลิงหยุนเองก็ยิ้มทักทายพวกเขาทั้งสามคนเช่นกัน จากนั้นก็เชื้อเชิญเหล่ากุ่ยเข้าไปในบ้าน

“เหล่ากุ่ย.. วันนี้ข้ายุ่งทั้งวันจึงไม่มีเวลาได้มาดูแลต้อนรับท่าน อภัยให้ข้าด้วย..” หลิงหยุนเอ่ยขอโทษเหล่ากุ่ยอย่างสุภาพระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน

เหล่ากุ่ยตอบยิ้มๆ “เรื่องเล็กน่า.. เจ้ามีญาติมาเยี่ยมเยียน ยังไงก็ต้องไปต้อนรับขับสู้ถึงจะถูก เรื่องของข้าเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย..”

เหล่ากุ่ยได้แต่คิดในใจว่า.. นี่ยังไม่เรียกว่ายุ่งได้หรอก รอให้นายน้อยของเขาได้เจอกับท่านปู่ก่อนเถิด รับรองว่าจะมีงานให้ทำไม่หยุดไม่หย่อนเลยเชียวล่ะ!

หลังจากออกมาจากบ้านเฉิงเทียนเมื่อคืนนี้ เหล่ากุ่ยจึงฉวยโอกาสติดต่อกลับไปหาหลิงลี่ทันที

หลังจากที่ได้เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้หลิงลี่ฟังแล้ว หลิงลี่เองก็ถึงกับตกใจ และอึ้งไปพักใหญ่ และเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่น่าทึ่งของหลานชายที่ชื่อหลิงหยุนแล้ว มีหรือที่หลิงลี่จะยังนิ่งเฉยอยู่ที่บ้านได้อีก?

เขาแทบจะอดทนรอไม่ได้ หากมีปีกเขาคงจะบินไปที่เมืองจิงฉูในทันที เพื่อไปดูหลานชายที่เขาเองก็ไม่เคยได้พบหน้ามาก่อน

แต่หลิงลี่ไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้กับใครเลยสักคน แม้แต่หลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของหลิงหยุน เพราะเกรงว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จะเป็นผลร้ายกับตระกูลหลิง และตัวของหลิงหยุนเอง

หลังจากที่วางสายจากเหล่ากุ่ยไปแล้ว หลิงลี่ก็ได้จัดการสั่งการทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาจะเดินทางไปเมืองจิงฉูอย่างลับๆ เพื่อให้หลานชายของเขาได้พบเจอกับบรรพบุรุษของตัวเองเสียที!

หลิงหยุนที่ยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ได้พูดกับเหล่ากุ่ยต่อว่า “เหล่ากุ่ย.. ข้าได้สั่งตี้เสี่ยวอู๋ไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เขาคอยดูแลท่าน หากต้องใช้เงินก็บอกเขาได้เลย”

เหล่ากุ่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ตี้เสี่ยวอู๋รึ? เด็กคนนี้หน่วยก้านใช้ได้ ข้าชอบเขา..”

ทั้งสองคนเดินคุยกันไปจนถึงห้องที่สำหรับใช้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บ เหล่ากุ่ยยกมือขึ้นและหันไปพูดกับหลิงหยุน

“พ่อหนุ่ม.. เวลานี้คนแก่อย่างข้ายังหาที่อยู่ไม่ได้ คงต้องขออาศัยอยู่กับเจ้าที่นี่ไปก่อน ไม่ทราบว่าเจ้าจะรังเกียจหรือไม่?”

หลิงหยุนยิ้ม “เหล่ากุ่ยทำไมถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ? ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ ท่านก็ต้องอยู่ที่นี่กับข้าด้วยสิ! หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็บบอกตี้เสี่ยวอู๋ได้เลย!”

ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันอีกสองสามคำ หลิงหยุนก็หยุดพูดและเริ่มลงมือฝังเก้าเข็มปลุกชีพให้เหล่ากุ่ยอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อช่วยรักษาอาการบบาดเจ็บภายในที่ยังไม่หายดีให้กับเขา

หลังจากการรักษาครั้งแรก อาการบาดเจ็บภายในของเหล่ากุ่ยก็ดีขึ้นถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้หลิงหยุนเองก็มีประสบการณ์จากการรักษาเหล่ากุ่ยมากขึ้น และเหล่ากุ่ยเองก็คุ้นเคยกับวิธีการรักษา จึงทำให้การรักษาของหลิงหยุนยิ่งง่ายขึ้นอย่างมาก

หลิงหยุนทำการฝังเข็มอย่างรวดเร็ว เขาต้องเร่งมือเพราะมีสาวสวยกำลังรอเขาไปเข้าห้องหออยู่..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนก็ดึงเข็มทองออกจากร่างกายของเหล่ากุ่ย จากนั้นก็พูดกับเหล่ากุ่ยสองสามคำ ก่อนจะรีบพุ่งออกไปจากบ้านทันที

“นี่หลิงหยุน.. แล้วนี่เจ้าจะไปใหน?! คืนนี้ดูเจ้ารีบร้อนนัก จะรีบไปเข้าห้องหอหรือยังไง?”

ตู้กู่โม่เห็นหลิงหยุนรีบร้อนราวกับถูกไฟรนก้น จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไปด้วยความสงสัย

หลิงหยุนคิดในใจว่า ตู้กู่โม่ช่างเดาได้ถูกต้องแม่นยำนัก เขาจึงหันหลับกลับไปหาตู้กู่โม่พร้อมกับยกนิ้วกลางให้ และเมื่อเห็นตู้กู่โม่เห็น เขาก็ร้องโวยวายด้วยความโมโห หลิงหยุนได้แต่หัวเราะแล้วขับบรถหายไปทันที

ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว และหลิงหยุนก็ค่อนข้างรีบร้อน เขาจึงเหยีบคันเร่งรถแลนด์โรเวอร์แทบมิดเพราะไม่ต้องการล่าช้า

แต่ยิ่งเขาไม่อยากจะล่าช้ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพบเจอปัญหามากเท่านั้น เพราะระหว่างที่จดจ่ออยู่กับการขับบรถนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“เหยาลู่คงจะอาบน้ำเสร็จแล้วเลยโทรมาเร่งให้ข้ากลับไปสินะ! ฮ่า.. ฮ่า.. งั้นต้องเหยียบให้เร็วกว่านี้!”

หลิงหยุนมั่นใจมากว่าต้องเป็นเหยาลู่ เขาจึงเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม แต่เสียงเรียกเข้าก็ยังคงดังต่อเนื่อง หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้วและเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะเหยาลู่ไม่เคยเร่งรัดเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไร เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไปเมื่อเหลือบเห็นชื่อที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์!

ปรากฏว่าเป็นสายจากหลินเมิ่งหาน!

“ยังไงกัน? นี่หลินเมิ่งหานยังไม่ได้ออกจากจิงฉูงั้นรึ? หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางอีก?”

ทันทีที่คิดได้เช่นนั้น หลิงหยุนก็รีบกดรับโทรศัพท์ทันที และเสียงของหลินเมิ่งหานก็ดังขึ้นที่ปลายสายทันที

“หลิงหยุน.. มารับฉันที่แองเจลบาร์หน่อย!” เสียงของหลินเมิ่งหานดังแผ่วอยู่ปลายสาย

“แองเจลบาร์.. อยู่ที่ใหนล่ะ? แล้วตอนนี้คุณยังอยู่ในเมืองจิงฉูหรือเปล่า?!” หลิงหยุนไม่รู้จัก เพราะแม้แต่โรงแรมแชงกรีล่าเขาเองก็เพิ่งจะเคยไปที่นั่นวันนี้เป็นครั้งแรก หลิงหยุนเหยียบเบรคทันที

“เจ้างั่งเอ๊ย! ถ้าฉันไม่อยู่จิงฉู จะโทรหานายทำไมกันเล่า? นายมันคนเลว นายมันคนชั่ว นายมันโง่!”

หลินเมิ่งหานรำพึงรำพันอยู่ปลายสาย หลิงหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับคิดว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบเธอ น่าจะเมามากกว่า!

“สุดยอด.. คุณนี่มันสุดยอดจริงๆ! เอาล่ะ.. อย่าไปใหนล่ะ? รอผมอยู่ที่นั่น ผมจะรีบไปรับ!”

พูดจบหลิงหยุนก็วางสายไป แล้วรีบโทรหาตี้เสี่ยวอู๋เพื่อให้เขาบอกเส้นทางไปแองเจลบาร์ นับว่าหลิงหยุนโชคดีไม่น้อยที่ตี้เสี่ยวอู๋เองก็รู้จักที่นั่น และหลังจากวางสายไป ตี้เสี่ยวอู๋ยังนึกแปลกใจว่าดึกดื่นป่านนี้ หลิงหยุนยังจะออกไปดื่มอีกหรือ?

หลังจากวางสายจากตี้เสี่ยวอู๋ หลิงหยุนก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่แองเจลบาร์ทันที!

หลินเมิ่งหานเป็นลูกทหาร จึงน่าจะมีการระมัดระวังตัวดีกว่าคนธรรมดา แต่ภายในบาร์ย่อมมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกัน หลิงหยุนจึงอดกังวลไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

หลินเมิ่งหานเป็นผู้หญิงคนแรกที่หลิงหยุนพบเมื่อตกลงมาบนโลกใบนี้! หลินเมิ่งหานจึงค่อนข้างมีความหมายพิเศษสำหรับเขา..

เธอเป็นตำรวจหญิงที่สวยงามราวกับบนางฟ้า หลิงหยุนช่วยชีวิตเธอ ดุด่าเธอ อีกทั้งยังขับไล่เธออย่างไม่ใยดี แต่ก่อนจจะจากไป หลินเมิ่งหานกลับยอมรับข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลของเขา ตอนนั้นด้วยความโมโหอย่างมาก หลิงหยุนจึงเรียกร้องเงินจากเธอจำนวนห้าล้านหยวน แต่หลินเมิ่งหานกลับให้เขาถึงสิบล้าน อีกทั้งยังตั้งรหัสบัตรเป็นเลข 9 หกตัว หลิงหยุนเองก็เคยแปลกใจว่า เหตุใดจึงคล้ายกับเบอร์มือถือที่เสี่ยวเม่ยหนิงเลือกให้กับเขา แต่ตอนนี้หลิงหยุนเข้าใจความหมายของตัวเลขเหล่านั้นแล้ว..

หญิงสาวคนนี้ช่างบริสุทธิ์ สดใส แล้วก็น่ารักมาก!

“นี่นางยังไม่ได้ออกไปจากจิงฉูงั้นรึ? หรือว่าออกไปแล้ว.. แต่ทำไมถึงยังกลับมาอีก? หรือนางกลับมาเพราะคิดถึงข้า!? ฮ่า.. ฮ่า.. ข้านี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลย!”

ที่แองเจลบาร์แสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ เสียงเพลงดังกระหึ่ม แสงไฟสีแดงทำให้บรรยากาศภายในบบาร์ดูค่อนข้างมืดคลึ้ม

บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่มีชื่อเสียงในเมืองจิงฉู และอยู่ห่างจาก SOS ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร

หลิงหยุนรีบเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นก็สอดส่ายสายตาหาหลินเมิ่งหาน และแล้วหลิงหยุนก็พบหญิงสาวสวมเดรสสีขาว กำลังนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะในมุมมืด

นอกจากหลินเมิ่งหานแล้ว ยังมีเด็กวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังยืนชนแก้วกับหลินเมิ่งหานอยู่ และดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่ไม่ดีนัก

หลิงหยุนได้ยินชัดเจนว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นถามหลินเมิ่งหานว่าต้องการไปต่อข้างนอกหรือไม่?

หลิงหยุนรู้สึกไม่พอใจ และรีบเดินเข้าไปหาหลินเมิ่งหานพร้อมกับยกมือขึ้นผลักคนที่อยู่ข้างโต๊ะกระเด็นออกไปพร้อมกับตะโกนว่า

“ออกไปให้พ้น!”

หัวหน้าของเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ย้อมผมสีแดง ถูกหลิงหยุนผลักจนล้มก้นกระแทกพื้น และเมื่อเห็นหลิงหยุนทำตัวเป็นพระเอกมาช่วยนางเอกคนสวยก็ไม่พอใจ จึงได้ตะโกนถามหลิงหยุนว่า

“แกเป็นใคร? อย่างได้มากร่างที่นี่ แหกตาดูซะก่อนว่าที่นี่ถิ่นใคร?”

“จัดการมัน!”

เด็กผู้ชายหัวแดงดิ้นขลุกขลักพยายามจะลุกขึ้นยืน ร้องสั่งพร้อมกับปาขวดเบียร์ในมือใส่หลิงหยุน

หลิงหยุนยิ้มหยัน และเพียงแค่ยกขาขึ้นก็สามารถเตะเด็กหนุ่มอีกสี่ห้าคนลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกัน แล้วจึงหันไปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฉันไม่สนใจว่าจะถิ่นใคร? แล้วฉันก็จะต่อยหน้าแก อยากจะโดนกันอีกไม๊ล่ะ?”

อันธพาลสองสามคนต่างก็หันไปมองหน้ากัน เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าหลิงหยุนยกขาขึ้นเตะตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อล้มไปนอนกองกับพื้น จึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาได้เจอของแข็งเข้าแล้ว

“พี่ครับ.. พวกผมมีตาหามีแวว.. ยกโทษให้พวกผมด้วย..” อันธพาลสองสามคนเห็นหลิงหยุนก็ไม่กล้ามีเรื่องกับเขาอีก และได้ต้องยอมรับว่าเป็นความโชคร้ายของพวกเขาเอง อีกทั้งไม่กล้าที่จจะวอแวกับหลินเมิ่งหานคนสวยด้วย

“หลิงหยุน.. มาแล้วเหรอ? นั่งลงแล้วดื่มกับฉันหน่อย..”

หลินเมิ่งหานยกแก้วขึ้นพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุน แววตาของเธอมึนเมา และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน

“ยังจะดื่มบ้าบออะไรอีก! ไม่เห็นรึไงว่าตัวเองเมามากแล้ว? ยังไม่เข็ดอีกหรือไงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งที่แล้ว?”

ใบหน้าของหลิงหยุนโกรธเกรี้ยว เขาคว้าแก้วออกจากมือหลินเมิ่งหานพร้อมกับวางกระแทกลงไปบนโต๊ะ..

“ไปกับผม!”

หลิงหยุนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่จับมือหลินเมิ่งหานไว้ และพยายามพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อเห็นรูปร่างที่เซ็กซี่เย้ายวนของหลินเมิ่งหาน เขาก็ได้แต่กระอักระอ่วน แต่หากเขาไม่ประคองเธอไว้ หลินเมิ่งหานก็คงจะต้องล้มลงไปบนพื้นอย่างแน่นอน

“นี่คุณผู้หญิงครับ.. จะให้ผมทำยังไงกับคุณดี?!” หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกอดร่างของหลินเมิ่งหานไว้เพื่อจะพาตัวเธอออกไปข้างนอก

มือเรียวงามสีชมพูของหลินเมิ่งหานกอดคอหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับดวงตาที่มึนเมาก็จ้องมองใบหน้าหลิงหยุนอย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางสายตาของผู้คน มือของหลินเมิ่งหานจับใบหน้าของหลิงหยุนไว้แน่น พร้อมกับแนบริมฝีปากเล็กๆแต่เย้ายวนของตนเองลงบนริมฝีปากของหลิงหยุน!

ดูเหมือนหลินเมิ่งหานจะดูเร่าร้อนมากในวันนี้ เธอแนบริมฝีปากอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะแทรกซอนลิ้นผ่านริมฝีปากสีแดงสดของตนเอง เข้าไปในริมฝีปากของหลิงหยุนที่เผยอรออยู่ด้วยความตื่นเต้น

หลิงหยุนรู้สึกว่าสมองของเขากำลังร่ำร้อง!

“หลิงหยุน.. นายต้องการฉันไม๊?” หลิงเมิ่งหานที่ไม่เคยดุดันและเร่าร้อนเช่นนี้มาก่อน กระซิบถามในขณะที่ริมฝีปากยังคงแนบอยู่กับปากของหลิงหยุน

หลิงหยุนโอบบร่างบอบบางของหลินเมิ่งหาน และรับรู้ได้ถึงยอดอกที่เบียดเสียดอยู่บนหน้าอกของตนเอง และสัมผัสได้ว่าร่างกายของหลินเมิ่งหานในตอนนี้ร้อนไปทั้งตัว!