ตอนที่298 ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่298 ได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เอา

หวางอวี่จุนรีบโทรหาเจ้าเซียวเกา ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเมล็ดพืชการาจ และเชิญเขาออกมารับประทานอาหารด้วยกัน

เรื่องที่ท่าเรือเฉียนตงโจมตีท่าเรือหัวจนประสบปัญหาครั้งใหญ่ ทางบริษัทเมล็ดพืชดการาจเองก็รับรู้เรื่องราวแล้วเช่นกัน

เจ้าเซียวเกาตระหนักดีอยู่ในใจว่า การที่หวางอวี่จุนนัดหมายเขาออกมาทานข้าวเช่นนี้ก็เพื่อฉกฉวยโอกาสดึงลูกค้าเข้าตัวจากอีกฝ่าย

แต่หากให้ทางเขายกเลิกออเดอร์ทั้งหมดในการขนส่งเมล็ดพืชจากท่าเรือหัว พวกท่าเรือเฉียนตงเองจำเป็นต้องแสดงความจริงใจให้เห็นเช่นกัน

ซึ่งความจริงใจที่ว่าคืออะไร? แน่นอน…ไม่มีอะไรที่ดูจริงใจไปกว่าเงินแล้ว เจ้าเซียวเการะเบิดหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ได้เวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เข้าตัวครั้งใหญ่

เวลาหนึ่งทุ่ม หวางอวี่จุนและเจ้าเสี่ยวเกาเดินทางมาพบกันที่โรงแรมหยานจิ้ง

จ้าวเฉียนเองก็มาด้วยแต่ไม่ได้แสดงตัว ปล่อยให้หวางอวี่จุนและเจ้าเซียวเกาเจรจาในห้องอาหารส่วนตัวข้างๆ ไป

หวางอวี่จุนเป็นนักธุรกิจมือฉกาจ มีประสบการณ์ไม่น้อยในเวทีการเจรจาครั้งสำคัญๆ เขาย่อมทราบดีว่าตนเองควรพูดอย่างไรในโต๊ะอาหารค่ำแบบนี้

หวางอวี่จุนคลี่ยิ้มกว้างพลางยื่นเช็คใบหนึ่งให้อีกฝ่ายบนโต๊ะและกล่าวขึ้นว่า

“คุณเจ้า คงทราบถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของท่าเรือหัวแล้วใช่ไหมครับ?”

เจ้าเซียวเกาเหลือบมองเช็คใบนั้นบนโต๊ะ พอเห็นว่าแค่ห้าล้านหยวนก็พลันแสยะยิ้มดูแคลนทันที

ใช้เงินแค่ห้าล้านหวังจะให้ยกเลิกออเดอร์ทั้งหมด? ฝันไปเถอะ!

“ผมได้ยินข่าวลือมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่ แล้วผู้จัดการหวางมาวางเช็คแบบนี้มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ?”

เจ้าเซียวเกาตอบโต้ไปอย่างรู้เท่าทัน

จากท่าทางการแสดงออกของเจ้าเซียวเกา หวางอวี่จุนทราบทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังหมายความว่ายังไง

จ้าวเฉียนย้ำกับเขาก่อนลงสนามเจรจาครั้งนี้ไว้ว่า ให้ใช้เงินแก้ปัญหาและปิดดิลให้ได้โดยเร็วที่สุด งบจำกัดแค่20ล้านหยวน

ในเมื่อห้าล้านไม่สำเร็จ งั้นต้องสิบล้าน

หวางอวี่จึนยิ้มและตอบกลับไปว่า

“พวกเราเฉียนตงย้ำยีศักดิ์ศรีของพวกท่าเรือหัวจนไม่เหลือดี และดึงคนงานเกือบทั้งหมดของทางนั้นมาเป็นของเรา ทำให้การเดินเรือของพวกเขาหยุดชะงักเป็นอัมพาตไป ถ้าคุณเจ้า ช่วยให้ทางบริษัทของคุณมาสั่งออเดอร์กับเราได้ ผมสัญญาเลยว่าจะปรนนิบัติดูแลคุณเป็นอย่างดี”

เจ้าเซียวเกาแสร้งปั้นหน้าหนักใจ กล่าวตอบไปว่า

“เรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนครับ คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าบริษัทนี้เป็นรัฐวิสาหกิจ การจะเปลี่ยนคู่ค้ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในแต่ละปีพวกเราทั้งนำเข้าและส่งออกเมล็ดพืชอย่างน้อยห้าสิบล้านตัน ด้วยปริมาณมากขนาดนี้ แม้ทางผมจะหาทางแจกแจงส่วนหนึ่งให้กับทางคุณ มันก็ถือเป็นกำไรมหาศาล แต่อย่างที่ว่าแหละครับ พอขึ้นชื่อว่ารัฐวิสาหกิจ จะยื่นเรื่องทีมันทั้งซับซ้อนและยุ่งยากมาก หวังว่าจะเข้าใจกันนะครับ”

หวางอวี่จุนรีบกล่าวตอบไปทันทีว่า

“คุณเจ้าวางใจได้ครับ ถ้าร่วมมือกับทางเรา เราไม่มีทางปล่อยให้การขนส่งล่าช้าแบบท่าเรือหัวแน่นอน เช็คใบนี้ถือเป็นการแสดงความจริงใจของผม ห้าล้านมันค่อนข้างน่าละอายใจเกินไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นผมจะเพิ่มอีกสิบล้านหลังจากคุณเจ้าส่งเรื่องไปแล้ว ว่ายังไงครับ?”

เจ้าเซียวเกาคนนี้เป็นพวกโลภมากไม่น้อย ซึ่งเงินจำนวน15ล้านมันยังไม่เพียงพอสำหรับเขา

“ผู้จัดการหวางถ้าพูดถึงขนาดนี้ ผมก็ขอไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ สามสิบล้านสำหรับค่าแสดงความจริงใจ และขอเพิ่มอีกปีละสองล้าน ถ้าผู้จัดการหวางรับได้ ผมจะลองไปคิดดู แต่ถ้าไม่ก็ถือซะว่าวันนี้มาทานข้าวกันเฉยๆ”

เจ้าเซียวเกาเอ่ยกล่าวออกไปตามตรง

นี่มันไม่ใช่การต่อรองแล้ว แต่คือการขูดรีดกันชัดๆ แน่นอนว่าหวางอวี่จุนปฏิเสธออกไปทันที

เจ้าเซียวเการะเบิดหัวเราะขึ้นและลุกขึ้นยืนทำท่าว่าจะจากไปโดยตรง

“ในเมื่อผู้จัดการหวางไม่มีความจริงใจแบบนี้ ผมคงไม่อยากรบกวนให้เสียเวลาแล้ว อย่างไงก็เถอะ ผมขอบอกอะไรคุณสักหน่อยนะ ถ้าครั้งหน้าที่มาเจรจามันจะไม่ใช่ราคานี้แล้ว ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารนะครับ ขอตัวก่อน”

หวางอวี่จุนถึงกับทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เขารีบวิ่งไปหยุดเจ้าเซียวเกาทันทีและกล่าวว่า

“คุณเจ้า งั้นรอสักครู่นะครับ ผมขอโทรถามเจ้านายผมก่อนว่าจะยอมรับข้อเสนอนี้ไหม รบกวนรอก่อนนะครับ”

เจ้าเซียวเกาคลี่ยิ้มกว้างพยักหน้าตอบ และเดินกลับไปนั่งด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ในความคิดของเขา หวางอวี่จุนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากจำใจยอมรับข้อเสนอนี้ของเขา

หวางอวี่จุนแสร้งทำเป็นหยิบมือถือและเดินออกไปจากห้องอาหาร ก่อนจะรีบวิ่งเข้าที่ห้องอาหารส่วนตัวข้างๆ เอ่ยกล่าวถามจ้าวเฉียนที่นั่งรออยู่ทันทีว่า

“คุณชายจ้าว ผมควรจะทำยังไงดี ไอ้หมอนี่มันโลภมากเกินไป มันต้องการสามสิบล้าน พร้อมกับเงินอีกสองล้านทุกปี ถ้าเราไม่เห็นด้วยตอนนี้ ครั้งนี้ราคาคงไม่อยู่แค่นี้แน่”

เงินแค่ไม่กี่สิบล้านมันไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วสำหรับจ้าวเฉียน แต่เขาทนไม่ได้ที่ต้องเสียเหลี่ยมแพ้ชั้นเชิงให้กับเจ้าเซียวเกา

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงตอบกลับไปว่า

“งั้นก็ช่างมันเถอะ ไปจ่ายบิลแล้วกลับกัน ในเมื่อมันไม่จริงใจกับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องจริงใจกับมัน”

หวางอวี่จุนพยักหน้าและหันหลังกลับไปอย่างว่องไว

แต่พอเปิดประตูออกมาก็พบว่าเจ้าเซียวเกายืนรออยู่หน้าห้องดักรออยู่แล้ว

“หุหุ…ผู้จัดการหวาง ในเมื่อเจ้านายของคุณอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่เชิญเขาออกมาล่ะ? หรือนี่เป็นการดูถูกผมกัน หาว่าผมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพบหน้าเขา?”

เจ้าเซียวเกากล่าวด้วยใบหน้าแสนเย้ยหยัน

หวางอวี่จุนแสร้งระเบิดหัวเราะเสียงดังๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอับอาย แต่ทันใดนั้นสุ้มเสียงตะโกนของจ้าวเฉียนก็ดังลอดผ่านประตูออกมาว่า

“ผู้จัดการหวาง เชิญเขาเข้ามา”

หวางอวี่จุนรีบเบี่ยงร่างเปิดทางให้และผายมือเชิญเจ้าเซียวเกาเข้าไปข้างใน

เจ้าเซียวเกาเดินเข้าไปในห้องอาหารทันที แต่พอเห็นว่าจ้าวเฉียนยังเด็กมาก เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสนยิ่งว่า

“นายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังท่าเรือเฉียงตง…เด็กขนาดนี้เชียว?”

จ้าวเฉียนไม่ได้ลุกขึ้นต้อนรับใดๆ เขาแค่คลี่ยิ้มตอบอย่างสุภาพและกล่าวว่า

“ผู้จัดการเจ้าเองก็ยังเด็กมากเช่นกันครับ สามารถขึ้นมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเมล็ดพืชการาจได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถคงไม่ธรรมดา”

เจ้าเซียวเการู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เพราะนายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังท่าเรือเฉียนตงเพิ่งจะกล่าวชื่นชมเขาไป

อย่างไงก็ตาม ไม่มีสิ่งใดมีความสุขเท่าเงินตราอีกแล้ว

“ผมรู้สึกปลื้มใจจริงๆ ครับที่ได้รับคำชมจากนายใหญ่เฉียนตง ถามที่ผมกล่าวกับลูกน้องคุณไว้เลย เงินสามสิบล้านพร้อมกับเงินอีกสองล้านทุกปี ผมสัญญาว่าจะโอนออเดอร์ทั้งหมดที่ท่าเรือหัวได้รับให้แก่คุณ และจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อดึงออเดอร์จากที่อื่นเพิ่มให้ การันตีอย่างน้อยห้าสิบล้านตันทุกปี คุณได้เนื้อชิ้นโต ส่วนผมขอเพียงซุปเล็กๆ น้อยๆ นี่คงไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ?”

จ้าวเฉียนทราบดีว่า ออเดอร์ที่บริษัทเมล็ดพืชการาจมอบให้แก่ท่าเรือหัวมันเป็นส่งออกไปแค่ไม่กี่พื้นที่เท่านั้น และไอ้คำว่าพยายามของอีกฝ่ายมันก็แค่ลมปาก เพราะถ้าเจ้าเซียวเกาหาออดเดอร์ได้เพิ่มจริง พวกท่าเรือหัวคงมีออเดอร์เกิน50ล้านตันไปนานแล้ว

นี่จึงสรุปได้ว่า ต่อให้เฉียงตงสามารถร่วมมือกับบริษัทเมล็ดพืชการาจได้จริงๆ ยังไงออเดอร์ที่ได้ก็ไม่ถึง50ล้านตันแน่นอน

รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนมุมปากของจ้าวเฉียน เขาตอบไปว่า

“คุณเจ้าก็พูดถูกนะครับ ถ้าผมได้เนื้อชิ้นโตก็คงให้ซุปคุณไปกิน แต่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณจะหาเนื้อชิ้นโตได้จริงๆ รึเปล่า ดังนั้นผมคงให้ซุปคุณไม่ได้ นี่พูดมาทั้งหมดจะให้เรียกว่า การเจรจาหรือการรีดไถกันดี?”

เจ้าเซียวเกาที่ได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจความหมายที่จ้าวเฉียนจะสื่อไปทันที เขาโต้ตอบกลับไปด้วยความโกรธเคืองว่า

“คิดว่ากำราบท่าเรือหัวได้แล้วตัวเองจะใหญ่คับฟ้าขนาดนั้นเชียว? ในเมื่อต้องการแบบนี้ก็ได้! ผมจะช่วยพวกเขาให้กลับมาผงาดอีกครั้งและคว่ำคุณคอยดู!”

หวางอวี่จุนไม่รู้ว่าตนควรพูดอะไรออกไปดี ทำได้เพียงยืนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอยู่แบบนั้น

เพราะถึงยังไง ตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในการดูแลของจ้าวเฉียนแล้ว เขาจึงไม่กล้าออกหน้ามาชี้นิ้วสั่งการ

จ้าวเฉียนเตรียมตัวเตรียมใจมาเผื่อจุดนี้ไว้อยู่แล้ว เขายืนขึ้นและกล่าวว่า

“กลับกันเถอะ ได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่เอา ผมไม่ได้สนใจอะไรมากอยู่แล้ว”

หวางอวี่จุนไม่กล้าเอ่ยถามอะไรสักคำ พยักหน้าและเดินติดตามจ้าวเฉียนออกไป

จ้าวเฉียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดภาพของเด็กสาวหน้าตาสวยขึ้นมาบนจอ เธอคนนี้มีชื่อว่าโจวเหว่ยซู

โจวเหว่ยซูเป็นบุตรสาวนอกสมรสของโจวเจียงเฉิน ประธานบริษัทเมล็ดพืชการาจ และเธอเป็นรองผู้จัดการการค้าระหว่างประเทศของบริษัทนี้

บางทีจ้าวเฉียนคงต้องเริ่มต้นจากเธอก่อนและค่อยขยายไปในส่วนออเดอร์ขนส่งทีหลัง