“ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันคือผู้บริสุทธิ์!”
ไป๋หลานแสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอเอาแต่พูดพร่ำว่าตัวเองไม่ได้กระทำการผิดแต่อย่างใด แต่ตำรวจหาฟังความเห็นของเธอไม่จัดการนำตัวไป๋หลานออกไปจากบริเวณงาน
ช่วงเวลาที่เธอเดินผ่านสวีหว่านเอ๋อร์ สวีหว่านเอ๋อร์สบสายตาเว้าวอนมองเธออย่างต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งการกระทำของหญิงสาวสองคนนี้ถูกซูฉิงจับตามองอยู่อย่างไม่วางตา
เนื่องด้วยนักข่าวที่มาร่วมงานในวันนี้ยังเดินทางกลับไม่หมด ทำให้ภาพตำรวจคุมตัวไป๋หลานออกไปนั้นเป็นที่ฮือฮาและที่จับตามอง นักข่าวหลายคนที่เห็นฉากนี้ต่างพากันลั่นชัตเตอร์เพื่อถ่ายเก็บภาพเพื่อไปรายงานข่าวกันอย่างถ้วนหน้า
พี่ใหญ่แห่งบ้านตระกูลไป๋พยายามขโมยความลับของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์และถูกตำรวจจับกุมตัวไปยังสถานีตำรวจ พาดหัวข่าวซุบซิบข่าวนี้คงได้รับความสนใจจากคนหลายกลุ่มแน่ๆ!
จะต้องเป็นที่น่าสนใจของทุกคนอย่างแน่นอน!
เช้าวันรุ่งขึ้นมีการค้นหายอดนิยมหลายครั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลเกี่ยวกับไป๋หลานที่ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ ทุกๆรายการบันเทิงต่างพากันพาดหัวข่าวและติดแฮกแท็กให้กับข่าวนี้อย่างล้นหลาม หัวข้อข่าวคงหลีกไม่พ้น “ประเด็นฮอตระเบิด” หรือ ” ประเด็นฮิตประเด็นร้อน” เป็นแน่
[ไป๋หลานถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยความลับของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์! 】
【ข่าวเด็ดประเด็นร้อนของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์】
【ไป๋หลานถูกนำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ! 】
……
หลังจากข่าวดังได้ถูกเผยแพร่ออกไปกลับทำให้สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์และภาพยนตร์เรื่อง “Farewell My Concubine พ่าหวังเปี๋ยจี” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ในตลาดหุ้นก็ยังได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง
ทางด้านตระกูลไป๋นั้นสถานการณ์กลับดำเนินไปได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน การลงทุนและเงินทุนของบริษัทซบเซาลง และตอนนี้ยังเกิดเหตุการณ์ใหญ่ที่มาจากไป๋หลานอีก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทคู่ค้าหลายแห่งโทรศัพท์มาขอยกเลิกสัญญาร่วมทุนกันเป็นว่าเล่น
สถานีตำรวจ
ไป๋หลานนั่งอยู่ในห้องสอบสวน สายตาวอกแวกเอาแต่จดจ้องมองไปที่โต๊ะด้านหน้าอย่างตื่นตระหนก จนกระทั่งตำรวจที่นั่งตรงข้ามเธอเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไมคุณถึงพยายามขโมยความลับภายในของบริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คุณรู้หรือไม่ว่าการกระทำนี้มันผิดกฎหมาย?”
ไป๋หลานสั่นศีรษะยกใหญ่พร้อมทั้งพยายามพูดโต้กลับ “ฉันไม่ได้ทำ ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ คนที่ทำมันไม่ใช่ฉัน ผู้หญิงที่ลงมือทำเรื่องพวกนี้คือพี่สาวคนโตของตระกูลสวี,สวีหว่านเอ๋อร์! สวีหว่านเอ๋อร์เป็นคนข่มขู่ฉันให้ฉันทำแบบนี้!”
เธอไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องทุกอย่างมันจะบานปลายมาถึงจุดนี้ เธอไม่คาดคิดว่าตนเองจะถูกจับกุมตัวมายังสถานีตำรวจ ถ้าเธอไม่ยอมบอกความจริงและยังช่วยสวีหว่านเอ๋อร์ปกปิดความจริงล่ะก็ เธอเกรงว่าความผิดทั้งหมดจะตกเป็นความผิดของเธอเพียงผู้เดียว บทลงโทษของการกระทำผิดครั้งนี้คงหนีไม่พ้นการจำคุก ซึ่งเธอยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้ เธอจะยอมให้ตนเองมีมลทินไม่ได้!
ไป๋หลานจ้องเขม็งไปยังพนักงานสอบสวน
ที่เธอยอมพูดความจริงนั้นไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่เพื่อตัวเธอเองทั้งนั้น ซึ่งการกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
สวีหว่านเอ๋อร์?
ตำรวจชะงักไปครู่หนึ่งแล้งจึงส่งสัญญาณให้ผู้จดบันทึกข้อมูลข้างๆจดคำให้การเหล่านี้ลงไป แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผู้ต้องหาเพียงคนเดียวหากยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีกด้วย
“คุณบอกว่ามีคนบงการให้คุณทำเช่นนี้ คุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันไหม?”
“หลักฐาน…” ไป๋หลานตื่นตระหนกแล้วส่ายหัวอย่างช้าๆ “หลักฐานเหรอ… ฉันไม่มี แต่ฉันรับรองได้ว่าทุกประโยคที่ฉันพูดเป็นความจริง ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความอิจฉาริษยาของผู้หญิงคนนั้น เขาเลยให้ฉันหาคนเพื่อแอบเข้าไปแฮกข้อมูลของสตาร์เอ็นเตอเทนเมนท์ ที่พวกเราทำทั้งหมดก็เพื่อต้องการให้ซูฉิงอับอายขายขี้หน้า! ฉันก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเรื่องนี้เท่านั้น”
ตำรวจพยักหน้าแล้ววางปากกาลงทันทีเมื่อได้ฟังคำให้การของไป๋หลาน
“โอเค พวกเรารู้เรื่องนี้แล้ว เราจะทำการสอบสวนให้ชัดเจนและว่องไวที่สุด แต่ในระหว่างที่เรากำลังทำการสืบสวนคดีอยู่นั้นคุณจะไม่สามารถออกจากสถานีตำรวจได้”
เมื่อนายตำรวจหนุ่มพูดจบ ไป๋หลานจึงถูกนำตัวออกมาจากห้องสอบสวน
……
หลังจากกลับจากพิธีเปิดงาน ” พ่าหวังเปี๋ยจี ” สวีหว่านเอ๋อร์ก็ยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก สมองของเธอขาวโพลนและเต็มไปด้วยภาพของไป๋หลานที่จ้องมองเธอขณะถูกตำรวจนำตัวไปโรงพัก พลันปรากฎภาพรอยยิ้มสะใจของซูฉิงที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
คงไม่หรอก ไป๋หลานคงจะไม่ให้การพาดพิงมาถึงเธอหรอก…
เธอเม้มริมฝีปากและขมวดคิ้วแน่น ใจเต้นโครมครามเอาแต่จมอยู่กับความตื่นตระหนกของตัวเอง เธอไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของสวีมู่หยางที่กำลังร้องเรียกเธออยู่
“สวีหว่านเอ๋อร์, สวีหว่านเอ๋อร์?”
“อ๊ะ!” สวีหว่านเอ๋อร์กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นใกล้ๆริมใบหู แต่เพราะเธอยังไม่หายจากอาการตื่นตระหนก ทำให้เกือบจะชนเข้ากับแก้วน้ำในมือของสวีมู่หยาง
“เธอเป็นอะไรไป?” สวีมู่หยางมองน้องสาวของตนเองด้วยความกังวล
สวีหว่านเอ๋อร์พยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เธอพยายามฝืนส่งยิ้มและส่ายหัวเพื่อปกปิดความผิดที่กำลังเกาะกุมในจิตใจ “ฉันไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเพราะช่วงนี้รู้สึกเพลียๆเหนื่อยๆนิดหน่อย”
ในขณะที่พี่ชายน้องสาวคู่นี้กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังแทรกขึ้น สวีมู่หยางเดินไปเปิดประตูและเห็นตำรวจสองสามนายเดินเข้ามา เขาเกิดอาการมึนงงเล็กน้อยกับสถานการณ์ตรงหน้า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
สวีหว่านเอ๋อร์เผยเปรยแววตาตื่นตระหนกออกมา เธอพยายามเบี่ยงเบนสายตามองไปยังที่อื่นอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้า สายตาคมมองข้ามร่างของสวีมู่หยางไปและนำสายตาไปจับจ้องยังร่างของสวีหว่านเอ๋อร์ที่ยืนนิ่งอยู่ เมื่อเห็นเป้าหมายที่ต้องการตำรวจหนุ่มจึงดำเนินการอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องมาเยือนที่นี่ “สวัสดีครับ พวกเรามาที่นี่เพื่อตรวจสอบกรณีการแทรกแซงธุรกิจของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ตามที่มีผู้ต้องหาให้การพบว่าคุณสวีหว่านเอ๋อร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เราต้องการให้เธอไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับเราที่สถานีตำรวจครับ”
“สวีหว่านเอ๋อร์?”สวีมู่หยางถามกลับด้วยความไม่เชื่อ จากนั้นจึงหันไปมองน้องสาวของตนที่ยืนนิ่งงันอยู่ ใบหน้าของสวี่หว่านเอ๋อร์ในตอนนี้ขึ้นสีซีดจัด และรีบปฎิเสธคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรวดเร็ว
“ฉันเปล่านะ ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แต่ว่าฉันไม่รู้อะไรเลย พี่คะช่วยฉันด้วย…”
สวีมู่หยางรู้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์เป็นคนดื้อรั้นและไม่ยอมคน แต่เธอก็ถือว่าเป็นน้องสาวของเขา และเขาก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์จะทำเช่นนั้น เขาจึงรีบช่วยน้องสาวแก้ต่างอย่างรวดเร็ว
“คุณตำรวจครับ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิด น้องสาวของผมแค่ไปร่วมงานเปิดตัว แต่ถ้าถึงแทรกแซงหรือขโมยความลับบริษัทเธอคงไม่กล้าทำหรอกครับ ตอนนี้เธอกำลังรักษาอาการป่วยอยู่ และเธอคงจะทนต่อความกดดันแบบนี้ไม่ได้ ถ้าคุณไม่มี หลักฐานมายืนยัน พวกคุณก็ไม่สามารถพาเธอออกไปได้”
ในที่สุดสวีมู่หยางก็เกลี้ยกล่อมไม่ให้ตำรวจนำตัวสวีหว่านเอ๋อร์กลับไปยังสถานีตำรวจ เขาคิดว่าเมื่อตำรวจกลับไปเหตุการณ์ทุกอย่างจะจบเพียงเท่านี้ แต่มันกลับไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะเรื่องราวที่ตำรวจบุกบ้านตระกูลสวี่วันนี้ถูกบ้านใกล้เรือนเคียงของพวกเขานำไปเผยแพร่และบอกต่อ
การมาเยือนยังตระกูลสวีของตำรวจนั้นได้รับการเปิดเผยในทันที จึงเป็นเหตุให้ราคาตลาดหุ้นของบริษัทตระกูลสวีร่วงลงอย่างรวดเร็ว
……
เหตุการณ์นี้ทำให้สวีหว่านเอ๋อร์โกรธมาก เธอจึงบุกมาถึงบ้านของซูฉิง
ซูฉิงกำลังสอบถามเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเธอก็ได้ทราบว่าขณะนี้ราคาหุ้นของตระกูลสวีนั้นลดลงฮวบ เมื่อเธอเห็นแผนภูมิการลงทุนตลาดหุ้นของตระกูลสวีลดลงอย่างหนัก รอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
สวีหว่านเอ๋อร์ ฉันหวังว่าเธอและฉันต่างคนต่างใช้ชีวิตสงบสุขในอนาคตนะ
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และเผยร่างของสวีหว่านเอ๋อร์ที่โกรธจัดกำลังเดินตรงดิ่งเข้ามา
“ซูฉิง ทำไมเธอถึงคิดแก้แค้นครอบครัวของพวกฉันแบบนี้ ถ้าเธอคิดจะแก้แค้นเธอทำแค่กับฉันและพี่ชายของฉันพอ! เธอทำแบบนี้เธอจะคู่ควรกับหยุนเฉิงได้อย่างไร เขารู้หรือไม่ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้!”
สวีหว่านเอ๋อร์ลอบมองซูฉิง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สวีหว่านเอ๋อร์มีอาการกระสับกระส่ายมากขึ้น แต่ด้วยแรงโกรธที่มีมากกว่าอะไรทั้งหมดผลักดันให้สองขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นิ้วมือบางชี้ไปที่ปลายจมูกของซูฉิงอย่างคนไร้มารยาท
การกระทำของเธอช่างอาจหาญราวกับเธอไม่เคยกระทำความผิดใดๆต่อซูฉิงเลย
ซูฉิงมองดูผู้หญิงตรงหน้าอย่างสงบ ริมฝีปากบางเผยรอยยิ้มเบาๆ เธอหาได้สนใจการกระทำอุกอาจของสวีหว่านเอ๋อร์เลย
สวีหว่านเอ๋อร์โกรธมากเมื่อเห็นท่าทางนิ่งเฉยของซูฉิง เธอยกมือขึ้นเตรียมจะฟาดลงบนใบหน้าสวยของซูฉิง แต่ซูฉิงไวกว่าเธอคว้าข้อมือของสวีหว่านเอ๋อร์ไว้อย่างรวดเร็ว
ซูฉิงจ้องเขม็งไปที่ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ รอยยิ้มบนใบหน้าสวยเริ่มหายไปแทนที่ด้วยหมอกไอแห่งความเยือกเย็นและไร้ความรู้สึกที่ปรากฎอยู่ในดวงตาของเธอ
“สวีหว่านเอ๋อร์ ฉันเลิกคิดที่จะแก้แค้นเธอมาตั้งนานแล้ว เธอก็อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้เธอรังแกง่ายๆ ไป๋หลานอยู่เคียงข้างเธอและคอยเชื่อฟังคำสั่งของเธอมาโดยตลอด ถ้าไม่มีเธอคอยบงการ เธอคิดว่าไป๋หลานจะกล้าให้ Ling มาแฮกข้อมูลเว็บไซต์ของฉันเหรอ?
ใบหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์ซีดลงถนัดตาเมื่อได้ฟัง
ซูฉิงสะบัดมือของอีกฝ่ายออกและกล่าวเตือนอย่างเย็นชาว่า “หากคราวหน้าเธอยังคิดหาทางทำลายฉันล่ะก็ มันจะไม่จบลงง่ายๆเหมือนครั้งนี้แน่!”