หลังจากใช้เวลาในการบินไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หยวนก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการใช้พลังงานทางจิตวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง
‘ฉันรู้สึกเหนื่อยมากเลยนะ มันต้องใช้ฉีเท่าไรกัน?! ฉันก็มีมากกว่า 100 ล้านฉีเลยนะ!’
หยวนรู้สึกงุนงงกับการที่ฉีของเขาหมดลงอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะมีมากกว่า 100 ล้านฉี
โดยการบินจะต้องใช้ฉีจำนวนมากในการรักษาระดับการบิน
‘ไม่แปลกใจเลยทำไมผู้ฝึกฝนถึงเดินมากกว่าบิน!’
เขาถอนหายใจ
“อดทนอีกหน่อยนะพี่หยวน”
จู่ๆ เสี่ยวฮัวก็พูดกับเขา
“ข้างหน้ามีเมืองเล็กๆอยู่ เราไปพักกันที่นั่นก็ได้”
ไม่กี่นาทีต่อมาหยวนก็มองเห็นกำแพงเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ไมล์ แม้ว่ามันไม่ใหญ่เท่าเมืองวิญญาณ แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางมาก
จากนั้นหยวนและเสี่ยวฮัวก็ลงจากท้องฟ้าใกล้ทางเข้าเมือง ทำให้ดึงดูดความสนใจจากทุกคนที่นั่นในทันที
“ผู้เชี่ยวชาญ! ผู้เชี่ยวชาญ!”
“ข้าไม่เคยเห็นใครบินได้โดยไม่ใช้ดาบช่วยมาก่อนเลย!”
ผู้คนที่นั่นเริ่มพึมพำกันด้วยความกลัว แต่สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพ
เมื่อยามที่ประตูเห็นหยวนและเสี่ยวฮัวเดินเข้ามา ก็เดินไปหาพวกเขาทันที และทำการโค้งคำนับ
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมืองแปงผู้อาวุโส!”
“ผู้อาวุโสงั้นหรอ?”
หยวนขมวดคิ้วอย่างงง เขาดูแก่ขนาดนั้นเลยหรอ?
“ฟังนะ ข้าเพิ่งอายุ 18 ปี อย่าเรียกแบบนั้น เหมือนข้าเป็นคนแก่ มันไม่สุภาพ”
“…”
ทหารยามจ้องมองหยวนด้วยดวงตากลมโต หลังจากได้ยินคำพูดของเขา อัจฉริยะแบบไหนกัน ที่ควบคุมดาบบินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย! การเรียกเขาว่าอัจฉริยะก็ยังเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้องเลย!
“ขออภัยพ่อหนุ่ม!”
ทหารยามขอโทษ
“พี่หยวน ผู้คนสนใจพลังของพี่เหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้ ที่เรียกผู้อาวุโสก็หมายถึงว่าเขายอมรับว่าพี่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา และไม่ได้ดูหมิ่นพี่เลย”
“เป็นอย่างนั้นหรอ แต่ก็ยังแปลกอยู่ดีที่เรียกพี่แบบนั้น”
“แล้วเจ้าต้องการอะไรจากพวกเรางั้นหรอ?”
เขาถามทหารยามในเวลาต่อมา
“เราเพียงอยากทราบเหตุผลที่พวกท่านทั้งสองมาเยี่ยมเมืองนี้”
ทหารยามตอบนิ่ง พร้อมกับก้มหัวลง
“พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรเลย แค่จะหยุดพักที่นี่ก่อนจะเดินทางต่อก็เท่านั้น”
“หากท่านกำลังมองหาที่พัก เราขอแนะนำคฤหาสน์ของจ้าว”
หนึ่งในทหารยามกล่าว
“คฤหาสน์ของจ้าวหรอ ฟังดูมันจะเป็นสถานที่ที่แพงมาก และเราอยู่ที่นี่ไม่นาน คงไม่จำเป็นหรอก”
หยวนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเงินที่เขามีนั้นหมดแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไป เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นจะไม่มีการเรียกเก็บเงินจากท่านแม้แต่เหรียญเดียวเลย”
ทหารยามตอบ
“แต่ข้าไม่อยากก้าวก่ายคนที่นี่โดยไม่มีเหตุผลนะ”
หยวนพูด ในสายตาเขามันน่าอึดอัดเกินไปที่จะไปอยู่ในบ้านใครก็ไม่รู้ โดยไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไป แล้วไม่ต้องพูดถึงเลย แค่ฟังชื่อ ‘คฤหาสน์จ้าว’ ก็ฟังดูน่าจะเป็นสถานที่ที่วิเศษแล้ว
“ความจริงแล้ว เราแค่ทำตามคำสั่งของจ้าวเท่านั้น เพราะเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ”
ทันใดนั้นทหารยามก็เปิดเผยเหตุผลที่แท้จริง ว่าทำไมถึงต้องการให้ไปที่คฤหาสน์ของจ้าว
“อ๋อออ”
ดวงตาของหยวนกระพริบด้วยความสนใจ เมื่อได้ยินดังนั้น
‘นี่อาจเป็นภารกิจรึเปล่า? บางทีเหตุผลจริงๆ เขาอาจจะเข้าหาข้าเพราะข้าเป็นผู้ฝึกฝนก็ได้’
หยวนคิดกับตัวเอง
“ข้าเดาว่าการไปเยี่ยมคนๆนี้ ที่ต้องการความช่วยเหลือ อาจจะไม่เสียเวลาเท่าไร เสี่ยวฮัวล่ะคิดยังไง?”
“เสี่ยวฮัวทำตามที่พี่หยวนตัดสินใจ”
เธอตอบอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ไปคฤหาสน์ของจ้าวคนนี้กันเถอะ”
หยวนพูดกับทหารยามที่ยิ้มสดในบนใบหน้าทันทีที่ได้ยิน
“ขอบคุณมากนายน้อย! ถ้าจ้าวรู้เรื่องนี้! จ้าวท่านจะต้องเปี่ยมไปด้วยความสุขแน่ๆ”
“โปรดรอสักครู่ ข้าจะหาผู้คุ้มกันให้กับนายน้อยเอง!”
ทหารยามคนหนึ่งออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมาก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงที่สวยมาก ซึ่งไม่เหมือนกับผู้คุ้มกันธรรมดาเลย
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองแปง ท่านแขกผู้มีเกียรติ”
ผู้หญิงคนนั้นทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ และแนะนำตัวว่า
“ข้าชื่อ หลัวหลิง ลูกสาวคนโตของตระกูลหลัว ที่ปกครองเมื่อที่ต่ำต้อยนี้ ข้าขออนุญาตพาท่านไปที่คฤหาสน์”
“เรียกข้าว่าหยวน และนี่คือเสี่ยวฮัว”
หยวนแนะนำ
“ผู้อาวุโสหยวน และผู้อาวุโสเสี่ยวใช่ไหม?”
“เจ้าไม่ต้องเรียกแบบนั้นหรอก เรียกข้าว่าหยวนก็พอ”
เขาพูดกับเธอในขณะที่รู้สึกแปลกๆ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่ดูเหมือนจะอายุยี่สิบกลางๆ จะเรียกเขาว่า ผู้อาวุโส
“หยวน ข้าไม่กล้าพูดกับผู้ที่ทรงพลังแบบท่านอย่างไม่เป็นทางการหรอก”
หลัวหลิงบอกเขา
“ทรงพลังหรอ? เจ้าก็พูดเกินไป ข้าอยู่ในระดับนักรบวิญญาณเท่านั้นเอง”
หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่ออร่าที่เปล่งออกมานั้นน่าเกรงขามมาก ยิ่งเป็นหญิงสาวที่อยู่ข้างๆท่าน….”
หลัวหลิงมองไปที่เสี่ยวฮัวด้วยสายตาประหม่า
แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นฐานการฝึกฝนของเสี่ยวฮัวได้ แต่ก็มั่นใจว่าเสี่ยวฮัวต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์วิญญาณแน่ ๆ เพราะหลายคนที่นี่เห็นเธอบินโดยไม่ใช้ดาบ และยังเปล่งออร่าของผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
“หยวน ตามข้ามา”
หลัวหลิงพยักหน้าครู่ต่อมา และพาหยวนและเสี่ยวฮัวเข้าเมือง
ในขณะเดียวกันผู้คนที่ต่อแถวรอเข้าเมืองแปงก็เริ่มพึมพำกัน
“เจ้าเห็นไหม ข้าไม่เคยเห็นท่านหญิงหลัวมารับแขกด้วยตัวเองมาก่อนเลย!”
“เห็นสิ ข้าไม่ได้ตาบอดนี่! และสองคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่ ๆ! เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างมาก!”
“เฮ้ เมื่อกี้ได้ยินชายหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า เขาเรียกตัวเองว่า ‘หยวน’”
“เขาเป็นหยวนที่ทุกคนพูดถึงรึเปล่า?”
“เจ้าแน่ใจหรอว่าได้ยินมาถูก เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้เล่นเลยนะ เขาอาจะเป็นแค่ NPC ที่ชื่อคล้ายๆกันก็ได้”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น”
“มันจะวิเศษมากเลย ถ้าเขาเป็นหยวนตัวจริง”
กลุ่มผู้เล่นคุยกันในขณะที่พวกเขารอเข้าเมือง