ตอนที่299 ใช้โจวเหว่ยซูเป็นบันได

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่299 ใช้โจวเหว่ยซูเป็นบันได

คบหากับคนอย่างเจ้าเซียวเกาไปไม่มีวันพบเจอจุดจบที่ดี คนพวกนี้มักจะใช้อำนาจเพื่อควานหาผลประโยชนาส่วนตัวทั้งนั้น

ถ้าท่าเรือเฉียนตงปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาสนิทชิดเชื้อเกินไป ในไม่ช้าก็เร็วจะเกิดปัญหาขึ้นได้ ดังนั้นคนแบบนี้ไม่ใช่คนที่คู่ควรหาเป็นพันธมิตรด้วย

โดยเฉพาะกับตอนนี้ที่ท่าเรือเฉียนตงกำลังเปิดศึกกับท่าเรือหัวอยู่ ถ้ามันทรยศเอาข้อมูลของจ้าวเฉียนไปบอกกับพวกตระกูลหัวขึ้นมาจะทำยังไง? นี่มันอันตรายอย่างยิ่ง

ดังนั้นจ้าวเฉียนจำต้องเริ่มต้นจากโจวเหว่ยซูเป็นบันไดต่อขึ้นไปก่อน

จ้าวเฉียนโทรหาหัวหน้าพ่อบ้านหวังเจ๋อทันทีและกล่าวว่า

“พ่อบ้านหวัง ช่วยตรวจสอบข้อมูลของหญิงสาวที่ชื่อโจวเหว่ยซูให้ทีครับ เธอเป็นรองผู้จัดการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของบริษัทเมล็ดพืชการาจ”

หวังเจ๋อรับคำสั่งทันที

“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด”

จ้าวเฉียนส่งเสียงอืมและวางสายไป

ในฐานะที่เป็นถึงหัวหน้าพ่อบ้านตระกูลจ้าว หวังเจ๋อมีเครือข่ายข้อมูลอยู่ทั่วทั้งเมืองหวานจิ้ง การจะสืบค้นประวัติของโจวเหว่ยซูไม่ใช่เรื่องยากเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น หวังเจ๋อได้ส่งข้อมูลของโจวเหว่ยซูให้แก่จ้าวเฉียนเข้าไปยังอีเมล

หลังจากจ้าวเฉียนตื่นขึ้นมา เขาก็เปิดอีเมลดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลที่หวังเจ๋อเรียบเรียงมาให้เข้าเครื่องตัวเองโดยเร็ว และเปิดอ่านอย่างละเอียด

มีข่าวลือที่ว่าพ่อของโจวเหว่ยซูคือโจวเจียงเฉิน ประธานบริษัทเมล็ดพืชการาจ และแม่ของเธอก็ชื่อว่าชางหย่า อดีตเจ้าของร้านเสริมสวย

โจวเหว่ยซูเป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่นจากคุณพ่อ ผลการเรียนไม่ค่อยดีนัก

ดังนั้นโจวเจียงเฉินจึงยัดเงินใต้โต๊ะจำนวนมากเพื่อให้เธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์หยานจิ้ง

หลังจากสำเร็จการศึกษามา โจวเหว่ยซูก็เข้าทำงานในบริษัทเมล็ดพืชการาจ สองปีต่อมาเธอได้เลื่อนตำแหน่งจากพนักงานเงินเดือนธรรมดาสู่รองผู้จัดการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ

งานอดิเรกของเธอคือการเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย และความฝันของเธอคืออยากเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง

………….

เท่าที่อ่านดูแล้ว ที่เธอเกรดการเรียนไม่ดีไม่ใช่เพราะเธอเกเร แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเธอสนใจในด้านการแสดงจนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียนเท่าไหร่นัก จ้าวเฉียนใช้เวลาสรุปข้อมูลที่ได้มากกว่าครึ่งชั่วโมง

นี่ไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใดถ้าจะบอกว่า จ้าวเฉียนในตอนนี้คือชายหนุ่มที่รู้จักหญิงสาวนามว่าโจวเหว่ยซูดีที่สุดในโลก

โจวเหว่ยซูใฝ่ฝันอยากจพเป็นนักแสดง เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า และจ้าวเฉียนจะใช้จุดนี้แหละในการเข้าหาเธอ

จ้าวเฉียนรีบไปอาบน้ำและไปที่ฟิตเนสหรูที่โจวเหว่ยซูมักจะไปเล่นประจำ จากนั้นก็ไปสมัครสมาชิกระดับVIP

สองวันต่อมา เวลาหกโมงเย็น ในที่สุดโจวเหวินซูก็ปรากฏตัวขึ้น

จ้าวเฉียนที่ได้รับการแจ้งเตือนจากสายที่ส่งไป ก็รับเปลี่ยนเสื้อผ้าและรีบไปที่ฟิตเนสทันที

เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ คนที่มาเล่นฟิตเนสจึงเยอะเป็นพิเศษ

จ้าวเฉียนรีบเข้ามาทักทายเทรนเนอร์ทันที ยิ้มแย้มกล่าวขึ้นว่า

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ รบกวนด้วยนะครับทุกคน”

เทรนเนอร์รีบยิ้มตอบกลับไปว่า

“สวัสดีค่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปยืนตรงแถวหลังต่อจากเพื่อนๆ นะ จากนี้เราจะเริ่มวอมร่างกายกันก่อน”

เทรนเนอร์สาวคนนี้มีชื่อว่า หลิวเสี่ยวเฟย เธออายุ28ปี เป็นหัวหน้ากลุ่มนำฟิตร่างกายทีมนี้ ซึ่งมีเพียงโจวเหว่ยซูเท่านั้นที่เป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในทีม ขณะที่เหลือล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด

เป็นเรื่องธรรมชาติในฟิตเนส เทรนเนอร์สาวดึงดูดหนุ่มๆ และเทรนเนอร์หนุ่มมักดึงดูดสาวๆ

แต่นี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวเหว่ยซู ทำไมเธอถึงเลือกหลิวเสี่ยวเฟยแทนที่จะไปเลือกเทรเนอร์หนุ่มหล่อเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ?

จ้าวเฉียนเดินไปยืนบริเวณหลังแถว ถัดจากเขาก็เป็นโจวเหว่ยซูพอดี

หลิวเสี่ยวเฟยนำทุกคนวอร์มร่างกายเสร็จสิ้น จากนั้นเธอก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปเล่นเครื่องกันตามอิสระ เธอมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ถ้าใครมีปัญหาตรงไหนเธอจะตรงเข้าไปช่วยทันที

“โค้ชครับ เครื่องนี้ใช้ยังไง?”

“โค้ชสุดสวย…ผมลืมท่านี้แล้วว่าควรยกยังไง ช่วยสอนผมหน่อย”

“โค้ช…”

…………

พวกผู้ชายที่มาออกกำลังกายเอาแต่เรียกหาเทรนเนอร์สาวสวย พวกนี้มาเพราะความหื่นล้วนๆ

แน่นอนว่า ยุคแบบนี้การงานไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ถึงหลิวเสี่ยวเฟยไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายพวกนี้ก็จริง แต่เธอจำใจต้องฝืนยิ้มและรับใช้ตามคำสั่งของพวกเขาแต่โดยดี เพราะท้ายที่สุดนี้พวกเขาจ่ายค่าบริการรายปีระดับVIPมาแล้ว และค่าบริการดังกล่าวก็รวมค่าจ้างเทรนเนอร์ไปแล้วด้วย

จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจเทรนเนอร์สาวเลยแม้แต่น้อย เอาแต่จดจ่อกับการวิ่งบนลู่วิ่งตามลำพัง ไม่นานโจวเหว่ยซูที่เพิ่งเล่นเครื่องเสร็จก็เดินเข้ามาวิ่งลู่ข้างๆ เขา

จ้าวเฉียนยังคงวิ่งอยู่แบบนั้นไม่ได้สนใจอะไร และเป็นโจวเหว่ยซิวที่เป็นฝ่ายริเริ่มบทสนทนาก่อนขึ้นว่า

“ทำไมคุณถึงไม่เรียกให้โค้ชช่วยบ้างล่ะ?”

จ้าวเฉียนหันศีรษะเหลือบมองโจวเหว่ยซูเล็กน้อย ยิ้มตอบไปว่า

“เรื่องง่ายๆ แบบนี้ยังต้องเรียกคนให้มาช่วยสอนอีกงั้นเหรอ?”

โจวเหว่ยซูนึกสนใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ยถามต่อไปว่า

“อะไรนะ? นี่คุณมาที่นี่เพื่อออกกำลังกายจริงๆ เหกรอ? ไม่ใช่เพื่อมาส่องเทรเนอร์สาว?”

“ฮ่าฮ่า…นี่ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะครับ อีกอย่างเธอก็ไม่เห็นสวยเท่าไหร่ ก็แค่หุ่นดีเพราะออกกำลังกายทุกวันเฉยๆ”

จ้าวเฉียนกล่าวเชิงสบประมาทเล็กน้อย

แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง หลิวเสี่ยวเฟยเทรนเนอร์สาวคนนี้ทั้งสวยและหุ่นดีเกินหน้าเดินตาผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างชัดเจน จึงไม่แปลกที่สามารถดึงดูดหนุ่มๆ ให้ตามติดเธอได้ขนาดนี้

เหตุผลที่จ้าวเฉียนกล่าวสบประมาทหลิวเสี่ยวเฟยก็เพื่อทำตัวให้แตกแยกกับผู้ชายคนอื่นๆ เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความสนใจที่โจวเสี่ยวเฟยมีต่อเขาได้

ซึ่งมันก็แน่นอน ดูเหมือนว่าโจวเหว่ยซูจะเริ่มสนใจจ้าวเฉียนมากขึ้นอีกเล็กน้อย เธอเอ่ยถามต่อว่า

“ฟังดูแล้ว คุณคงไม่ใช่ธรรมดาเหมือนไปพวกผู้ชายหื่นพวกนั้นแหะ แฟนสาวของคุณคงสวยกว่าโค้ชอีกล่ะมั้ง? รูปร่างดีกว่าโค้ชอีกงั้นเหรอ?”

จ้าวเฉียนหันซ้ายแลขวา และยื่นหน้าเข้าใกล้โจวเหว่ยซู เอ่ยกระซิบขึ้นว่า

“ไม่เท่าหรอก แต่ลูกน้องในบริษัทของฉันทุกคนล้วนสวยกว่าเธอมาก แต่เรื่องหุ้นต้องยกให้โค้ชเลยจริงๆ”

โจวเหว่ยซูตกหลุมพรางของจ้าวเฉียนทีละนิดละน้อย เธอเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัยว่า

“ลูกน้องในบริษัท? คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเหรอ?”

จ้าวเฉียนแอบแสยะยิ้มอย่างมีความสุขภายในใจ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนดี

การที่ลูกน้องในบริษัททุกคนของเขาสวยกว่าเทรนเนอร์สาวคนนี้ นี่ต้องระดับนางแบบไม่ก็นักแสดงแล้ว?

แล้วบริษัทที่รวมสาวสวยไว้แบบนี้คงไม่ใช่บริษัททั่วๆ ไปแน่นอน

“ผมเป็นเจ้าของบริษัทเฉียนเก๋อ เอ็นเตอร์เทรนเม้นท์ครับ ดาราสาวในสังกัดของผมล้วนมีชื่อเสียงและสวยมีเสน่ห์กันทุกคน”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปทันที

โจวเหว่ยซูที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตกตะลึงอย่างยิ่งจนฝีเท้าพลันชะงักหยุดลงทันใด แต่ในตอนนี้ใต้เท้าของเธอเป็นลู่วิ่งและเธอก็กำลังอยู่ในระหว่างวิ่งอยู่ ส่งผลให้เธอกลิ้งกระเด็นตกลู่วิ่งล้มก้นจ้ำเบ่าอย่างแรง

จ้าวเฉียนรีบกระโดดลงไปช่วยประคองโดยไว อุ้มโจวเหว่ยซูขึ้นมาและเอ่ยถามขึ้นว่า

“คนสวย! เป็นอะไรรึเปล่าครับ? ไปโรงพยาบาลก่อนดีไหม?”

โจวเหว่ยซูรีบผลักออกจากอ้อมอกจ้าวเฉียน รีบทรงตัวยืนขึ้นทันทีด้วยความเขินอาย โชคยังดีที่เธอใช้อุปกรณ์ป้องกันครบครัน จึงทำให้เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรร้ายแรง

หลิวเสี่ยวเฟยรีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความตกใจเช่นกันว่า โจวเหว่ยซิ่วได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

แต่โจวเหว่ยซูเพียงยิ้มตอบกลับไปว่า

“ขอบคุณนะคะแต่ดิฉันไม่เป็นอะไรมาก สบายดีค่ะ เดี๋ยวเขาจะพาดิฉันไปนั่งพักเอง”

จ้าวเฉียนยิ้มและพยักหน้าตอบ พลางถอนหายใจอย่างลับๆ ใช้เวลาเฝ้ารอกว่าหนึ่งสัปดาห์ในที่สุดโจวเหว่ยซูก็ติดเหยื่อ

จ้าวเฉียนประคองเธอมายังโซนพักผ่อนและนั่งลง จ้าวเฉียนเอ่ยถามอีกครั้งว่า

“คนสวย แน่ใจนะครับว่าไม่ไปตรวจที่โรงพยาบาล?”

โจวเหว่ยซูส่ายหัวและยิ้มตอบไปว่า

“อย่าเรียกดิฉันว่าคนสวยเลยค่ะ ดิฉันชื่อโจวเหว่ยซู คุณชื่อ…”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามความจริง

“ผมจ้าวเฉียน ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมคิดว่าผมเห็นแววของคุณโจวนะครับ ถ้ามีโอกาสผมก็ยากปั้นนักแสดงหน้าใหม่ขึ้นในสังกัดอีกสักคน”

โจวเหว่ยรู้สึกดีใจอย่างมากก็จริง แต่ใช่ว่าจะดีใจจนเสียสติ

ใครก็บอกได้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทเฉียนเก๋อ และยังไม่มีอะไรพิสูจน์ได้เลยว่า สิ่งที่จ้าวเฉียนพูดไปเป็นความจริง

ดังนั้นโจวเหว่ยซูจึงยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ดิฉันได้ยินมาว่า อู่ซินก็กำลังถ่ายทำอยู่ที่กองถ่ายเมืองหวานจิ้งแห่งนี้พอดี เธอเป็นศิลปินสังกัดเฉียนเก๋อที่ดิฉันชอบที่สุดเลย คุณช่วยพาเธอมาพบหน่อยได้ไหมค่ะ? ดิฉันอยากชวนเธอไปทานดินเนอร์สักมื้อจัง แล้วขอลายเซ็นด้วย”

โจวเหว่ยซิ่วเป็นถึงรองผู้จัดการฝ่ายการค้าระหว่างประเทศ เธอมีกึ๋นและชั่นเชิงพาควร ปฏิกิริยาแรกของเธอย่อมสงสัยในตัวตนของจ้าวเฉียนเป็นธรรมดา ดังนั้นเธอจึงเอ่ยกล่าวออกไปแบบนั้นเพื่อทดสอบ

ถ้าจ้าวเฉียนสามารถโทรหาอู่ซินเพื่อนัดหมายได้ นั้นเท่ากับว่าเขาต้องเป็นเจ้าของบริษัทเฉียนเก๋อตัวจริงเสียงจริงอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นก็เท่ากับว่าเขากำลังหลอกเธอ และใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเข้าหาเท่านั้น

จ้าวเฉียนครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนกล่าวตอบไปว่า

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่ที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับอู่ซินจะพอมีเวลาว่างออกมาเจอหรือเปล่า เดี๋ยวผมโทรถามเธอให้เอง”

โจวเหว่ยซูยิ้มและพยักหน้าตอบกลับไปว

จ้าวเฉียนลุกขึ้นและเดินกลับไปยังห้องล็อกเกอร์ หยิบมือถืออกมาและโทรหาอู่ซินต่อหน้าโจวเหว่ยซู

อู่ซินเพิ่งเลิกกองและกำลังกินข้าวเย็นอยู่ พอเห็นว่าจ้าวเฉียนโทรเข้ามาเธอก็รีบวางข้าวกล่องและรับโทรศัพท์ทันที

“ฮาโหลจ้าวเฉียน มีอะไรรึเปล่า?”

อู่ซินเอ่ยถามอย่างมีความสุข

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“มีแน่นอนเลยโทรมานี่แหละ มีเพื่อนฉันคนหนึ่งเขาเป็นแฟนคลับตัวยงของเธอเลย ฉันอยากให้เธอไปกินข้าวแล้วมอบลายเซ็นให้น่ะ”

อู่ซินเอ่ยตอบท่าทีประหม่าเล็กน้อย

“ตอนนี้เลยเหรอ? ฉันคงไม่มีเวลาว่างไปกินข้าวกับเพื่อนนายขนาดนั้น แต่ถ้าไปเจอถ่ายรูปหรือแจกลายเซ็นอะไรแบบนั้นน่าจะทันอยู่นะ”

จ้าวเฉียนไม่ต้องการปรากฏตัวอยู่อแล้ว ทุกอย่างดูจะเข้าทางเขาเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เพื่อนของฉันไปหาที่กองถ่ายแล้วกัน อย่าปฏิบัติกับเพื่อนของฉันเป็นพิเศษอะไรขนาดนั้นนะ เดี๋ยวเป็นข่าวขึ้นมาจะยุ่ง แจกลายเซ็นถ่ายรูปกันเสร็จก็ไปถ่ายต่อเถอะ”

อู่ซินตอบตกลงทันที

“ได้เลย! นายบอกให้เขามาที่กองถ่ายเลย ถ้าไปถึงแล้วเดี๋ยวฉันออกไปหาเอง”

จ้าวเฉียนกล่าวแนะให้เธอรู้จักหาเวลาว่างออกกำลังและพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าโหมงานหนัก จากนั้นจึงค่อยกดวางสายไป