“ไอ้ฉิบหาย ไอ้เด็กตัวเหม็น แกมันรนหาที่ตาย”
บรรพบุรุษตระกูลหม่าที่ในตอนนี้กลายร่างเป็นม้าป่าสีน้ำเงินไม่เคยรู้สึกถูกกดขี่ข่มเหงเท่านี้มาก่อนในชีวิต เพียงแค่ชั่วพริบตา คลื่นสีน้ำเงินที่อาบไปทั่วท้องฟ้าก็ได้เปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าใส่เจียงหยวน
“ไอ้หมาแก่ เอ๊ย ไอ้ม้าแก่ ใจร่มๆก่อนสิเฮ้ย”
เจียงหยวนยังคงไม่แยแสในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับคลื่นพลังในมือขวาที่ส่องแสงจ้า หลังจากเขากวาดมือออกไปแล้ว กำแพงพลังวิญญาณก็ได้ปรากฎตรงหน้า
*ตูม*
คลื่นสีน้ำเงินห่าใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่เจียงหยวนเพราะการควบคุมของบรรพบุรุษตระกูลหม่าถูกหยุดเอาไว้อยู่ที่กลางทางไม่ถึงตัวเจียงหยวนแม้แต่น้อย
“ไอ้หนู แกมันหาที่ตาย”
บรรพบุรุษตระกูลหม่าสะดุ้งเฮือกเล็กน้อยก่อนจะตวาดออกมา
“ไอ้ม้าแก่เอ้ย ใจเย็นๆก่อนสิ”
เจียงหยวนยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หล่ะในขณะที่ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นมายืนอยู่ตรงหน้าบรรพบุรุษตระกูลหม่า
หลังจากที่คลื่นแสงสีน้ำเงินหายไป เจียงหยวนได้ถูกเขยื้อนตำแหน่งจากแรงกระแทกไปทางขวาเล็กน้อย
“ไอ้เด็กเวรตะไล”
“เฉียนชุย”
เมื่อคำพูดนี้ได้พูดจบลง มีเส้นแสงจำนวนมากมายที่ออกมาจากร่างของบรรพบุรุษตระกูลหม่าปรากฎอยู่เบื้องหน้าจำนวนหลายเส้นแสง
“จับมัน”
ผู้นำตระกูลหม่าที่อยู่ในร่างม้าป่าสีน้ำเงินได้แสดงท่าทางออกมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับคลื่นแสงสีน้ำเงินที่ได้พุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง
เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเจียงหยวนถูกรุมล้อมไว้โดยเส้นแสงสีน้ำเงินจำนวนมาก
“ออกมาแล้ว”
“เส้นสายน้ำหนา พันทิวามุ่งหมายฆ่า ทักษะยุทธระดับเหลือง พันสายน้ำพันธนาการ”
“นี่เป็นท่าไม้ตายของบรรพบุรุษตระกูลหม่าที่ส่งต่อเพียงรุ่นละหนึ่งคนเท่านั้น”
เจียงหยวนยิ้มกริ่มในทันทีเมื่อเห็นว่าเส้นพลังวิญญาณสีน้ำเงินรายร้อมที่ร่างของตนเองเอาไว้ เป็นตอนนี้ที่ร่างกายของเขาสั่นไหวพร้อมกับส่องแสงสีทองเหลืองอร่ามอย่างช้าๆ มันคือทักษะยุทธระดับเหลือง เคล็ดวิชาร่างทองคำ
“ตาย”
เส้นแสงสีน้ำเงินพุ่งเข้าโจมตีเจียงหยวนอย่างโหมกระหน่ำ
พวกมันดูรุนแรงและโหดร้ายอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่ง พวกมันพุ่งเข้าถึงตัวของเจียงหยวน
“ทลาย”
เจียงหยวนที่ยืนอยู่กลางอากาศได้บังเกิดแสงสีทองส่องประกายไปทั่วร่าง นี่ทำให้เส้นแสงสีน้ำเงินที่เข้าถึงตัวของเขานับพันเส้นระเบิดออกนันที จนทำให้เหลือเพียงแค่ฝุ่นละอองสีน้ำเงินและเปลี่ยนกลายเป็นหมอกไป
“ห้ะ มันสามารถทำลายเฉียนชุยได้เรอะ ช่างทรงพลังนัก”
เมื่อคนในตระกูลหม่าได้เห็นฉากนี้ ต่างก็นิ่งอึ้งกันในทันที
“เขาแข็งแกร่งถึงขนาดทำลายท่าไม้ตายของท่านบรรพบุรุษได้เลยรึ”
“ช่างน่าหวาดหวั่นนัก”
“ชีพจรยุทธของมันกลับมาแล้วเหรอ”
“อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนหยางกลับ…มาแล้ว”
….
เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าใครในตระกูลหม่าก็ไม่เหลือความกระสันต์ที่จะต่อสู้อีกต่อไป
ร่างของเจียงหยวนในตอนนี้ได้เลือนลางไป แล้วปรากฎอยู่อีกทีในท่าร่างที่กำลังเหยียบร่างม้าป่าของบรรพบุรุษตระกูลหม่า
เขาที่อยู่ในสภาพชุดเกราะทองคำเหลืองอร่ามที่ปลายเท้ามีดอกบัวแดงฉานรองรับยืนเหยียบบนหลังของบรรพบุรุษตระกูลหม่าในร่างของม้าป่าสีน้ำเงิน
ทุกก้าวที่ม้าป่าสีน้ำเงินได้ก้าวเดินดีดดิ้น ข้างหลังของเจียงหยวนได้บังเกิดคลื่นพลังที่ดูบ้าคลั่งพยายามสะกดข่มบรรพบุรุษตระกูลหม่าเอาไว้
ใบหน้าของเจียงหยวนในตอนนี้ที่ดูไม่สุขไม่ทุกข์ ทำให้ในตอนนี้เขาดูราวกับพระโพธิสัตว์ลงมากำราบสัตว์ร้าย
“ขี่ม้าป่าโต้คลื่น….ข้าคิดว่าจะได้ยินแค่ในเรื่องเล่าเท่านั้น”
เจียงเหวิ่นที่เห็นท่าทางของลูกชายคนที่แกร่งกล้าขึ้นมาก็อดที่จะรู้สึกปลื้มปลิ่มอยู่ในใจไม่ได้ เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่าลูกชายของเขาจะมาได้จนถึงจุดนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้
“ไอ้ฉิบหาย ไอ้เด็กเวร แกมันหาที่ตาย”
ผู้นำตระกูลหม่าที่ยังไม่ยอมแพ้ยังคงแสดงท่าทางพยศออกมาพร้อมกับแสงสว่างวาบสีน้ำเงินเป็นระยะ
จนในที่สุด พลังของเขาก็หายไปจนหมดสิ้น ทำให้ในตอนนี้เหลือเพียงใบหน้าที่แก่ชรา พร้อมร่างกายที่กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
“ใครนะที่ตายน่ะ”
*ผลั๊วะ*
เมื่อพูดจบ เจียงหยวนก็ได้ตบบรรพบุรุษตระกูลหม่าไปทีหนึ่ง
ก่อนที่บรรพบุรุษตระกูลหม่าจะได้ทำอะไร ร่างของเขาก็พุ่งตรงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว จนกระแทกพื้นตรงหน้ากลุ่มคนตระกูลหม่าอย่างดังสนั่น
“ท่านบรรพบุรุษ”
ในตอนนี้ทุกคนในตระกูลหม่าต่างก็เร่งวิ่งเข้าไปหวังช่วยเหลือบรรพบุรุษตระกูลหม่าในทันที
“แก…”
บรรพบุรุษตระกูลหม่าได้มองไปที่รุ่นเยาว์ที่อายุห่างจากเขาข้ามช่วงรุ่นตรงหน้าที่ตบเขาร่วงลงมาจากฟากฟ้าอย่างเจ็บแค้น ก่อนที่จะสิ้นสติไป
เจียงหยวนในตอนนี้มองกลับไปยังร่างที่แน่นิ่งของบรรพบุรุษตระกูลหม่าแล้วสบถกร่นด่าออกมา “ไอ้หมาแก่ หอบสังขารแก่ๆของแกกลับรังหมาไปได้แล้ว ไม่มีดีอะไรแล้วยังกล้ามารังแกตระกูลเจียงอย่างนั้นเรอะ”
“ไอ้นี่ก็ขยะจริงๆ”
เจียงหยวนพูดก่อนจะก้าวเท้าออกไปครึ่งก้าว เกร็งพลัง แล้วเตะส่งหม่าเหยาส่งไปหาผู้คนตระกูลหม่า
ผู้คนตระกูลหม่าเองที่เห็นแบบนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่ช่วยกันแบกหามทั้งสองคนกลับตระกูลของตนไป