ตอนที่ 189 รักษา

เมื่อเดินตามพวกกุ้ยหรงจิ่วมาถึงทั้งสองคน กุ้ยหรงจิ่วก็มองมา “ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

หยางโปส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ ตอนบ่ายผมต้องไปธุระสักหน่อย

สีหน้าของกุ้ยหรงจิ่วแขวนรอยยิ้ม “เดิมทีฉันคิดว่านิสัยของเสี่ยวโปไม่มีชีวิตชีวาเลย เรื่องความรู้สึกอาจจะช้าไปสักหน่อย ดูท่าจะเป็นฉันที่สายตาไม่ดีแล้ว!”

หยางโปรีบส่ายหน้า “อาจารย์กุ้ย คุณอย่าล้อเล่นแบบนี้สิ ผมแค่ไปช่วยธุระของเพื่อน!

“อื้ม เป็นเพื่อนผู้หญิงสวย” กุ้ยหรงจิ่วกล่าวอย่างจริงจังมาก

หยางโปหัวเราะ จากนั้นหยางโปก็รั้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยโบกรถกลับไปโรงแรม

หลังจากที่รู้ถึงผลลัพธ์มากมายของกระจกแสงจันทร์แล้ว หยางโปก็มักจะพกกระจกแสงจันทร์เอาไว้อยู่ตลอด ครั้งนี้ถ้าหากไม่ได้เอากระจกแสงจันทร์มา แม้ว่าหงซิ่วซิ่วจะขอร้องอีกเขาก็จนปัญญาแล้ว

 

พักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง หยางโปก็รับโทรศัพท์ของหงซิ่วซิ่ว เขาเอากระจกแสงจันทร์ลงมาจากตึกแล้วขึ้นรถไป

ขึ้นไปนั่งบนรถ หยางโปเพิ่งจะพบว่าเบาะคนขับมีผู้ชายคนหนึ่ง หงซิ่วซิ่วนั่งอยู่ที่บนหน้าข้างคนขับ เธอยกมือไหว้หยางโป แล้วผงกศีรษะกล่าวว่า “เถ้าแก่หยาง ขอบคุณมากจริงๆ

หยางโปส่ายหน้า “ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม ตอนนี้กล่าวขอบคุณมันดูจะเร็วเกินไป

“ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ตระกูลหงก็จะนับว่าคุณหยางเป็นผู้มีพระคุณ” หงซิ่วซิ่วกล่าวอย่างเกรงใจ

หยางโปหัวเราะ ไม่ได้พูดมาก ถ้าเขาช่วยได้เธอก็จะซาบซึ้งมาก ถ้าหากช่วยไม่ได้ก็เป็นไปได้ที่ความจริงแล้วเธอจะซาบซึ้งน้อยมาก แต่ว่ายืดเยื้อมานานขนาดนี้ สำหรับหยางโปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย

ยังไงช่วงเวลานี้คนตระกูลหงก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของอาการป่วยแบบนี้แล้ว

 

ผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะคนขับไม่ได้เอ่ยปากพูดจามาตลอด จนกระทั่งรถหยุดลงอย่างราบลื่น ถึงค่อยได้ยินหงซิ่วซิ่วกล่าวว่า “รบกวนเธอแล้ว อี้ผิง”

หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง มองเห็นหน้าตาหล่อเหลาของอีกฝ่าย เขาไม่ได้คิดว่าเป็นคนขับรถจริงๆ หยางโปหันไปพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่าย หันหลังแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

หงซิ่วซิ่วไม่ได้ได้พูดจามากความก็เดิมตามหยางโปเข้าไปในโรงพยาบาล ไม่นานก็ไล่ตามหยางโปที่อยู่ด้านหน้าทัน เธออธิบายสถานการณ์ตอนนี้ของหงอวี้ให้หยางโปฟัง

ชุยอี้ผิงมองเงาหลังของหยางโปอยู่ไกลๆ เขาสงสัยเป็นอย่างมาก เขามักจะรู้สึกว่าตนเองเหมือนเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่มีความประทับใจอะไร น่าสงสัยจริงๆ

 

แต่ว่าในพริบตาเขาก็ลืมเรื่องนี้ไป หลังจากจอดรถแล้วเขาก็เร่งเดินไปทางห้องพักผู้ป่วย เขาจะต้องสำรวจ เจ้าเด็กนี่จะมีวิธีการแบบไหน ถึงกับให้หงซิ่วซิ่วมีความหวังมากขนาดนี้!

การเข้าไปในห้องผู้ป่วยหนักจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากโรงพยาบาล หงซิ่วซิ่วพาหยางโป เดินไปถึงด้านนอกหน้าต่างกระจก มองเข้าไปด้านใน หยางโปสามารถมองเห็นสีหน้าของหงอวี้ซีดเซียวอยู่บ้าง แก้มซูบตอบ นี่เกิดจากการที่ไม่ได้ทานอาหารมาเป็นเวลานาน

“ฉันจะเข้าไปยังไง?” หยางโปเอ่ยถาม

หงซิ่วซิ่วชะงักเล็กน้อย “เถ้าแก่หยาง วิธีการของคุณซับซ้อนมากไหม?”

“ไม่ว่าซับซ้อนไม่ซับซ้อน คุณยังมีทางเลือกอื่นอีกไหม?” หยางโปกล่าว

 

“ฉันจะพาคุณเข้าไป!” หงซิ่วซิ่วกล่าว

“ผมเข้าไปเองก็พอแล้ว อ้อ ผมไม่ชินกับการถูกจ้อง แน่นอนว่าคุณดูอยู่ข้างนอกได้นะ” หยางโปเอ่ย

หงซิ่วซิ่วลังเลครู่หนึ่ง จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ เรื่องทั้งหมดยกให้เถ้าแก่หยางแล้ว”

หยางโปพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป

ด้านนอกกั้นไปด้วยกระจก หยางโปมองชัดเจนมากนัก เดินเข้าไปเขาถึงได้พบว่า ใบหน้าของหงอวี้ซีดเผือด เนื้อตัวมีแต่กระดูก แตกต่างจากรูปร่างที่ดีก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน!

หยางโปคิดออกในทันที สายตาจ้องมองไปที่หงอวี้ ทันใดนั้นหยางโปก็พบการเปลี่ยนแปลงขึ้นตรงหน้า ประกายแสงสีเขียวระเบิดออก ประกายแสงที่ส่งออกมาจากร่างของหงอวี้ถึงกับทำให้หยางโปรู้สึกว่าอุณหภูมิของอากาศรอบด้านพลันลดต่ำลง

 

พลังหยินเข้าสู่ร่าง?

หยางโปจ้องมองหงอวี้ หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาแล้วยัดใส่มือของหงอวี้ มองมือของหงอวี้เหลือแต่กระดูก ไม่มีพลังแม้แต่น้อย จึงยัดเข้าไปง่ายมาก

หยางโปจ้องมองลำแสงสีเขียวที่อยู่ตรงหน้า การค้นพบแบบนี้ทำให้เขาตกตะลึง สำหรับเขาแล้วเดิมทีก็แค่มีลำแสงประเมินวัตถุโบราณ ไหนเลยจะคิดถึงว่าจะสามารถมองเห็นลักษณะของการติดเชื้อได้ หยางโปไม่เข้าใจว่าการทำแบบนี้จะสามารถใช้ประโยชน์อะไรได้ แต่ก็ยังทำให้เขาประหลาดใจมาก

แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลง หยางโปมองเห็นลำแสงสีเขียวตรงหน้าราวกับถูกลมพัดกระจาย ทันใดนั้นก็กระจายตัวออก แทรกเข้าไปในร่างของหงอวี้เป็นระลอก

 

ภาพเช่นนี้เขย่าขวัญหยางโปจนสะดุ้ง เพราะว่าเขาเข้าใจดีว่าถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้างั้นนี่ก็เป็นโรคที่ดื้อด้านจริงๆ ยากที่จะรักษามาตั้งแต่แรกแล้ว!

แต่ว่าเขาก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า มีประกายแสงสีเขียวส่วนหนึ่งไม่ได้ถอยกลับเข้าไปในร่าง ถึงกับสลายอยู่ในมือของหงอวี้ ไม่นานก็ถูกกระจกแสงจันทร์ดูดกลืนไป!

หยางโปมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เขาแน่ใจอยู่บ้างว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆ! “ซิ่วซิ่ว เป็นยังไงบ้าง?” ชุยอี้ผิงวิ่งเข้ามา เขาเหนื่อยจนหอบหายใจเล็กน้อย

หงซิ่วซิ่วมองเข้าไปข้างในอย่างเป็นกังวล ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอมองเห็นแค่หยางโปเหมือนจะหยิบของอะไรยัดเข้าไปในมือของหงอวี้ การเคลื่อนไหวต่อจากนั้นก็เป็นการสังเกตุการณ์เป็นส่วนมาก เธอไม่กล้าแน่ใจว่าหยางโปจะสามารถช่วยได้หรือเปล่า!

 

ชุยอี้ผิงมองเข้าไปด้านใน มองเห็นหยางโปยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ทำอะไรก็อดที่จะก่นด่าไม่ได้ “หมอเถื่อนจริงๆ ด้วย! ซิ่วซิ่ว นี่คือหมอเถื่อนนะ เขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่แรก!”

“นายไม่ต้องพูด ฉันตัดสินด้วยตัวเองได้!” หงซิ่วซิ่วขวางอีกฝ่ายเอาไว้ เธอไม่แน่ใจว่าที่จริงแล้วหยางโปจะสามารถรักษาพี่ชายให้หายได้ไหม แต่ตอนนี้เธอพึ่งพาได้แค่หยางโปแล้ว

“เฮ้!” ทันใดนั้นหงซิ่วซิ่วก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นด้านหลัง จากนั้นก็เป็นภาษาเยอรมัน “นั่นใครน่ะ ให้เขารีบออกมาเดี๋ยวนี้!

 

หงซิ่วซิ่วรู้ว่าตอนนี้พี่ชายกำลังอยู่ในความเป็นความตาย ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าที่จริงแล้วหยางโปกำลังทำอะไร แต่เธอก็ยังขวางนางพยาบาลที่ร้องตะโกนขึ้นคนนั้นอย่างมั่นคง “สวัสดีค่ะ เขาคือเพื่อนของพี่ชายฉัน เขามาไกลพันลี้จากในประเทศรีบมาที่นี่ ก็เพื่อจะได้พบเขาสักครั้ง ขอให้คุณยืดหยุ่นสักหน่อยนะ!

หงซิ่วซิ่วเรียนที่เยอรมนีมาหลายปี ภาษาเยอรมันย่อมไม่เลว

แต่ว่านางพยาบาลอายุสี่สิบกว่าปีคนนั้นกลับไม่ยอมปล่อย “ไม่ได้ ให้เขาออกมาเดี๋ยวนี้ เดิมทีคนไข้ก็ติดเชื้อแบคทีเรียอย่างร้ายแรง หลังจากเขาเข้าไป เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเอาเชื้อไวรัสเข้าไป ให้เขาออกมาเดี๋ยวนี้!”

 

หงซิ่วซิ่วลังเลเล็กน้อย มองเห็นการเคลื่อนไหวของหยางโปไม่เร็ว ราวกับกำลังหน่วงเวลา!

“ไม่ได้ค่ะ” หงซิ่วซิ่วกล่าว

“ถ้าหากคุณไม่ให้เขาออกมาตอนนี้ ฉันจะโทรเรียกคุณหมอเจ้าของไข้มาเดี๋ยวนี้” นางพยาบาลกล่าวในที่สุด

ดวงตาของหงซิ่วซิ่วจ้องไปด้านใน มองเห็นหยางโปไม่เคลื่อนไหว ราวกับว่ากำลังศึกษาอะไร แต่เธอไม่มีเวลานานขนาดนั้นจริงๆ ดังนั้นเธอจึงเปิดประตู

หยางโปมองเห็นกระจกแสงจันทร์ค่อยๆ ดูดซับจนเปล่งประกาย อย่างรวดเร็วแสงสีเขียวราวกับเส้นไหมก็ซึมออกมาจากตัวของหงอวี้ ไม่นานก็เข้าไปในกระจกแสงจันทร์

อย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวยังคงอยู่ แต่กระจกแสงจันทร์ในมือของหยางโปไม่สามารถดูดซับได้อีกแล้วก็มองเห็นหงซิ่วซิ่วเดินเข้ามา หยางโปก็ได้เดินออกไป