บทที่ 237 จักรพรรดิแมวเก้าชีวิต!
เย่เทียนข้ามผ่านรอยแยกมิติระดับ 5 ดาวใกล้กับฐานทัพจงไห่อีกครั้ง
เขาไม่ได้เข้าไปในฐานทัพในโลกของสัตว์อสูรแต่เลือกที่จะมุ่งหน้าลึกเข้าไปในโลกของสัตว์อสูรโดยตรงตลอดการเดินทาง
เย่เทียนอยู่ในสถานะล่องหนตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิค้นพบ
ซึ่งมันอาจจะรบกวนเป้าหมายของเขาในการมายังโลกสัตว์อสูรครั้งนี้ได้
ตอนนี้พรสวรรค์ล่องหนของเย่เทียนได้บรรลุถึงระดับลึกลับปลอมแล้วภายใต้ความช่วยเหลือของพรสวรรค์ด้านความเข้าใจความสามารถในการล่องหนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากเขาสามารถ
บินได้อย่างรวดเร็วโดยแทบจะไม่ปรากฎความผันผวนของคลื่นพลังปราณเลยแม้แต่น้อย
เย่เทียนบินอยู่หลายชั่วโมงตรวจสอบพื้นที่ต่างๆจํานวนมากและยังได้สะกดจิตสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิบางตนเพื่อถามไถ่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ทันใดนั้น
ร่างสีทองดึงดูดความสนใจของเย่เทียน
มันดูคล้ายกับรูปแกะสลักสีทองขนาดใหญ่!
“อินทรีปีกทอง เป็นมัน!”
เย่เทียนจดจํามันได้ในทันทีมันคืออินทรีปีกทองผู้ซึ่งเป็นโจทย์เก่าของเขาก่อนหน้านี้เขาได้
ขโมยดอกไม้แห่งความว่างเปล่าของอินทรีปีกทองจากรังของมัน และทําให้พรสวรรค์ในการคัด
ลอกของเขายกระดับขึ้นนอกจากนี้เขายังคัดลอกพรสวรรค์การบินระดับลึกลับและพรสวรรค์การ
ฟันระดับสูงมาจากมันอีกด้วยพรสวรรค์ทั้งสองนี้เป็นประโยชน์ต่อเย่เทียนมากทีเดียว!
ก่อนหน้านี้อินทรีปีกทองตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวจนเย่เทียนไม่สามารถต่อกร
กับมันได้เลย เขาแม้กระทั่งต้องหลบหนีจากการไล่ล่าของมันหัวซุกหัวซุนจนต้องซ่อนตัวอยู่ในแม่น่าเป็นเวลาเนิ่นนานถึงกลับออกมา
หลังจากนั้นตัวเขาและจักรพรรดิจันทราก็ออกตามหาสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์หนามวิญญาณและได้พบกับมันอีกครั้งในขณะที่มันกําลังต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิอีกตนและตอนนี้เขาก็บังเอิญได้พบกับมันอีก
ต้องบอกว่าโชคชะตาระหว่างเขากับมันช่างลึกซึ้งจริงๆ!
“ความแข็งแกร่งของอินทรีปีกทองเหนือกว่าแต่ก่อนมากก่อนหน้านี้มันน่าจะเปลี่ยนแปลงสายเลือดห้าครั้งแต่ตอนนี้มันควรจะเปลี่ยนแปลงสายเลือดได้หกครั้งแล้ว
น่าเสียดายที่อินทรีปีกทองไม่มีพรสวรรค์ในการโจมตีที่แข็งแกร่ง แม้ว่าความเร็วของมันจะเร็วกว่าจักรพรรดิขวานสงครามที่ทําลายขีดจํากัดของร่างกายสามครั้งแต่พลังโจมตีของมันนั้นกลับ
ย่าแย่เป็นอย่างมากดังนั้นพลังการต่อสู้ของมันจึงด้อยกว่าจักรพรรดิขวานถึงแม้ตอนนี้อินทรีปีกทองจะได้พบกับจักรพรรดิขวานสงครามอีกครั้งมันก็ทําได้เพียงหลบหนี
“ความแข็งแกร่งโดยรวมของอินทรีปีกทองนับว่าแข็งแกร่งมากในหมู่สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิ
มันน่าจะรู้ข้อมูลบางอย่างใช่ไหม?”
เย่เทียนคาดเดา
ดังนั้น
เขาจึงปลดเปลื้องพรสวรรค์ล่องหน เคลื่อนย้ายพริบตาไปปรากฎตรงหน้าอินทรีปีกทองเมื่ออินทรีปีกทองเห็นมนุษย์มาปรากฎเบื้องหน้ามัน ความโกรธเกรี้ยวของมันก็พุ่งขึ้นในทันที
ตัวมันนั้นเกลียดชังมนุษย์เป็นที่สุด!
เพราะก่อนหน้านี้สมบัติของมันถูกขโมยไปโดยมนุษย์จนถึงตอนนี้มันยังไม่พบหัวขโมยมนุษย์
ผู้นั้นเลย ดังนั้นมันจึงเกลียดชังมนุษย์เป็นอย่างมาก
“หืมม กลิ่นอายนี้… เจ้า..เจ้าหัวขโมยมนุษย์!”
อินทรีปีกทองจดจําตัวตนของเย่เทียนได้
ทันใดนั้น มันสบัดปีกอย่างรวดเร็วเส้นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกมา มันต้องการที่จะจบชีวิตของเย่เทียนในการโจมตีเดียว
“อินทรีปีกทองหากเป็นเมื่อหลายปีก่อนฉันคงไม่สามารถรับการโจมตีของแกได้แต่ตอนนี้..”เย่เทียนยิ้มบางๆและชี้นิ้วไปที่อินทรีปีกทอง
ฟูม!
พลังแห่งมิติแผ่กระจายออกมาแช่แข็งพื้นที่โดยรอบ
อินทรีปีกทองพบว่าความเร็วของมันช้าลงถึงขีดสุด ราวกับว่ามีบางอย่างกําลังฉุดรั้งมันไว้
ณ ตอนนี้เอง
เย่เทียนพลันเกิดความคิดแปลก ๆขึ้น เขาเริ่มทดสอบความสามารถด้านมิติที่เขาพึ่งได้เรียนรู้มาเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อพรสวรรค์ด้านมิติกลายเป็นระดับลึกลับปลอม มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เมื่อสามารถ เข้าใจความลึกลับของพรสวรรค์ด้านมิติมากขึ้นมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ยิ่งเขาใช้พลังมิติมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเข้าใจความหมายของพรสวรรค์ด้านมิติมากขึ้นเท่านั้น
ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากพรสวรรค์ด้านความเข้าใจ พรสวรรค์ด้านมิติต่างจากพรสวรรค์ชนิดอื่นๆ
พรสวรรค์อื่นๆมีความสามารถเพียงอย่างเดียวแต่พรสวรรค์ด้านเวลาและมิตินั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
น่าเสียดายที่พรสวรรค์ด้านมิตินั้นยากที่จะเข้าใจก่อนหน้านี้เขาคัดลอกพรสวรรค์ด้านมิติมาจากสัตว์อสูรจึงไม่เคยกังวลถึงเรื่องนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้เขาสามารถทําความเข้าใจพรสวรรค์ด้านมิติได้เพียง 10% เท่านั้นหากเขาต้องการ
ให้มันไปถึง 20% ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ยังดีที่เขามีพรสวรรค์ด้านความเข้าใจระดับสูงสุดมิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถยกระดับความเข้าใจความลึกลับของมิติให้กลายเป็นระดับลึกลับที่แท้จริงได้
ตอนนี้ความสามารถด้านมิติจึงถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเย่เทียนมันคือการบีบอัดมิติ!
การบีบอัดมิติคืออะไร? มันคือการบีบอัดมิติให้เล็กลงมากที่สุด หากสามารถพัฒนาความสามารถนี้ได้จนถึงขีดสุดได้ไม่แน่ว่าวันหนึ่งเขาอาจจะบีบอัดพื้นที่ดาวเคราะห์ให้เหลือเพียงจุดเล็กๆได้
ตอนนี้เย่เทียนสามารถบับอัดมิติได้เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่หากเขาสามมารถพัฒนามันขึ้นไปจนถึงขีดสุด บางทีเขาสามารถสร้างแหวนมิติได้โดยไม่ต้องพึ่งพาหินมิติเลยด้วยซ้ำ
“บีบอัดมิติ!”
เย่เทียนกระตุ้นความสามารถด้านมิติทันที
แคร่ แคร๊ก!!!
มิติรอบ ๆ อินทรีปีกทองถูกบีบอัดทีละน้อย ส่งผลให้อินทรีปีกทองกรีดร้องออกมาอย่างน่า สังเวช มันรู้สึกว่ามันกําลังถูกบดขยี้ด้วยพลังมิติอันน่าหวาดกลัว ขนสีทองบนร่างมันพลันแตก
กระจาย
ไม่นานร่างของอินทรีปีกทองก็ชุ่มไปด้วยเลือด!
“เกือบจะสําเร็จแล้ว!”
เย่เทียนไม่ต้องการใช้อินทรีปีกทองเป็นตัวทดลองอีกต่อไป เขาเก็บพลังมิติกลับมาในทันที
“มนุษย์ ขายอมแพ้!”
อินทรีปีกทองก้มหัวลง มันไม่กล้าที่จะทําตัวหยิ่งผยองต่อหน้าเย่เทียนอีกแล้ว
แม้ว่าเย่เทียนจะเป็นศัตรูที่มันเกลียดชังและยังเป็นคนที่ขโมยสมบัติของมันไป แต่มันรู้ซึ้งแล้ว ว่ามันนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียน เย่เทียนสามารถฆ่ามันได้ในพริบตา แล้วมันยังจะกล้าหยิ่งยโส
ได้อย่างไร?
“ยอมแพ้?”
เย่เทียนรู้สึกตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการสะกดจิตอินทรีปีกทอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ จําเป็นต้องท่าเช่นนั้นแล้ว
“อินทรีปีกทอง ฉันมีเรื่องจะถามแก แกรู้ไหมว่าใครกันที่ฆ่าจ้าวแห่งมังกรดํา?”
เย่เทืยนถาม
“ข้ารู้!”
เมื่ออินทรีปีกทองตอบ ในขณะที่ร่างของมันสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ามันกําลังหวาดกลัว
“ใครที่ฆ่ามัน?”
เย่เทืยนถาม
“ข้า. …… ข้าไม่กล้าพูด!” อินทรีปีกทองกล่าวด้วยความกลัว
“ไม่พูด งั้นแกก็ตายซะ!
เย่เทียนข่มขู่
“ได๋ ได้ ข้าพูดแล้ว!” อินทรีปีกทองยอมจํานนนอีกครั้ง “เป็นจักรพรรดิแมวเก้าชีวิตที่ฆ่าจ้าว มังกรดา ทั้งสองเคยมีความแค้นต่อกันเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ในการแย่งชิงผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ จ้าว แห่งมังกรดําาได้ร่วมมือกับจ้าวพยัคฆ์ด่าเพื่อแย่งชิงผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิแมว 9 ชีวิต
แต่หลังจากการต่อปะทะกันชั่วครู่จักรพรรดิแมวเก้าชีวิตก็หลบหนีไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน
จักรพรรดิแมวเก้าชีวิตก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาได้สังหารจ้าวพยัคฆ์ทมิฬจากนั้นเขาก็ตามล่าจ้าว
มังกรดําและสังหารเขาได้ขณะที่เขากําลังล่าเหยื่อ
“แม้แต่จ้าวพยัคฆ์ทมิฬก็ถูกฆ่าด้วย?”
เย่เทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้จ้าวพยัคฆ์ทมิฬได้ออกตามล่าเขาพร้อมกับจ้าวแห่งมังกรดํา เดิมทีเขาคิดจะหา
โอกาสสังหารพวกมันหลังจากที่เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่คาดคิดว่าพวกมันจะตกตายไปแล้วด้วย
นํามือของจักรพรรดิแมวเก้าชีวิต
เย่เทียนรู้สึกประทับใจจักรพรรดิแมวเก้าชีวิตอยู่เล็กน้อย มันไม่ได้เป็นแม้แต่ 12 จ้าวแห่งสัตว์
อสูรเลยด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถสังหาร 2 ใน 12 จ้าวแห่งสัตว์อสูรได้
ไม่ซิ!!! ตอนนี้มันน่าจะเป็นหนึ่งในสิบเจ้าแห่งสัตว์อสูรแล้ว “จักรพรรดิแมวเก้าชีวิตก้าวไปถึงระดับพระเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ?” เย่เทียนถามอีกครั้ง
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้! ข้าจะกล้าเข้าใกล้ท่านจักรพรรดิแมวเก้าชีวิตได้อย่างไร? เรื่องทั้งหมดข้า
ได้ยินจากข่าวลือของสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังตนอื่นๆเท่านั้น!”
อินทรีปีกทองกล่าวอย่างน่าสงสาร
เพื่อยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริง เย่เทียนจึงสะกดจิตอีกทองและถามคําถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
“อินทรีปีกทองไม่ได้โกหก!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
“อินทรีปีกทองแกกับฉันมีความแค้นต่อกันอีกอย่างฉันไม่รู้ว่าสัตว์อสูรอย่างแกฆ่ามนุษย์ไปมากมายแค่ไหนแล้วลูกน้องของแกเองก็มือเปื้อนเลือดของมนุษย์มากเช่นกันดังนั้นฉันไม่สามารถปล่อยแกไปได้แต่ฉันจะไม่ทําให้แกต้องทรมาน!”
เย่เทืยนกล่าวกระซิบ
ทันใดนั้นเขาก็ใช้พรสวรรค์หนามวิญญาณโจมตีอินทรีปีกทองขณะที่มันยังคงถูกสะกดจิต
ในโลกเสมือนจริงของหอคอยเกียรติยศ เขาไม่กล้าเปิดเผยพรสวรรค์หนามวิญญาณแต่ที่นี่เขาไม่จําเป็นต้องกลัว
ที่โลกเสมือนจริงเขากลัวว่าพรสวรรค์ของหนามวิญญาณของเขาจะถูกเปิดเผยมันจะทําในจักรพรรดิคนอื่นๆหวาดกลัวเขาและทําให้เกิดปัญหาตามมาโดยไม่รู้จบเพราะการโจมตีทางวิญญาณนั้นน่าสพรึงกลัวจนเกินไปแม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในการจัดอันดับจักรพรรดิก็ยากที่จะป้องกันหนามวิญญาณของเย่เทียนได้เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีสมบัติที่สามารถป้องกันการโจมตีทางวิญญาน
ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะไม่ใช้พรสวรรค์หนามวิญญาณบนโลกของเขา
แต่ในโลกของสัตว์อสูรนี้เขาไม่มีอะไรต้องกังวล
พรูด!!!!
หนามวิญญานทะลุผ่านวิญญาณของอินทรีปีกทอง
ระดับการบ่มเพาะของมันด้อยกว่าเย่เทียนมันจะต้านทานพรสวรรค์หนามวิญญาณของเย่
เทียนได้อย่างไร? วิญญาณของมันถูกทําลายอย่างสมบูรณ์และเสียชีวิตไปในทันที
.