บทที่ 997 ฝูงสัตว์ประหลาดที่ลอยอยู่บนน้ำ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

หลังจากกลั้นหายใจไปนานเกือบสองนาที ในที่สุดหลิงม่อก็พิงผนังศีเมนต์พ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“เกือบไปแล้ว…”

 “มนุษย์หน้าอืด” พวกนั้นแทบจะวิ่งเฉียดท้ายทอยเขาไปเลยทีเดียว สองตัวในนั้นถึงขั้นถูกสัตว์ประหลาดส่วนใหญ่เบียดเข้ามาในช่องทางเดินแคบๆ เส้นที่เขาซ่อนตัวอยู่ และพอเสียงหวีดร้องเสียดแทงแก้วหูของมันดังอยู่ข้างหูของเขา หลิงม่อก็ขนลุกซู่ทันที แต่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากนั้น หลิงม่อกลับทำใจแข็งฝืนนิ่งต่อไป และยืนหยัดมาจนถึงตอนนี้

ต้องบอกว่า หลิงม่อเป็นคนที่จิตแข็งมากทีเดียว…เกรงว่าแม้แต่ซอมบี้ที่ไม่รู้จักกลัว ก็ยังยากจะรักษาความใจเย็นไว้ได้ในสถานการณ์เสี่ยงตายอย่างนี้ แรงกดดันที่มาจากภายรอกจะบีบบังคับให้ร่างกายตอบสนองฉุกเฉินออกไป และนั่นเป็นสัญชาตญาณที่ควบคุมได้ยากมาก…ก็เหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาจากฟากฟ้า ถึงแม้รู้ว่ามันเป็นไปได้น้อยที่จะผ่าโดนตัวเอง แต่สิ่งแรกที่คนทั่วไปจะตอบสนองต่อมัน ก็คือหลบ…ถึงแม่ไม่หลบ แต่อย่างน้อยก็ต้องเคยนั่งลงกุมหัวกันใช่ไหมล่ะ? แต่สำหรับหลิงม่อเมื่อกี้ บางทีหากเขาเพียงขยับนิ้ว ก็อาจถูก “มนุษย์หน้าอืด” ที่ไล่ตามมาติดๆ จับสังเกตได้…

หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเสียงใดดังมาจากช่องทางเดินแล้ว หลิงม่อจึงชะโงกหน้าออกไป และเดินออกไปในช่องทางเดินเส้นที่ “มนุษย์หน้าอืด” พวกนั้นเพิ่งวิ่งผ่านไป

หลังผ่านการวิ่งอย่างบ้าคลั่งครั้งนี้มา ร่างกายหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อตัวนี้ก็อยู่ในระดับสุ่มเสี่ยงมากแล้ว ไม่ใช่แค่การเผาผลาญพลังงาน แต่ยังมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อบริเวณกว้างและพลังชีวิตที่ลดลงด้วย…ถึงแม้เชื้อไวรัสในร่างกายจะเกิดขึ้นใหม่หลังถูกกระตุ้น แต่การผสานและกลืนกินจากเชื้อไวรัสของ “มนุษย์หน้าอืด” กลับทำให้ร่างกายของหุ่นซอมบี้เกิดความผิดปกติอย่างรุนแรงขึ้นช้าๆ…พูดง่ายๆ ก็คือ ตอนนี้ในร่างกายที่สภาพร่อแร่เต็มทีร่างนี้ ได้เกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้นอีกครั้ง…นั่นทำให้หลิงม่ออดขนลุกไม่ได้ ต้องบอกก่อนว่าหุ่นซอมบี้ตัวนี้วิวัฒนาการจนกลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์แล้ว และยังผ่านการดัดแปลงโดยหลี่ย่าหลินอีก…หากถกกันแค่เรื่องระดับความเข้มข้นของเชื้อไวรัส มันก็ยังพอนับได้ใกล้ถึงระดับซอมบี้วิวัฒนาการแล้ว

แต่เขาเพียงปาดเลือดของ “มนุษย์หน้าอืด” มาเล็กน้อยเท่านั้น ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างนี้ขึ้นได้…ระดับวิวัฒนาการของ “มนุษย์หน้าอืด” เหล่านี้ เห็นชัดว่าถึงระดับที่ใกล้เคียงกันแล้ว

“เฮือกก…”

คิดถึงตรงนี้ หลิงม่อก็อดสูดลมหายใจอย่างขนลุกไม่ได้ “ก็หมายความว่า…สัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ที่เพิ่งไล่ล่าเราเมื่อกี้ อย่างน้อยก็เป็นระดับกลายพันธุ์กันทุกตัว แถมยังไม่ใช่ระดับกลายพันธุ์ธรรมดาด้วย…แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็พอจะเข้าใจได้แล้วล่ะว่าทำไมพวกมันถึงได้มีสติปัญญา…วิวัฒนาการได้เร็วมาก!”

“หื้ม? ไม่สิ…ที่เรารู้สึกว่าเร็ว เป็นเพราะเพิ่งจะรู้ว่าพวกมันมีตัวตนอยู่เท่านั้น…แต่ถ้าหากพวกมันเริ่มถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้วแล้วล่ะ? ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าว่าแต่ระดับกลายพันธุ์เลย บางทีในพวกมันอาจมีระดับวิวัฒนาการ กรือกระทั่งระดับชนชั้นสูงแล้วก็ได้…เพียงแต่ว่าการที่ร่างแม่ตัวเดียวสามารถสร้างสัตว์ประหลาดที่แตกต่างกันออกมาได้มากขนาดนี้ โลกใต้ดินนี้คงไม่ได้มีสัตว์ประหลาดอยู่หลายร้อยพันชนิดหรอกนะ…”

หลิงม่อคิดไปพลาง ก้มหน้ามองฝ่ามือตัวเองไปพลาง แล้วเขาก็กำหมัดแน่นทันใด

เมื่อเลือดถูกบีบเค้นออกมา เขาก็รีบยกแผลขึ้นมาตรงริมปาก จากนั้นก็ดูดเลือดเข้าไป…

“รสชาติไม่เลวเลยนี่…”

ไม่นาน เขาก็รู้สึกสมองปรอดโปร่งขึ้นมาอีกครั้ง…ความจริงแล้วหากสามารถแบ่งปันความเจ็บปวดได้ด้วย เดาว่าตอนนี้หลิงม่อคงไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว แต่ดีที่ระหว่างวิวัฒนาการพลังควบคุมของเขาได้ปิดกั้นสมรรถภาพที่ไม่ส่งผลดีอย่างนี้ไปเรียบร้อยแล้ว และร่างแยกชั่วคราวร่างนี้ของเขาก็เป็นซอมบี้ที่จะเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าจะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย…ดังนั้นหลังจากหอบหายใจหลายครั้ง หลิงม่อก็สะบัดหัวไปมา จากนั้นก็เบนสายตามองไปที่พื้น

โคลนบนพื้นสภาพเละเทะไม่เหลือชิ้นดี หลังจากการไล่ล่าของ “มนุษย์หน้าอืด” ฝูงใหญ่ผ่านพ้นไป บนโคลนตมก็มีรอบเท้าเพิ่มขึ้นมากมาย…หลิงม่อนั่งลงไปใช้มือวัดความลึกดูคร่าวๆ พลันขมวดคิ้ว

“ตื้นจัง…”

ความจริงโคลนบนพื้นนี้ก็ไม่ต่างจากน้ำโคลนมากนัก เพียงแต่เป็นเพราะมีของเหลวหนืดชนิดนั้นผสมเข้าไปจึงทำให้มันแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ขนาดนี้ ถึงแม้วิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูงสุด ก็จะต้องมีบ้างที่เท้าจะจมลงไป…แต่ “มนุษย์หน้าอืด” พวกนี้อย่าว่าแต่จมลงไปเลย แม้แต่รอยเท้าที่ทิ้งไว้ก็ลึกไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรด้วยซ้ำ…นี่ยังเป็นผลจากการเดาคร่าวๆ ของเขา ยิ่งกว่านั้นรอยเท้าพวกมันยังทับซ้อนกันหลายรอยอีกต่างหาก…ถ้าหากสังเกตดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็คงสรุปได้ไม่ยาก—“มนุษย์หน้าอืด” พวกนี้ พวกมันเคลื่อนไหวเหมือนลอยอยู่บนน้ำอย่างไรอย่างนั้น!

 “เป็นเพราะวิธีการเคลื่อนไหวงั้นหรอ? หรือว่าเพราะเท้าทั้งสองข้างอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน จนเกิดการกลายสภาพบางอย่างไป? เดี๋ยวก่อน ลืมเรื่องพวกนี้ไปก่อน…ดูจากสถานการณ์ที่รู้ในตอนนี้ อย่างน้อยก็นิยาม “มนุษย์หน้าอืด” พวกนี้ได้อีกขั้นแล้ว…” หลิงม่อครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว “อันดับแรกพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก ก็หมายความว่าพวกมันไม่เพียงสามารถเปลี่ยนจากสู้รบใต้ดินเป็นบนดิน แต่ยังสามารถยึดครองแหล่งน้ำบนดินได้ด้วย…ถ้าหากพวกมันสามารถสืบพันธุ์จำนวนมากในสภาพแวดล้อมทางน้ำทุกชนิด อย่างนั้นหากดูจากความสามารถในการแพร่เชื้อของพวกมัน มนุษย์คงต้องพึ่งพาสวรรค์ในการดื่มน้ำแล้วล่ะ…อันดับต่อมา พวกมันมีการรวมกลุ่มกันอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันยังสามารถปิดกั้นเสียงชองสิ่งมีชีวิตอื่นรวมถึงความเร็วที่สุดยอดอีกต่างหาก ข้อเสียเดียวที่พวกมันแสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ ก็คือพลังโจมตีที่ยังไม่แกร่งพอ แต่ว่า มันก็ยังไม่แน่หรอก…”

หลิงม่อมองแผลตัวเองอีกครั้ง…ถึงแม้เขาอาศัยความสามารถในการตอบสนองอันยอดเยี่ยมกำจัด “มนุษย์หน้าอืด” ไปได้หนึ่งตัว แต่เขาเพียงจับแขนของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก็ทำให้มีแผลอย่างนี้แล้ว ถ้าหากต้องสู้กันจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเขาที่เสียเปรียบก็ได้ เขาเป็นอย่างนี้ ซอมบี้ส่วนใหญ่ก็ย่อมเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย…

“ถ้าหากจะพูดจริงๆ ข้อเสียน่าจะอยู่ที่พลังชีวิตล่ะมั้ง…รู้สึกว่าเทียบกับซอมบี้แล้ว พวกมันเหมือนจะตายง่ายกว่า…” หลิงม่อนึกย้อนอย่างละเอียด สุดท้ายก็ได้ข้อสันนิษฐานนี้มา ในด้านของพลังฟื้นตัว ดูเหมือนว่า “มนุษย์หน้าอืด” จะด้อยกว่า…

ข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อหลิงม่อในเวลานี้มาก แต่ยังสำคัญกับค่ายปาฏิหาริย์มากอีกด้วย มีเพียงต้องรวบรวมข้อมูลให้เพียงพอก่อน เขาจึงจะสามารถทำให้ค่ายที่เป็นเหมือนกองหนุนซึ่งเพิ่งยึดกลับมาได้เป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด…นอกจากซอมบี้ และสัตว์ประหลาดใต้ดินแล้ว ค่ายปาฏิหาริย์ยังต้องเผชิญหน้ากับการจ้องฉวยโอกาสจากค่ายผู้รอดชีวิตอื่นๆ อีก…

น่ารำคาญจริงๆ เลย!

แต่เรื่องราวก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป…

หลังจากที่หลิงม่อสำรวจรอยเท้าเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืน เดินตามรอยเท้าพวกนั้นไปข้างหน้า เมื่อกี้เขายังเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าจนเกือบแย่ ตอนนี้เขากลับกลายเป็นฝ่ายตามหลัง…เพียงแต่ความต่างของพลังนั้นกลับชัดเจนไปหน่อย…

———————————-