ตอนที่ 877 ฉันรักเธอ รักเธอมาก
“พรึบ”
ร่างกายซั่งซินอ่อนยวบ ยืนไม่ไหวจนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
ตอนที่ออกจากห้องทำงานของคุณหมอ สมองมึนงงเต็มไปหมด
เธอก้าวเท้าเดินไปในห้องผู้ป่วยของถังหยวนซือเหมือนหุ่นยนต์
ข้างหูยังมีเสียงสะท้อนคำพูดที่คุณหมอเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้นี้
เธอกลัว
กลัวเหลือเกิน
กลัวมากกว่าตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องผ่าตัดเมื่อครั้งยังเป็นเด็กที่รอเขาทำการผ่าตัด
เมื่อผู้ช่วยที่รออยู่หน้าประตูเห็นสีหน้าเธอดูแปลกไป เขาจึงรีบเข้ามาปลอบใจ “คุณซั่งซิน คุณอย่าไปฟังที่คุณหมอพูดเลยครับ ที่จริงพวกเขาพูดเว่อร์ไปหน่อย โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานถังรู้อาการป่วยของตัวเองแล้วไม่ให้ความร่วมมือในการรักษา คุณหมอก็เลยใส่สีตีไข่เพราะอยากให้พวกเราเกลี้ยกล่อมประธานถังสักหน่อย…”
ก่อนที่คำปลอบโยนของผู้ช่วยจะจบลง ซั่งซินก็หยุดชะงัก เงยหน้ามองเขาเงียบๆ
ผู้ช่วยถึงกับผงะ ทั้งตัวติดกับผนังทางเดินและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ?”
“เปล่า ฉันคิดว่าคุณพูดได้ดีมาก” ซั่งซินตอบและปรับเป็นพูดชัดถ้อยชัดคำ “พี่เสี่ยวซือเป็นโรคนี้ตั้งแต่เกิด เขามีชีวิตรอดมานานยี่สิบกว่าปี เขาจะต้องไม่เป็นอะไรง่ายๆ”
ผู้ช่วย “…”
“ที่คุณหมอพูดมาจะต้องโกหกฉันแน่ๆ ตราบใดที่ให้ความร่วมมือในการรักษา เขาจะต้องดีขึ้นได้ จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ”
ซั่งซินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เดินไปในห้องผู้ป่วยของถังหยวนซือ
ผู้ช่วยมองแผ่นหลังของเธอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดว่าการที่เธอมีปฏิกิริยาแบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนร้องไห้ยกใหญ่เสียอีก
เมื่อผู้ช่วยกลับมาที่ห้องผู้ป่วย ซั่งซินก็กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบก้านสำลีชุบน้ำซับริมฝีปากถังหยวนซือที่ยังดื่มน้ำมากไม่ได้
การเคลื่อนไหวนั้นอ่อนโยนมาก เมื่อเห็นถังหยวนซือเงยหน้ามองเธอ เธอก็ยิ้มให้เขา
ช่างแตกต่างกับผู้หญิงร้ายๆที่เพิ่งตะคอกออกมาเมื่อกี้นี้ว่า “คนโกหก ไม่ต้องมาแตะต้องฉัน”
ซั่งซินในตอนนี้ดูอ่อนโยนอย่างไม่เข้าที
ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้ช่วยเห็นแล้วถึงกับเย็นสันหลังวาบ ถังหยวนซือที่นอนอยู่บนเตียงยังขนลุกขนพองไปทั้งตัว
เมื่อมองไปที่ก้านสำลีที่วางบนริมฝีปากของเขา ก็มักจะรู้สึกว่าด้วยนิสัยเธอ สิ่งที่เคลือบบนหน้าเธอไม่ใช่น้ำต้มสุกที่ไม่มีพิษมีภัย แต่เป็นสารหนูสีแดงที่มีพิษและอันตราย
ถังหยวนซือขยับริมฝีปากของเขาและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซั่งซินกลับพูดเร็วกว่า “พี่เสี่ยวซือ คุณหมอบอกแล้วว่าถึงอาการของคุณจะค่อนข้างร้ายแรง แต่ยังสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรักษาอย่างต่อเนื่อง ”
“…” ถังหยวนซืออึ้ง
ทันใดนั้นมุมปากก็ยิ้มถากถางตัวเอง
เหมือนฟังออกว่าเธอกำลังปลอบใจ
เขารู้สภาพร่างกายตัวเองดีกว่าใครๆ สิ่งที่เขารับไม่ได้มากที่สุดก็คือเธอที่เป็นแบบนี้ เห็นๆอยู่ว่าเสียใจ เห็นๆอยู่ว่ากลัว แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เขายอมเห็นเธอด่าเขาว่าคนโกหกและโมโหเขาต่อไปยังจะดีเสียกว่าเธอที่เป็นแบบนี้ที่ใช้คำโกหกที่ตัวเองไม่เชื่อมาปลอบใจเขา
เธอที่เป็นแบบนี้ทำให้เขาเกลียดความไร้ความสามารถของตัวเอง!
“จริงด้วย พี่เสี่ยวซือ…”
“พอแล้ว! ไม่ต้องพูดอีกแล้ว!” ถังหยวนซือตะคอกตัดบทเธอทันที
อยากจะไล่เธอไป แต่เมื่อเผชิญกับหน้าเล็กๆที่ซีดเผือด สุดท้ายจึงทำได้เพียงยื่นมือคว้าเธอไปกอดอย่างแรง
นิ้วมือสอดผ่านผมยาวของเธอ ก้มหน้าดมกลิ่นหอมที่มาจากตัวเธอ
ค่อยๆพูดด้วยเสียงทุ้ม
“ซินเอ๋อร์ ฉันรักเธอ รักเธอมาก แต่ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉันเป็นแบบนี้ ไม่อยากให้เธออยู่กับฉันด้วยความวิตกกังวล ไม่อยากให้ลูกของเราเกิดมาไม่มีพ่อ…”
ตอนที่ 878 ฉันเชื่อ!
ถังหยวนซือพูดเสียงโทนต่ำมาก แฝงด้วยเสียงสะอึกสะอื้น จากนั้นก็ชะงักเล็กน้อย เขากำลังจะบอกให้เธอเอาเด็กออก แต่จู่ๆก็รู้สึกเปียกที่ไหล่ตัวเอง
น้ำตาไหลหยดกระทบไหล่ของเขาอย่างต่อเนื่อง
ซั่งซินที่พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่พูดอะไรเลย เพียงกอดเขาแรงๆและร้องไห้อย่างเงียบๆ เสียงร้องไห้ที่ถูกสะกดเอาไว้กลับเหมือนกริชเล่มหนึ่งที่กำลังเชือดหัวใจเขา
วินาทีก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าสิ่งที่เขารับไม่ได้ที่สุดคือการที่เธอฝืนยิ้ม
แต่จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งค้นพบว่าเขายิ่งไม่มีทางรับได้กับน้ำตาของเธอ
การได้เห็นเธอร้องไห้นั้นมันเศร้ายิ่งกว่าการเอาชีวิตไปเสียอีก
เป็นความผิดของเขาเอง รู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถให้ความสุขเธอได้ตั้งแรกก็ไม่ควรไปยุ่งกับเธอ
เขาไม่ควรหยิบมันขึ้นมาจนสุดท้ายก็วางมันไม่ลง ทำให้พวกเขาเดินมาจนถึงวันนี้…
“ซินเอ๋อร์ ขอโทษ…” ถังหยวนซือกอดเธอแน่น ออกแรงราวกับต้องการขย้ำเธอเข้าไปในร่างกายตัวเอง
ได้ยินเสียงสะอื้นของเธอบวกกับดวงตาที่แดงก่ำ
เขาผ่านประสบการณ์มามากมายหลายอย่างในชีวิต
นับตั้งแต่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจจากสายตาที่เย็นชา
เนื่องจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเต็มไปด้วยเด็กที่สุขภาพไม่ค่อยดี จึงมีน้อยคนที่จะรับอุปการะพวกเขา
ตอนที่เขายังเด็กมาก ถังหยวนซือรู้ดีว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น
เขาไม่สามารถกระโดดโลดเต้นได้เหมือนคนปกติทั่วไป
สภาพจิตใจแปรปรวนก็ไม่ได้
ไม่ว่าจะมีความสุขหรือมีความทุกข์ก็ไม่สามารถแสดงออกผ่านทางสีหน้าได้
การปรากฏตัวของเธอทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
มีใครบางคนมักจะเรียกเขาด้วยเสียงหวานๆว่า “พี่เสี่ยวซือ”
ตอนที่ทุกคนตามหาเขาไม่เจอก็จะพบว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่มุมอ่านหนังสือ
ครั้งแรกที่เห็นเด็กผู้ชายจูบเด็กผู้หญิงในทีวี เธอจะเอียงศีรษะและถามเขาว่าทำไมเขาไม่จูบเธอ…
ครั้งแรกที่ใครบางคนร้องไห้งอแงด้วยความเสียใจเพียงเพราะไม่เจอเขา เธอจะพูดเสียงดังลั่นว่า “พี่เสี่ยวซือของหนูหายไปแล้ว เสี่ยวซินซินเสียใจจะแย่อยู่แล้ว”
เธอปรารถนาว่าเขาจะอยู่ในงานวันเกิดของเธอทุกครั้ง
เธอมีเขาอยู่ในใจ
คือเธอ…ที่ทำให้เด็กเซื่องซึมไร้แสงสว่างอย่างเขากลายเป็นมีชีวิตที่มีสีสัน
เธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่พระเจ้าส่งมาเพื่อช่วยชีวิตเขา ให้แสงสว่างแก่ชีวิตที่มืดมนของเขา
ถ้าจะบอกว่าในชีวิตนี้ยังมีอะไรที่ไม่พอใจ สำหรับถังหยวนซือก็คงจะเป็นเวลาที่อยู่ร่วมกับเธอมีไม่มากพอ
ความรักวัยเด็กของพวกเขาได้ผ่านวัยหนุ่มสาวมาด้วยกัน แต่พวกเขากลับไม่สามารถเดินจากรั้วโรงเรียนมาจนถึงชุดแต่งงานได้…
เขาติดค้างคำมั่นสัญญากับเธอ
และยังติดค้างงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ
นอกจากคำว่า “ขอโทษ” เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธออีก
ตอนนี้เขาไม่มีอะไรนอกจากสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอ
เมื่อได้ยินคำขอโทษจากเขา ซั่งซินที่พยายามกลั้นน้ำตาไว้ตลอดก็เหมือนจะกลั้นต่อไปไม่ไหวแล้ว ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง
มือทั้งสองจับชายเสื้อของเขาแน่น พูดติดๆขัดๆ
“พี่เสี่ยวซือ ถ้าพี่เชื่อฟังคุณหมอ…พวกเราไม่ยอมแพ้ต่อการรักษา จะต้องดีขึ้นแน่…”
“เพื่อฉันกับลูก ถึงจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ก็อย่ายอมแพ้…”
“ตอนที่ฉันยังเด็ก พ่อบอกฉันตลอดว่าตราบใดที่เรายังมีความคิดจิตใจ มีคนที่ใส่ใจ ก็จะฟื้นขึ้นมาแน่นอน…”
“ฉันกับพ่อรอจนกว่าแม่จะฟื้นขึ้นมา คุณก็ต้องดีขึ้นได้อย่างแน่นอน…”
ซั่งซินร้องไห้จนจมูกและตาแดง
เมื่อเห็นว่าถังหยวนซือไม่ตอบเธอ เธอจึงกัดฟันเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ของเขา มองเขาด้วยความดื้อรั้น
“พี่เสี่ยวซือ คุณเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม?”
“……”
ถังหยวนซือหลุบตาลงเล็กน้อย มองเธอที่มีสภาพโศกเศร้าเสียใจ ขยับริมฝีปากพยายามจะพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออก
วินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินเธอบอกว่า “ฉันเชื่อ!”