ตอนที่ 407 หวังเจียเหยาคุณกำลังทำให้ผมโกรธ!
เย่เฉินพูดไม่ออก “ผมทำผิดกับหวังเจียเหยาหรือไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย? เกี่ยวอะไรกับคุณหรือไง? คุณช่วยเลิกทำท่าเหมือนรักฉินหงเหยียนนักหนาเวลาอยู่ต่อหน้าผมทีเถอะ คุณมีเรื่องกับหล่อนมาตั้งนาน!”
หวังเจียเหยาทำให้เย่เฉินพูดไม่ออก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตำหนิเรื่องที่เย่เฉินทำผิดต่อฉินหงเหยียน
มีเพียงหวังเจียเหยาที่ไม่มีสิทธิ์จะตำหนิเขา
จนตอนนี้เย่เฉินยังจำได้เลยว่าตอนหล่อนแย่งห้องทำงานของฉินหงเหยียน หล่อนด่าว่าอีกฝ่ายเป็นนังจิ้งจอก เป็นผู้หญิงแพศยา
หวังเจียเหยากล่าว “ก็เป็นคนโชคร้ายโดนทิ้งเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฉันไม่ชอบฉินหงเหยียนก็จริง แต่ฉันคิดว่าหล่อนน่าสงสารเหมือนฉันเลย! เราสองคนต่างก็โดนผู้ชายหลายใจหลอกลวงเหมือนกัน! นายชอบทำตัวเหมือนตัวเองสูงส่งเสียเต็มประดา กล่าวหาว่าฉันเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน แล้วแสร้งทำเหมือนว่าความรักไม่เกี่ยวกับเงินทองและอำนาจ สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ? เพราะตระกูลฉันเป็นแค่ตระกูลเล็กๆ ตระกูลเย่ของนายก็เลยไม่เห็นค่า ทำให้นายเลยไม่เลือกฉัน ส่วนฉินหงเหยียนพ่อแม่ตายหมด ไม่มีครอบครัวนายก็เลยทิ้งหล่อนไป สุดท้ายนายเลือกตระกูลซูที่โด่งดังเหลือเกินในประเทศ! เพื่อที่พวกเขาจะได้ช่วยนายที่นี่ได้! นายเองก็ทอดทิ้งฉินหงเหยียนแล้วเลือกตระกูลซูเพื่อผลประโยชน์ นายมีสิทธิ์อะไรมาด่าฉัน!”
เย่เฉินหัวเสีย คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะพูดว่าเขาแต่งงานกับซูมู่ชิงเพื่อผลประโยชน์!
ตระกูลซูเองมีอำนาจในประเทศมากกว่าตระกูลเย่จริงๆ
ถ้าหากว่าได้กลายเป็นเขยของตระกูลซูแล้ว เย่เฉินก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ทรัพย์สินโดนตรวจและอายัดแล้ว
แต่เย่เฉินไม่เคยอยากจะไปเกาะตระกูลซูด้วยซ้ำ!
เย่เฉินหัวเสีย “ไร้สาระ! อย่าคิดว่าผมจะเหมือนคุณ! ผมขอเตือนคุณเอาไว้นะรีบเอาลูกกลับอวิ๋นโจวเดี๋ยวนี้ อย่ามาอ้อยอิ่งอยู่ที่ตระกูลซูเชียว!”
หวังเจียเหยาแค่นเสียง “ทำไมฉันต้องไปด้วยล่ะ? แม่ยายนายเป็นคนชวนให้ฉันอยู่ต่อเอง พ่อตาแม่ยายนายชอบฉันจะตายไป!”
เย่เฉินเห็นท่าท่าได้ใจของฉินหงเหยียนก็อดชี้นิ้วจิ้มศีรษะอีกฝ่ายไม่ได้
“สมองกลวงๆ นี่แต่งงานไปสามครั้งแล้ว ยังฝันเฟื่องอยากจะแต่งเข้าตระกูลใหญ่ๆ อีกเหรอ? สายเลือดตระกูลซูจะแต่งงานกับใคร พวกเขาต้องพิจารณาเรื่องความเหมาะสม พวกเขาแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ คุณไม่มีทางได้แต่งเข้าตระกูลซูหรอกนะ ที่จางเชี่ยนจือชวนคุณอยู่ต่อ แค่เพราะอยากใช้คุณปั่นหัวผม เพราะผมทำลูกชายหล่อนขาหัก ดังนั้นหล่อนเลยเกลียดผม คุณเข้าใจไหมเนี่ย?”
หวังเจียเหยาโกรธจนกระทืบเท้าเร่าๆ “อย่ามาใช้นิ้วชี้หน้าฉันนะ! ฉันยอมเป็นเครื่องมือให้คนอื่นแล้วนายจะยุ่งอะไรด้วยล่ะ? ฉันจะอยู่ต่อเพื่อให้ผู้ชายหลายใจอย่างนายประสาทเสีย!”
หวังเจียเหยาพูดพลางใช้ฝ่ามือนุ่มนิ่มขาวนวลตีบนตัวเย่เฉินแรงๆ สองที แล้วเดินหนีไป
เย่เฉินมองเบื้องหลังที่คุ้นตาแล้วถอนหายใจหนักๆ
“หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา ชาติก่อนผมไปฆ่าคุณตายหรือไปฆ่าล้างครัวคุณนะ? ทำไมชาตินี้คุณถึงได้ตามเกาะแกรังควานผมไม่หยุดหย่อนเลย!”
เย่เฉินล้างมือแล้วก็เดินลงไปด้านล่าง
เย่เฉิน ซูมู่ชิงและหวังเจียเหยานั่งร่วมรับประทานอาหารบนโต๊ะเดียวกัน
หญิงสาวทั้งสองคนเป็นภรรยาคนปัจจุบันและอดีตภรรยาของเย่เฉิน หญิงสาวสองคนล้วนแต่เป็นยอดหญิงงาม
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารชวนให้คนรู้สึกแปลกพิกล
พอจะมองออกว่าไม่ว่าท่าทางในการรับประทานอาหารของหวังเจียเหยาหรือการพูดการจาของหล่อนกำลังเปรียบเทียบตนเองกับซูมู่ชิง
ซูหมิงเจ๋อที่นั่งบริเวณหัวโต๊ะหันมองซูมู่ชิงและหวังเจียเหยาที่นั่งทั้งข้างซ้ายยขวาของเขา ก็อดกล่าวไม่ได้
“ว่าไปแล้วหวังเจียเหยากับซูมู่ชิงหน้าตาเหมือนกันเลย ถ้าหวังเจียเหยาก็เป็นลูกสาวของฉันด้วยคงดี”
จางเชี่ยนจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นสิค่ะ ตอนฉันเห็นเจียเหยาครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นๆ ว่าเหมือนเห็นลูกสาวของเราเลยล่ะค่ะ”
หวังเจียเหยาดีใจอย่างมา “ตอนหนูเห็นคุณน้าคุณอาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเลยล่ะค่ะ เหมือนเห็นพ่อแม่ตัวเองเลย!”
เย่เฉินพ่นลมหายใจแล้วไม่พูดอะไรต่อ
แต่ว่าพอมองใบหน้างดงามของหวังเจียเหยาและซูมู่ชิงแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากจริงๆ
“ฉันเคยแต่งงานของผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศนี้ทั้งสองคน”
และในเวลานี้เองจู่ๆ ซูหมิงเจ๋อก็โพล่งถาม “เสี่ยวเฉินคืนนี้ฉันอยากชวนพี่ชายเธอมากินข้าวที่บ้านหน่อย ไม่รู้ว่าเขาว่างไหม”
เย่เฉินหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกล่าว “เดี๋ยวผมถามพี่เขาครับ”
เย่เฉินส่งข้อความหาเย่เทียน แล้วพี่ชายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินกล่าว “พ่อครับ คืนนี้พี่ชายผมต้องไปร่วมโต๊ะเสวยของเจ้าชาย เขาคงจะมาไม่ได้”
ซูหมิงเจ๋อหัวเราะ เขาเองก็รู้ว่าเย่เทียนมากับเชื้อพระวงศ์อังกฤษ “ได้ ไม่เป็นไร ร่วมโต๊ะเสวยสำคัญกว่า”
ซูม่หลินทำหน้าดูถูดแล้วร้องเพลงออกมา
“สุราชั้นเลิศ จอกละ 180 รสชาติสุรานี้เป็นอย่างไร มาสิมาจะโม้ให้ฟัง…”
หวังเจียเหยาและจางเชี่ยนจือต่างก็หลุดหัวเราะออกมา ซูมู่ชิงได้ยินน้องชายแซะสามีก็หัวเราะไม่ออก
แต่เย่เฉินไม่เคยดูการแสดงนี้มาก่อนเลยไม่เข้าใจว่าซูมู่ชิงกำลังพูดเรื่องอะไร
“ที่จริงแล้วเอ้อร์กัวโถวก็เป็นแค่น้ำเปล่า!”
“ฮ่าๆ”
“บ้ากันทั้งบ้าน”
เย่เฉินไม่ได้สนใจเขา แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะเมื่อคืนเขาเหนื่อยมาทั้งคืน
เวลาล่วงเลยไปถึงสามทุ่มอย่างรวดเร็ว เย่เฉินก็กินข้าวเย็นที่นี่เสร็จพอดี
เดิมทีจะอยู่ต่อแค่ตอนบ่าย กินข้าวเสร็จก็จะกลับบ้าน
แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฝนจะตกหนักเรื่อยๆ
ซูหมิงเจ๋อกล่าว “เสี่ยวเฉิน ฝนกำลังตกหนักเลย ขับรถอันตราย คืนนี้เธอกับมู่ชิงอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะ ค้างที่นี่สักคืนเถอะ ห้องของมู่ชิงอยู่ที่ชั้นสอง”
“ครับ”
เย่เฉินเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะเขาไม่ได้รังเกียจอะไรที่ต้องพักอยู่ในบ้านของพ่อตาแม่ยาย
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจก็คือหวังเจียเหยาเองก็พักอยู่ที่นี่ด้วย!
ไม่เพียงเท่านั้นห้องของหวังเจียเหยาและซูมู่ชิงอยู่ชั้นสองเหมือนกัน อีกทั้งยังอยู่ตรงข้ามของห้องพวกเขาด้วย!
เย่เฉินกลับไปที่ห้องของตนเองหลังจากที่แม่นมกล่อมบุตรสาวหลับไปแล้ว
เวลาก็ปาไป 5 ทุ่ม ทุกคนต่างก็นอนหลับไปหมดแล้ว
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ด้านนอกของเย่เฉินและซูมู่ชิง
เย่เฉินและซูมู่ชิงสบตากัน เย่เฉินเห็นภรรยานอนบนเตียงแล้ว จึงกล่าว “เดี๋ยวผมเปิดประตูเอง”
เมื่อเปิดประตูก็พบว่าเป็นหวังเจียเหยา!
เย่เฉินถึงถามอีกฝ่ายทันที “มีอะไร?”
หวังเจียเหยาในชุดนอนชาแนล บนเรือนร่างของหล่อนยังมีกลิ่นน้ำหอมที่เย่เฉินคุ้นเคยที่สุดลลอยอบอวลอยู่ “ฉันมายืมของ”
“ของอะไร?” เย่เฉินถาม
หวังเจียเหยากล่าว “ก็ของที่พวกนายใช้กันตอนกลางคืนไง เราก็ต้องใช้เหมือนกัน แต่เรายังไม่ได้ซื้อ”
เย่เฉินสับสน “พูดเหลวไหลอะไร”
เพิ่งพูดจบเขาก็เข้าใจได้ว่าหวังเจียเหยาต้องการจะพูดอะไร
เย่เฉินหัวเสียทันที “หวังเจียเหยา นี่คุณจงใจมายั่วโมโหผมใช่ไหม? ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นขอยืมอะไรเลย เราไม่มี!”
พูดจบเขาก็ปิดประตูด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“คนใจแคบ!” หวังเจียเหยาเดินออกไปอย่างไม่พอใจนัก
หลังจากเดินกลับเข้ามาในห้อง ซูมู่ชิงก็รีบปลอบทันทีเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ที่รักเป็นอะไรไปคะ? หวังเจียเหยามาขอยืมอะไรเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวอย่างเซ็งๆ “ยืมอะไรล่ะ หล่อนจงใจมายั่วโมโหผม!”
ซูมู่ชิงลูบหลังเพื่อปลอบโยนเขาไม่หยุดแล้วกล่าว
“ขอโทษด้วยนะคะที่รัก แม่ฉันนี่จริงๆ เลย จงใจให้หล่อนอยู่ต่อเพื่อยั่วโมโหคุณ พรุ่งนี้เรากลับบ้านเรากันนะคะ ไม่อยู่ที่นี่ต่อแล้วดีไหม?”
“ครับ” เย่เฉินกอบกุมมือบาง
เขาดีใจเหลือเกิน ดีใจที่ภรรยาของเขาเข้าใจเขา คิดเผื่อเขาไปเสียทุกเรื่อง!