ตอนที่ 875 หัวเราะจนฟันร่วง!
แล้วยังตอนที่ตระกูลถังมาหาเขาและส่งคนมารับตัวเขาไป อันที่จริงถังหยวนซือไม่ได้อยากกลับบ้านตระกูลถัง พ่อแม่บุญธรรมของเขาดีกับเขามาก พี่ชายทั้งสองก็ดีกับเขามากเช่นกัน และยังมีเธอ…
เขาตกลงที่จะถูกพากลับไปที่บ้านตระกูลถังเพียงเพื่อให้เธอลืมเขา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทุกครั้งที่เธอมาหาเขาที่คฤหาสน์ตระกูลถังในภายหลัง เขามักจะหลบเลี่ยงไม่ยอมพบเธอ
ซั่งซินไม่รู้มาก่อนว่าทุกครั้งที่เธอไปรอเขาอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ตระกูลถัง ถังหยวนซือจะยืนอยู่หน้าประตูที่อยู่ติดกัน อยู่เป็นเพื่อนเธออย่างเงียบๆ
จนกว่าเธอจะจากไป…
ต่อมาพอรู้ว่าเธอท้อง
เขาดีอกดีใจเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง กอดเธอ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับไปค่อนคืน หลังจากที่เธอหลับไปแล้วก็วิ่งลงมาชั้นล่างและถามคนที่ยังไม่นอนที่อยู่ในคฤหาสน์ว่าเขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม
ปากพึมพำไม่หยุด “ฉันจะเป็นพ่อคนแล้ว ฉันจะได้เป็นพ่อคนแล้วจริงๆ…”
ทุกคนที่เห็นภาพนั้นต่างก็ขอบตาแดงไปตามๆกัน
“ชีวิตสั้น รักยืนยาว” ไม่มีคำไหนใช้อธิบายถังหยวนซือได้ดีไปมากกว่านี้แล้ว!
ผู้ช่วยยังไม่ทันพูดจบ ซั่งซินที่ยืนหน้าประตูก็ร้องไห้น้ำตาแตก
สะอึกสะอื้นพูดอะไรไม่ออก
น้ำตาเธอทำให้ถังหยวนซือปวดใจจนนั่งไม่ติดอยู่กับที่ ประคองร่างเพื่อพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ทันทีที่ขยับตัว เข็มที่เจาะบนหลังมือก็แทงเส้นเลือดจนเลือดไหล…
“ประธานถัง!”
ผู้ช่วยร้องด้วยความตกใจ ถังหยวนซือดึงเข็มออกโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาลุกออกจากเตียง
รีบเดินไปตรงหน้าซั่งซิน จับมือทั้งสองข้างของเธอและเช็ดน้ำตาเธอด้วยความกังวล
พูดปลอบใจเธอเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก
“ซินเอ๋อร์ไม่ร้อง ซินเอ๋อร์ของฉันเป็นเด็กดีที่สุด ไม่ร้องนะ…”
เมื่อได้ยินเสียงของเขา น้ำตาซั่งซินที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมา
เหมือนไม่รับรู้อะไรแล้ว ไหลออกมาไม่หยุด…
ถังหยวนซือยิ่งเช็ด น้ำตาเธอก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น ก้มหน้าจูบริมฝีปากเธออย่างเป็นกังวล แต่กลับถูกซั่งซินผลัก
“คนโกหก ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน!”
ซั่งซินร้องไห้พร้อมกับคำราม
เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างกายถังหยวนซือก็ตรึงอยู่กับที่ มือที่ห้อยอยู่ข้างๆลำตัวกำหมัดแน่นทันที
มองเธออย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าเดินเข้าไป
ผู้ช่วยร้องตะโกนอยู่ในใจว่าแย่แล้ว
เขาพูดแทนประธานไปตั้งมากมาย คุณซั่งซินยังโมโหไม่หาย ตอนนี้ดูเหมือนจะทะเลาะกันขึ้นมาแล้ว
ไม่คิดเลยว่าประธานถังยังยืนนิ่งไม่ขยับจริงๆ เขาไม่รู้เหรอว่าเวลาผู้หญิงบอกว่าไม่ต้อง นั่นหมายความว่าอยากให้เขาง้อเธอ?
อ๊า!
จริงๆเลย ฮ่องเต้ไม่รีบแต่ขันทีร้อนใจ!
ผู้ช่วยกลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว…
ขณะที่ผู้ช่วยกำลังลังเลว่าจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมดีหรือไม่ จู่ๆถังหยวนซือที่ยืนไม่ขยับมาตลอดก็กดหน้าอก ทรุดลงไป
ใบหน้าซีดเซียว เม้มริมฝีปากแน่น…ทำหน้าเจ็บปวดจนทนไม่ไหวอย่างไรอย่างนั้น
หรือว่า…โรคกำเริบ?
ผู้ช่วยยังคงช็อก ซั่งซินที่เมื่อกี้ยังโมโหขึ้นหน้าก็รีบวิ่งเข้าไปประคองเขา
“พี่เสี่ยวซืออย่าทำให้ฉันตกใจ ซินเอ๋อร์ไม่ดื้อแล้ว คุณอย่าเป็นอะไรนะ ซินเอ๋อร์ไม่ดื้อแล้ว…” ซั่งซินกลัวจนร้องคร่ำครวญไม่หยุด
ในที่สุดผู้ช่วยก็ตั้งสติได้ เขาพุ่งไปกดกริ่งฉุกเฉินบนหัวเตียง
คุณหมอรีบเข้ามาทันที
หลังจากตรวจอาการเสร็จก็เจาะเข็มให้ถังหยวนซืออีกครั้ง
“จริงๆเลย คนหนุ่มไม่กลัวตาย เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จได้ไม่นาน ที่น่ากลัวที่สุดคืออารมณ์แปรปรวน ไม่ยอมนอนดีดีแล้วยังกล้าถอดเข็มลงจากเตียงอีก คนไข้ที่ไม่เชื่อฟังแบบนี้ไม่ว่าหมอจะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์…”
คุณหมอเจ้าของไข้โมโหแล้ว แม้ว่าถังหยวนซือจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาล เขาก็ด่าอย่างเปิดเผย
ถังหยวนซือพยายามบอกว่าเขาไม่เป็นไรอยู่หลายครั้ง แต่ก็โดนคุณหมอตัดบท
“ประธานถัง ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะอวดดีก็ดูเวล่ำเวลาบ้าง ตอนนี้คุณมีสภาพอย่างนี้ยังจะกล้าบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรอีก ผมล่ะอยากหัวเราะจนฟันร่วงเสียจริงๆ”
ตอนที่ 876 ที่บ้านมีหญิงร้าย
ถังหยวนซือ “…”
ในอากาศตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จนกว่าคุณหมอจะเจาะเข็มให้เขาเสร็จ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรจึงเตรียมตัวจะออกไป
ซั่งซินเหมือนจะได้สติขึ้นมา ตะโกนเรียก “คุณหมอคะ ฉันขอคุยกับคุณได้ไหมคะ?”
“ซินเอ๋อร์…” ถังหยวนซือแสดงออกถึงความกังวล ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ซั่งซินยื่นมือมาปิดปากเขาไว้ ขณะเดียวกันก็พูดขู่ว่า “ถ้าขัดขวางไม่ให้ฉันรู้อาการของคุณ ฉันจะเอาหมอนกดคุณให้ตายไปเลย!”
ถังหยวนซือ “…”
ไม่มีน้ำต้มสุกกับเหล้า 3·0 ก็ยังมี “หญิงร้ายอยู่ในบ้าน” เพิ่มมาอีก
ซั่งซินขู่ได้ผล
ถังหยวนซือไม่กลัวตายแต่กลัวเธอโกรธ
โดยเฉพาะตอนที่เธอร้องไห้หลั่งน้ำตาด้วยความโกรธต่อหน้าเขา มันทำให้เขาหดหู่เสียใจเจียนตาย
ทำได้เพียงเบิ่งตามองเธอตามคุณหมอไปที่ห้องทำงาน
ขยิบตาสั่งให้ผู้ช่วยตามไป
ผู้ช่วยเพิ่งเดินตามมาถึงหน้าประตู ซั่งซินก็ยื่นมือมาลากประตูปิดไว้เพื่อให้เขาอยู่ข้างนอก
เขาจึงทำได้เพียงจ้องบานประตูด้วยสีหน้าผิดหวัง
ในห้องทำงานของคุณหมอเจ้าของไข้
ซั่งซินปิดประตูเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ช่วยที่อยู่ข้างนอกจะไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกัน จากนั้นก็รีบเดินไปถาม “คุณหมอคะ อาการของพี่เสี่ยวซือเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ?”
ซั่งซินพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมและถามอย่างมีสติ “ฉันรู้ว่าเขาเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด รักษาให้หายได้ยาก เมื่อก่อนก็ผ่านการผ่าตัดมาไม่น้อย ฉันได้ยินมาว่าเขาโรคหัวใจกำเริบสืบเนื่องมาจากการผ่าตัดที่ล้มเหลวเมื่อครั้งล่าสุด ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“คุณคือซั่งซินสินะ?” เมื่อคุณหมอได้ยินที่เธอพูดจึงรีบถามทันที
ซั่งซินอึ้งไปสักพัก บนโต๊ะทำงานของเขามีปกนิตยสารที่ตัวเองถ่ายไว้เล่มหนึ่ง จากนั้นเธอก็เข้าใจได้ทันที
คุณหมอยิ้มและพูดว่า “คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด นิตยสารเล่มนี้เป็นของลูกสาวผมเอง เธอชอบคุณมากและชมคุณให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ เธอยังสอนผมอีกว่าอย่าทำตัวเป็นคนแก่หัวโบราณที่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากเรียนแพทย์ คราวก่อนเธอมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลและยังตั้งใจเอานิตยสารที่มีหน้าปกที่คุณถ่ายมาด้วย”
คุณหมอชะงักแล้วพูดต่อ
“อันที่จริงไม่ใช่แค่ลูกสาวผมหรอกที่ชอบคุณ ประธานถังก็ชอบคุณมาก ตอนที่ผมช่วยชีวิตเขาครั้งแรก เขาเอาแต่เรียกชื่อ “ซินเอ๋อร์” อยู่ตลอดเวลา แต่แค่ว่าตอนนั้นผมไม่รู้จักคุณ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหน้าที่การงานหรือไม่ คุณหมอที่สวมเสื้อกาวน์มักจะให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่ผู้คนได้อย่างง่ายดาย
แค่เพียงพูดคุยกันด้วยบทสนทนาทั่วไปไม่กี่ประโยคก็ช่วยคลายความตึงเครียดให้ซั่งซินลงได้บ้าง
เมื่อเห็นเธอลดความกังวลไปบ้างแล้ว คุณหมอจึงตัดเข้าเรื่อง
“อาการป่วยของประธานถังไม่ใช่แค่ได้รับผลข้างเคียงมาจากการผ่าตัดที่ล้มเหลวเพียงเท่านั้น…เราได้ลองใช้วิธีการรักษาที่สามารถรักษาเขาได้มาหมดแล้ว และผมเชื่อว่าคุณหมอที่รักษาเขาก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน”
คุณหมอถอนหายใจอย่างเงียบๆ
“ประธานถังได้เปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนนั้นเนื่องจากร่างกายของเขายังมีปัญหาอื่นๆอีก จึงใช้ลิ้นหัวใจชีวภาพเปลี่ยนให้เขาแทน พวกเรารู้ดีว่าลิ้นหัวใจชีวภาพมีระยะเวลาที่จำกัด สองปีก่อนลิ้นหัวใจเขาได้แข็งตัวเป็นแคลเซียมซึ่งอยู่ในภาวะร้ายแรง แต่เดิมคิดว่าให้เขาเปลี่ยนลิ้นหัวใจอีกครั้งก็คงไม่มีปัญหา แต่ความเป็นจริงอาการโรคหัวใจของเขาซับซ้อนกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก หลังผ่าตัดจะมีปัญหาแทรกซ้อนอีกมากมาย ทั้งยังแก้ไขได้ยาก!”
“……”
“เพื่อแก้ปัญหาหัวใจขาดเลือด พวกเราจึงทำการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจให้เขาเป็นอย่างแรก แต่ถึงกระนั้น หัวใจของเขาก็ยังมีอาการอ่อนเปลี้ย…”
คุณหมอสูดหายใจอีกครั้ง
หน้าตาเคร่งขรึม
หากการรักษาในปัจจุบันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของเขาได้ ผลลัพธ์สุดท้ายเขาก็คงแค่รอความตายเท่านั้น!