แดนนิรมิตเทพ บทที่ 377
บนม้านั่งใต้ร่มเงาของต้นไม้หน้าอาคารเรียน หยางเชี่ยนเชี่ยนสวมเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อน สีหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ มองจางเสี่ยนที่รูปร่างสูงและหล่อเหลา และถามด้วยความประหลาดใจ “นายว่ามู่หรงยานเอ๋อร์บ้าหรือเปล่า? ทำไมหล่อนถึงชอบคนอย่างเฉินโม่?”

หยางเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านอกจากเฉินโม่ต่อสู้เก่งแล้ว เขาไม่มีเงิน หน้าตาไม่หล่อ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง!

จางเสี่ยนถือบาสเกตบอลไว้ในมือข้างหนึ่ง และใช้ปลายนิ้วหมุนบาสเกตบอลเป็นวงกลม และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “บางทีหล่อนอาจจะถูกเปลือกนอกของเฉินโม่หลอก แต่ไม่เป็นไร ไม่นานหล่อนก็จะเข้าใจเอง”

“ผมได้ยินมาว่าเย่เทียนหนิงกำลังจะกลับมาแล้ว ถ้าเย่เทียนหนิงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในงานฉลองประจำปีของโรงเรียน เขาจะไม่ยอมปล่อยเฉินโม่ไปอย่างแน่นอน เมื่อเปรียบเทียบพวกเขาสองคนแล้ว มู่หรงยานเอ๋อร์จะสามารถแยกแยะได้ว่าเฉินโม่นั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ แล้วหล่อนก็จะไม่ชอบเขาอีกต่อไป”

หยางเชี่ยนเชี่ยนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เย่เทียนหนิง! เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเตรียมทหารไม่ใช่หรือ? เขากลับมาตอนนี้ทำไม?”

ความอิจฉาปรากฏขึ้นบนหน้าของจางเสี่ยน “ผมได้ยินมาว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยรบพิเศษแล้ว และตอนนี้ถือเป็นการกลับบ้านอย่างประสบความสำเร็จ!”

“เก่งขนาดนั้นเชียวเหรอ?!” หยางเชี่ยนเชี่ยนแลบลิ้น เธอมักจะอ่านนิยายของราชาหน่วยรบพิเศษและข่าวลือทุกรูปแบบเกี่ยวกับกองกำลังพิเศษ ทำให้เธอชื่นชมกองกำลังพิเศษที่ทรงพลังเหล่านั้น และหน่วยรบพิเศษเป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมมาก!

“เมื่อเขากลับมา เฉินโม่ต้องตายอย่างแน่นอน” สีหน้าของจางเสี่ยนเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับอยากเห็นการต่อสู้ครั้งนี้

ลานชุมชนเมือง เฉินโม่ได้สอนเอียนชิงเฉิงอย่างละเอียดถึงประเด็นหลักของเพลงกระบี่หงส์ฟ้าและสั่งให้เอียนชิงเฉิงจดจำเอาไว้

ความสามารถในการเข้าใจของเอียนชิงเฉิงนั้นทำให้เฉินโม่รู้สึกทึ่ง สายเลือดหงส์ฟ้าบวกกับเพลงกระบี่หงส์ฟ้าเมื่อฝึกจนสำเร็จแล้ว ความแข็งแกร่งของเอียนชิงเฉิงจะพุ่งสูงขึ้น

ถ้าชาติก่อนกษัตริย์เซียนตงหวาอาจารย์ของเฉินโม่ได้พบเอียนชิงเฉิง เดาว่าเขาจะพาเธอไปอย่างแน่นอน แทนที่จะรับเฉินโม่เป็นศิษย์

ตอนเที่ยง จู่ ๆ จินเพ่ยอวิ๋นก็มาที่ลานชุมชนเมือง

ณ ห้องเฉินโม่ จินเพ่ยอวิ๋ทำความเคารพ “คุณเฉิน บ่ายวันนี้มีการประมูลการกุศล ไม่รู้ว่าคุณสนใจที่จะเข้าร่วมไหม?”

จินเพ่ยอวิ๋รู้ว่าเฉินโม่ชอบพูดอะไรตามตรง ดังนั้นหลังจากเข้ามาแล้ว เธอจึงกล่าวตรงประเด็นทันที

เฉินโม่ส่ายศีรษะ “ไม่สนใจ”

ดูเหมือนว่าจินเพ่ยอวิ๋จะรู้ว่าเฉินโม่จะตอบคำถามนี้ เธอจึงกล่าวต่อไปว่า “แต่ในบรรดาสิ่งของที่ทำการประมูลครั้งนี้ ได้ยินมาว่ามีของลึกลับที่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องราง

“เครื่องราง?” เฉินโม่ตะลึง หากมีเครื่องรางเขาต้องไปดู

“โอเค บอกสถานที่ ผมจะไป”

……

การประมูลเพื่อการกุศลครั้งนี้จัดขึ้นที่โรงแรมว่านเซี่ยงและเริ่มอย่างเป็นทางการเวลา 15.00 น.

เรียกมันว่าการประมูลเพื่อการกุศล แต่ความจริงแล้วขัดกับความตั้งใจเดิม การประมูลเพื่อการกุศลส่วนใหญ่ได้พัฒนาไปสู่การพบปะทางสังคมของสังคมชั้นสูงแล้ว และการประมูลเองก็กลายเป็นช่องทางให้นักธุรกิจบางคนสร้างชื่อเสียง

หน้าประตูของโรงแรมว่านเซี่ยงมีรถหรูจอดอยู่มากมาย ซึ่งรถราคาต่ำที่สุดก็เริ่มต้นที่ห้าหกล้านแล้ว เห็นได้ว่าคนที่มาประมูลครั้งนี้มีทรัพยากรทางการเงินที่มั่งคั่งขนาดไหน

ในโลกฆราวาส ถึงแม้ว่าเงินและอำนาจจะเป็นคนละอย่าง แต่ก็เหมือนเด็กทารกสองคนซึ่งไม่สามารถแยกจากกันได้

มีเงิน หมายถึงการมีอำนาจ

กลุ่มชายหญิงที่ดูเหมือนนักเรียนมัธยมปลายปรากฏตัวขึ้นที่ล็อบบี้ของโรงแรม มองจากการตกแต่งที่วิจิตรตระการตาแล้ว สีหน้าของบางคนแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย

“คราวนี้ต้องขอบคุณพี่ฮ่าว พวกเรามีสิทธิ์มาเปิดหูเปิดตา ไม่รู้ว่าคนที่เข้าร่วมการประมูลการกุศลครั้งนี้ มีคนพวกไหนบ้างที่เป็นคนใหญ่คนโต!” หยางเชี่ยนเชี่ยนที่แต่งตัวด้วยแบรนด์เนม มองซ้ายมองขวา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง พวกเราทุกคนล้วนอาศัยบารมีของพี่ฮ่าว!” จางเสี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มเอาใจ และกล่าวประจบเจิ้งหยวนฮ่าว

เจิ้งหยวนฮ่าวยิ้มเล็กน้อย โดยปราศจากความเย่อหยิ่ง “พวกเราล้วนเป็นเพื่อนนักเรียน ไม่ต้องเกรงใจ”

อานเข่อเยว่มองเจิ้งหยวนฮ่าวที่หล่อเหลา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เธออดไม่ได้ที่จะเทียบเจิ้งหยวนฮ่าวกับเฉินโม่อีกครั้ง