แดนนิรมิตเทพ บทที่ 376
เฉินโม่คัดเลือกวิชาที่อยู่ในเผ่าฝึกเซียนทั้งหมื่น เพื่อเลือกกฎเต๋าที่เหมาะสมสำหรับให้เอียนชิงเฉิงฝึก จากนั้นเมื่อรวมเข้ากับบู๊ของโลกฝึกบู๊แล้ว เขาได้ปรับปรุงเป็นชุดเพลงกระบี่หงส์ฟ้า

พลังของเพลงกระบี่ชุดนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมัดสามท่าเทียนเสวียนของเฉินซงจื่อ แต่ถ้าเอียนชิงเฉิงต้องการฝึกฝน จำเป็นต้องมีกระบี่หนึ่งเล่ม

จากมุมมองของเฉินโม่ กระบี่ธรรมดาเหล่านั้นไม่เข้าตาเฉินโม่ ในเมื่อจะให้เธอแล้ว ก็ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุด

เฉินโม่หยิบกระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ท่อนนั้นออกจากแหวนเก็บของ และเตรียมที่จะนำกระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ท่อนนั้นทำเป็นกระบี่หนึ่งเล่ม แล้วมอบให้เอียนชิงเฉิง

กระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ที่ผ่านพิธีบัพติศมาจากสวรรค์ และหล่อเลี้ยงด้วยพลังทิพย์บนร่างกาย เปรียบได้กับเหล็กละเอียดที่สุดในโลก เมื่อนำมาหลอมเป็นกระบี่แล้ว ย่อมเป็นอาวุธวิเศษ

อย่างไรก็ตาม เฉินโม่ต้องดูดซับพลังทิพย์ที่มีอยู่ในกระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ท่อนนั้นออกมาก่อน มิฉะนั้นด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฉินโม่นั้นไม่สามารถหลอมกระบี่ได้

เฉินโม่ยังคงใช้ กระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์และหินหยกเหล่านั้นหล่อเลี้ยงกระบี่สับสวรรค์ และรอจนกระทั่งพลังทิพย์ของกระดูกเทพเซียนชั้นมนุษย์ถูกดูดซับหมดแล้ว เขาก็จะหลอมกระบี่สั้นให้เอียนชิงเฉิง

วันที่สองหลังจากงานฉลองประจำปีของโรงเรียน เกิดความโกลาหลวุ่นวายในกลุ่มนักเรียนของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว

หลายห้องกำลังพูดคุยหัวข้อเดียวกัน นั่นก็คือมู่หรงยานเอ๋อร์ถูกคนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่หลอกไปครอบครองแล้ว

เฉินโม่เป็นสมาชิกห้องหกของมัธยมศึกษาปีที่หก ตอนนี้หลินทาวถูกไล่ออกแล้ว และตระกูลหลินก็ถูกฉู่เหวินสงถอนรากถอนโคน และออกไปจากเมืองอู่โจวด้วยความสิ้นหวัง

อย่างไรก็ตาม เจิ้งหยวนฮ่าวยังคงอยู่ และยังมีลูกน้องติดตามจำนวนมาก

“พี่ฮ่าว ไม่อยากเชื่อเลยว่าดาวโรงเรียนมู่หรงถูกคนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่หลอกไปครอบครอง? ช่างน่าเสียดาย!” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

เจิ้งหยวนฮ่าวเป็นคนที่มองการณ์ไกล เขาตามจีบอานเข่อเยว่มาโดยตลอด เขารู้ดีว่ามู่หรงยานเอ๋อร์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอานเข่อเยว่นั้นเย่อหยิ่งเพียงใด แต่สถานการณ์เมื่อวาน เขาก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่ามู่หรงยานเอ๋อร์นั้นชอบเฉินโม่หรือไม่?

เจิ้งหยวนฮ่าวมองอานเข่อเยว่ที่นั่งข้างหน้าและกำลังใช้คำคิด เขากล่าวเบา ๆ ว่า “ต่อไปอย่าพูดถึงเรื่องของมู่หรงยานเอ๋อร์ลับหลัง เข่อเยว่จะไม่พอใจ”

ลูกน้องยิ้มและพยักหน้า “ตกลง ผมเข้าใจแล้ว”

มัธยมศึกษาปีที่หกห้องห้าฮัวหยู้เฟิงนั่งบนที่นั่งด้วยสีหน้าเศร้าซึม มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเม่อลอย

“คุณชายฮัวดาวโรงเรียนมู่หรงที่เป็นคนเย่อหยิ่ง ทำไมเธอถึงเป็นแฟนเฉินโม่ได้? เธอตาบอดหรือ?” ลูกน้องไม่พอใจแทนฮัวหยู้เฟิง

ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างอีกคนกล่าวด้วยความโมโหว่า “ผมคิดว่ามีเพียงคุณชายฮัวเท่านั้นที่คู่ควรกับดาวโรงเรียนมู่หรง เมื่อวาน คุณชายฮัวและดาวโรงเรียนมู่หรง คนหนึ่งเล่นกีตาร์ส่วนอีกคนหนึ่งรำระบำ ประสานเข้ากันได้ดีมาก ทำไมจู่ ๆ ดาวโรงเรียนมู่หรงถึงซุกเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินโม่ได้?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของ ฮัวหยู้เฟิงก็ยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างใช้เท้าเตะอยู่ใต้โต๊ะลูกน้องคนที่พูดไม่ดูตาม้าตาเรือทันที แม่ฉิบหาย พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด

“คุณชายฮัวคุณอย่าเสียใจเลย ผมเชื่อว่าดาวโรงเรียนมู่หรงเลอะเลือนชั่วคราวเท่านั้น เพราะถูกคำพูดไพเราะแต่ไม่จริงใจของเฉินโม่หลอก ไม่นานเธอจะเข้าใจว่ามีเพียงคุณชายฮัวเท่านั้นที่เป็นคนที่เธอสามารถพึ่งพาอาศัยได้!”

มัธยมศึกษาปีที่หกห้องสอง ผู้หญิงรูปร่างสูงผิวขาว กล่าวด้วยรอยยิ้มถากถางว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามู่หรงยานเอ๋อร์ชอบคนไร้ประโยชน์ แล้วยังซุกเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินโม่ในงานฉลองประจำปีของโรงเรียนอีกด้วย ช่างน่าขบขันสิ้นดี”

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ สวี่หยิงหยิงเธอเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกเป็นดาวโรงเรียนของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวเช่นกัน เธอชอบฮัวหยู้เฟิงมาโดยตลอด แต่ฮัวหยู้เฟิงหลงใหลแต่มู่หรงยานเอ๋อร์

ดังนั้น สวี่หยิงหยิงจึงเกลียดมู่หรงยานเอ๋อร์ คราวนี้เมื่อเธอเห็นมู่หรงยานเอ๋อร์อยู่ในอ้อมแขนของเฉินโม่แล้ว เธอเริ่มสอบถามประวัติของเฉินโม่อย่างละเอียด

เมื่อเธอรู้ว่าคนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่ที่ผลการเรียนต่ำที่สุดเป็นเวลาสามปีติดต่อกันของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวสวี่หยิงหยิงรู้สึกว่าสายตาของมู่หรงยานเอ๋อร์มันก็แค่นั้น