ตอนที่ 406 เย่เฉินนายมันคนหลายใจ!
ในความมืดมิดไร้สรรพเสียงใดๆ
เย่เฉินกล่าวอย่างนุ่มนวล “มู่ชิง คุณ…ยังไม่หลับอีกเหรอ?”
ซูมู่ชิงจะแคงหันกลับมามองเย่เฉินแล้วกล่าว
“ที่รัก คุณรู้ไหม? ฉันเฝ้ารอวันนี้มาสามปีแล้วนะ ฉันฝันว่าจะได้เป็นภรรยาของคุณอยู่ทุกคืน ความฝันของฉันคือการได้แต่งงานกับคุณ ฉันไม่กล้าขอให้คุณรักฉันเหมือนที่คุณรักฉินหงเหยียน ฉันไม่ขออะไรมาก ฉันแค่อยากเป็นเหมือนผู้หญิงธรรมดาๆ ที่มีสามีรักและทะนุถนอม มีชีวิตที่ปกติ ที่รัก คุณอย่าเย็นชากับฉันได้ไหมคะ?”
ซูมู่ชิงไม่ใช่คนโง่ ทำไมหล่อนจะดูไม่ออกว่าเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเย่เฉินจงใจทอดทิ้งหล่อน
เย่เฉินเองก็มีทำท่าทีลำบากใจอย่างมาก “มู่ชิง…”
ซูมู่ชิงกล่าวออกมาอย่างน่าสงสาร “ที่รัก ชีวิตนี้ของฉันยังไม่เคยมีความสุขแบบผู้หญิงทั่วๆ ไปเลย ฉันอายุ 26 แล้วฉันไม่อยากรอจนอายุ 30 ปี…”
เย่เฉินทั้งรู้สึกตกใจและยังรู้สึกว่าหญิงสาวน่าสงสารมากทีเดียว
ที่เขารู้สึกว่าน่าตกใจก็คือความสัมพันธ์แบบชายหญิงเพียงครั้งเดียวที่เจ้าหล่อนมีก็คือที่ซีเรียเมื่อสี่ปีก่อน
แล้วครั้งนั้นก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่กับหญิงสาว อาจจะถึงขั้นเรียกว่าทุกข์ทรมานด้วยซ้ำไป
หลังจากนั้นไปคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะไม่เคยหาแฟนใหม่อีกเลย
ซึ่งสำหรับหญิงสาววัย 30 ปีนี่ออกจะเป็นเรื่องที่น่าสงสารเอาการ
อย่างไรเสียน่าจะมีแค่ผู้หญิงที่หน้าตาไม่สะสวยถึงจะหาแฟนยาก แต่คนสวยๆ อย่างซูมู่ชิงไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้กับหญิงสาว
เย่เฉินถอนหายใจ เป็นเพราะเขาทำให้หล่อนเจอเรื่องแบบนี้
ในเมื่อเขาแต่งงานกับหญิงสาวแล้ว เพียงสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือทำให้หล่อนมีความสุข
ถึงจะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
เย่เฉินเองจึงลูบเรือนผมของซูมู่ชิงในความมือดแล้วโน้มตัวลงจุมพิตหญิงสาว
……
ในตอนนี้จู่ๆ ท้องฟ้าด้านนอกฟ้าแลบแปลบลปาบ แล้วทันใดนั้นเองฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
แต่ซูมู่หลินกลับมาขลุกที่บ้านของซูเจิ้นหาง แล้วทั้งสองปู่หลานกำลังตั้งใจคุยกับอย่างเป็นการเป็นงาน
วันนี้ซูมู่หลินโดนบุคลิกและแววตาของเย่เทียนเขย่าขวัญ
ดังนั้นเมื่อมาถึงบ้านของคนเป็นปู่ทำให้หลานชายรีบกล่าวทันที
“คุณปู่ครับ คุณปู่อยากรู้ความลับของตระกูลเย่มานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? เย่เฉิยอายุตั้ง 30 กว่าๆ เขาต้องรู้เรื่องความลับของตระกูลแน่นอน! จะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปไม่ได้นะครับ กว่าเขาจะเข้ามาในถิ่นเราก็แสนยากเย็น หรือไม่อย่างนั้นเราจับเขามาเค้นถามเลยดีไหมครับ!”
ซูมู่หลินมักรู้สึกว่าเย่เทียนจะล้างแค้นเขาแทนเย่เฉินที่โดนเขาสวมเขา ดังนั้นถึงอยากจะชิงลงมือก่อน
ซูเจิ้นหางส่ายหน้า “ไอ้เด็กซื่อบื่อ เธอคิดว่าเย่เทียนเขามาที่นี่คนเดียวหรือไง?”
ซูมู่ชิงไม่ยอมแพ้ “ฮึ ต่อให้พวกเขาจะมีเส้นสายเยอะแยะนักหนาที่นี่ แต่ก็ไม่มีทางสู้เราได้หรอกครับ!”
ซูเจิ้นหางถอนหายใจ “หลานชาย เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? อยู่กับใครไหม?”
ซูมู่ชิงส่ายหน้า
ซมจหกล่าว “พวกราชวงศ์อังกฤษ! เขามากับองค์ชายกับองค์หญิง! แกต้องบ้าเท่านั้นถึงต้องอยากจะแตะต้องเย่เทียน”
ซูมู่หลินหงุดหงิดงุ่นง่าน “แม่งเอ้ย เย่เทียนนี่สุดยอดจริงๆ!”
ซูเจิ้นหางนั่งบนเก้าอี้แล้วหัวเราะน้อยๆ พลางกล่าว “ตอนนี้มู่ชิงแต่งงานกับเย่เฉินแล้ว เราก็เป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลเย่แล้ว เราใช้มู่ชิงหาข่าวมาได้อยู่แล้ว ทำไมต้องดึงดันสร้างรอยร้าวระหว่างเราสองตระกูลด้วยล่ะ? มู่หลินเอ้ย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป แกต้องดีกับเย่เฉินหน่อยนะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นพี่เขยแกแล้ว”
ซูมู่ชิงมองขาที่ยังบาดเจ็บของตนเองแล้วแค่นเสียง “ผมไม่ยอมรับเขาหรอกครับ! ผมกับเขาต้องตายกันไปข้าง!”
ซูเจิ้นหางหัวเราะแล้วไม่พูดอะไรอีก
……
ช่วงสิบโมงกว่าๆ ของอีกวัน ซูมู่ชิงเพิ่งจะตื่นขึ้นในอ้อมกอดของสามี
ที่จริงเย่เฉินตื่นนอนนานแล้ว เพียงแต่เห็นว่าภรรยาป้ายแดงของเขายังนอนหลับสนิทอยู่ จึงไม่อยากขยับเพื่อปลุกหล่อน
ซูมู่ชิงเปิดเปลือกตาขึ้นมาเห็นเย่เฉิน ใบหน้าก็แต้มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขและความเขินอายด้วย
เย่เฉินมองซูมู่ชิงที่สะลึมสะลืออยู่ “คนขี้เซาตื่นแล้วเหรอ? นี่จะ 11 โมงแล้วนะครับ”
“หา? 11 โมงแล้วเหรอคะ?”
ซูมู่ชิงตกใจปกติตนเองตื่นตอน 6-7 โมงอยู่แล้ว
เย่เฉินพินิจมองวงหน้าที่สวยงามโดยที่ไร้เครื่องสำอางใดๆ แต่งเติมบนใบหน้าด้วยซ้ำไปของหญิงสาวแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรเสียซือซือก็อยู่กับแม่คุณ ถ้าคุณเหนื่อยคุณก็นอนต่ออีกหน่อยเถอะนะ”
ซูมู่ชิงย้อนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็เขินอายขึ้นมา
ตนเองเป็นผู้หญิง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายพูดแบบนั้นออกมาก่อน…
“เอ่อ… คุณตื่นก่อนเถอะค่ะ คุณตื่นแล้ว เดี๋ยวฉันค่อยตื่นอีกทที”
ซูมู่ชิงเก้อเขิน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่เฉินเห็นผู้หญิงเขินอาย ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อน
จากนั้นเขาก็รอให้หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกันราวๆ ช่วงเที่ยงวัน
และในตอนนี้เองทั้งสองคนจึงตัดสินใจไปกินอาหารเที่ยงที่บ้านพ่อแม่ของซูมู่ชิง
“พ่อครับ แม่ครับ”
เย่เฉินเดินตรงไปทักพ่อแม่ของหญิงสาวพร้อมของขวัญติดไม้ติดมือ
“เสี่ยวเฉินมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาสิ ด้านนอกฝนกำลังตกหนักเลย ระวังเปียกล่ะ”
ซูหมิงเจ๋อทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ท่าทีของเขาเป็นมิตรอย่างมาก
แต่จางเชี่ยนจือกลับต่างออกไป หล่อนปรายตามองเย่เฉินแล้วไม่ใยดีเขา
“ซือซือ”
“คุณแม่!”
ทันทีที่ซูมู่ชิงเดินเข้ามา เด็กหญิงก็เรียกหาบุมารดาของตนเองทันที
ซูมู่ชิงเดินเข้าไปอุ้มซือซืออย่างดีใจ “ซือซือ เมื่อคืนเป็นด็กดีไหมคะ?”
ซือซือพยักหน้ารับแล้วกล่าวถาม “แม่ขา น้องชายหนูล่ะคะ?”
ซูมู่ชิงถามลูกสาวอย่างงุนงง “น้องชายอะไรเหรอ?”
ซือซือกล่าวว่า “ก็พี่ซวงเอ๋อร์บอกว่าเมื่อคืนคุนแม่กับคุณพ่อจะไปมีน้องชายกัน หนูอยากได้น้องชายค่ะ”
ซูมู่ชิงหลุดหัวเราะ “เด็กโง่ จะเร็วขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ ถ้าลูกอยากได้น้องสาวน้องชายก็ต้องรอปีหน้านู่น”
ทันใดนั้นเองคนทั้งบ้านเองก็รู้สึกว่าซูมู่ชิงแตกต่างไปจากเดิม
หญิงสาวดูซุกซนขึ้น ความสุขฉายชัดบนใบหน้า คนเป็นพ่อเป็นแม่แค่ดูก็รู้เลยว่าลูกสาวตนเองในตอนนี้มีความสุขอย่างมาก
หวังเจียเหยาเดินเข้ามาจากประตู พร้อมกับเข็นรถเด็กอ่อนมาด้วยก็โพล่งออกมา
“อยากได้น้องชายน้องสาวเหรอจ๊ะ จะรอปีหน้าทำไม อยู่นี่ไง”
จากนั้นหวังเจียเหยาก็หันมองเย่เฉิน “ในเมื่อเด็กสองคนก็เป็นลูกนาย นายไม่คิดจะแนะนำลูกสาวของนายหน่อยเหรอ?”
เย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ว่าที่หวังเจียเหยาพูดก็ไม่ผิด
ซือซือเป็นลูกของเขา ด้วยทารกชายที่อยู่กับหวังเจียเหยาก็เป็นลูกเขาเหมือนกัน
เย่เฉินเองก็หวังให้ทั้งสองคนเป็นรักใคร่กลมเกลียว คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
เย่เฉินจูงมือบุตรสาวไปหยุดตรงหน้าของทารกชาย แล้วชี้เด็กน้อย “นี่คือน้องชายของลูกนะ”
ซือซือมองที่เด็กชายด้วยใบหน้าตกตะลึง “ว้าว พ่อกับแม่มีน้องชายกันเร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ!”
“พรูด”
ทุกคนต่างก็หัวเราะเพราะซือซือ
ส่วนหวังเจียเหยาก็พูดไม่ออก หล่อนไม่อยากจะถกเถียงกับเด็กหญิงวัยสี่ขวบแบบนี้
“เย่เฉิน นายมานี่หน่อย ฉันมีอะไรจะถาม”
หวังเจียเหยาลากเย่เฉินขึ้นไปที่ชั้นสอง เมื่อขึ้นมาด้านบนแล้วก็ถามทันที
“เมื่อวานนายนอนกับซูมู่ชิงแล้วเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ไร้สาระ เมื่อวานเราจดทะเบียนแต่งงานกันแล้วก็นอนด้วยกันแล้วจะทำไม คุณถามเรื่องนี้ทำไม เกี่วอะไรกับคุณด้วย?”
หวังเจียเหยากลับมีท่าทีไม่พอใจ “ผู้ชายหลายใจ! เมื่อไม่กี่วันก่อนยังรักฉินหงเหยียนจะเป็นจะตาย เผลอเดี๋ยวเดียวนายก็ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น นายไม่รู้สึกผิดกับฉินหงเหยียนหรือไง!”